ภูเก็ตแย่แล้ว! พุ่งเบอร์หนึ่งยอดผู้ติดเชื้อ สูงกว่ากรุงเทพฯ

"ห้ามแล้ว แต่คนเก่าเขายังอยู่ ต้องจัดระเบียบให้อยู่ในที่ในทาง เราเห็นแล้วจังหวัดนี้ไม่ใหญ่ก็จริงแต่คนทำงาน เราถือว่ามีความเสี่ยงหมดเพราะทั้งจังหวัดทำงานเกี่ยวกับการบริการโรงแรม ท่องเที่ยวทั้งหมด จังหวัดนี้เป็นจังหวัดสำคัญที่มีโอกาสจะเกิดปัญหาเยอะที่สุด ขณะนี้เลยใช้มาตรการทางกฎหมายล็อกดาวน์เลย ทำให้คนที่อยู่ในนั้นไม่ให้ออก ไม่ให้เข้า จังหวัดใกล้ๆ เขาก็พยายามล็อกเหมือนกัน"

"ต้องอาศัยรถพุ่มพวงและอาศัยการส่งข้าวส่งน้ำ ซึ่งตรงนี้เป็นมาตรการที่แรงขึ้นจนกว่าจะคลี่คลาย"

"มีการปิด แต่ปิดจริงจังมากน้อยแค่ไหนก็อีกเรื่อง มีการฝืน ฝ่ายปกครองกำลังเข้าไปรื้อค้นและควบคุมให้ได้ผล 100 เปอร์เซ็นต์"

"ต้องดีขึ้น อย่างน้อยที่สุดเราก็จำกัดวง ไม่ให้ใครออกมาเพ่นพ่านได้ การกำจัดวงไม่ได้แปลว่าจะไม่มีผู้ป่วยอีกเลยนะ มีแต่ในวงเล็กๆ ไปเรื่อยๆ ทำให้ทรัพยากรของการดูแลรักษาทางการแพทย์ในจังหวัดนั้นๆ ดูแลได้ จริงๆ ตอนนี้ก็ค่อนข้างแย่ แต่อย่างน้อยที่สุดก็พอทำเนาที่พอจะทำได้ ถ้าหนักกว่านี้คงไม่ไหว"

"แน่นอน ที่ควรจะเห็นคือลดลงเรื่อยๆ เต็มที่ 2 สัปดาห์จะเห็นผลชัดเจน แต่ยังไม่เห็นว่าหายไปหมดนะ"

"จังหวัดไหนมีปัญหาเขาก็ล็อกดาวน์ มันเป็นมาตรการที่ใช้ยาแรง มีผลกระทบมาก แต่ถ้าปล่อยให้โรคระบาดไปเรื่อยๆ มันจะเอาไม่อยู่ ที่สำคัญการใช้มาตรการนี้ ตรงไหนเหมาะสมที่สุดต้องมานั่งคิดกันทั้งทางฝ่ายปกครองและการแพทย์ แต่ละจังหวัดอาจทำตามกัน"

"เป็นเบอร์หนึ่งของประเทศแล้ว คิดว่าจะมีคนตามแบบถ้าเอาไม่อยู่ หลายจังหวัดที่เอาไม่อยู่ มีการเติมเข้ามาทำให้เกิดปัญหา ถ้าเติมเข้ามาเสร็จล็อกให้อยู่ คุมให้อยู่ รักษาให้อยู่ ให้อยู่ในที่กักกัน ก็อาจไม่แพร่ออกไป"

"จริงๆ เราก็ไม่ได้ตกใจมาก พอแยกออกมาจะเห็นว่าในตัวเลขนี้มีหลายปัจจัยที่ซ่อนอยู่ ปัจจัยแรกคือกลุ่มที่สัมผัสกับคนไข้เก่า มี 37 ราย ซึ่งมันจะคงที่แบบนี้ไปเรื่อยๆ เพราะอยู่ใกล้ชิดมาก เรามีการควบคุมดูแลใกล้ชิด อีกกลุ่มเพิ่งเกิดขึ้นใหม่คือบุคลากรทางการแพทย์แต่ไม่มากเท่าไหร่ แต่กลุ่มที่น่าตกใจคือกลุ่มที่มาจากอินโดนีเซีย กลุ่มนี้เข้ามา 70 กว่าคน แต่คอนเฟิร์มยืนยันว่าเป็นโควิดถึง 42 คน ซึ่งมากกว่าครึ่ง 70 กว่าคนที่เข้ามาถูกสกรีนก่อนขึ้นเครื่อง ซึ่งกลุ่มนั้นคือกลุ่มที่มีไข้ และตกค้างอยู่โน่น เขาก็ไม่ให้ขึ้นเครื่องเพราะเป็นกฎเกณฑ์ของการบินระหว่างประเทศ แต่กลุ่มที่เข้ามา ยืนยันว่า 42 คนที่พบว่าติดเชื้อโควิด"

มีมาจากเกาหลีอีกส่วน?

"ทราบว่ามีแต่ส่วนน้อย ไม่ได้เยอะ"

"เรื่องนี้ต้องใช้มาตการตามกฎหมาย กฎหมายต้องสอดส่อง ที่กักกันอยู่ในสายตาภาครัฐหมด คุณไปไหนไม่ได้ แต่ถ้าอยู่ที่บ้านผมว่าเชื่อใจได้สักแค่ไหน เพราะถ้าเผื่อคนที่มีสำนึกและมีการติดตามที่ดี ส่วนใหญ่อยู่บ้าน โอเค ได้ แต่ต้องยอมรับว่าการอยู่ในที่ที่รัฐจัดให้จะดีกว่า เพราะมันกักกันไว้เลย"

"อันนี้อยู่ที่จิตสำนึกของแต่ละคน และห่วงสุขภาพตัวเองมั้ย การกักกัน 14 วันถือว่าเซฟ แต่ไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์"

"ก็ให้ปฏิบัติตนเหมือนเดิม ก่อนถึงสงกรานต์ก็เหมือนเดิม ถ้าไปทำพิธีกรรมทางศาสนาก็ห่างๆ หน่อยแล้วกัน 1-2 เมตร ใส่หน้ากาก และอย่าสัมผัสใกล้ชิดมากเกินไป งดได้ก็ดี เราจะได้ไม่ต้องกังวลใจ"

"ส่วนใหญ่โรคนี้เป็นเชื้อใหม่ถ้าไม่กลายพันธุ์ โอกาสเป็นใหม่อีกครั้งน้อยมาก เมื่อไหร่ที่หายจากกระบวนการเจ็บป่วยไปแล้ว ภูมิคุ้มกันจะขึ้น จะป้องกันการติดเชื้อใหม่ ยกเว้นตัวเดิมกลายไปมากจนภูมิคุ้มกันมันจำไม่ได้"

"เป็นไปได้ เขาหายแต่เชื้อที่ตรวจได้เป็นซากที่ยังหลงเหลืออยู่ ซากนี่ปริมาณจะน้อย ไม่เหมือนครั้งแรก ข้อมูลเหล่านี้เป็นข้อมูลที่ทางการแพทย์สนใจมาก เราต้องเอาเคสนี้มากางดูและตรวจสอบว่าเกิดอะไรขึ้น"

"ไม่หนักเท่าครั้งแรก มันไม่ถึงกับลืมไปหมด มันยังคลับคล้ายคลับคลาได้บ้าง ก็พอต้านทานได้บ้าง ตอนนี้การกลายพันธุ์เกือบจะยังไม่เกิดขึ้นเลย ภูมิคุ้มกันที่ขึ้นสามารถป้องกันโรคได้ แต่ก็เรียนนิดนึงว่าอย่าท้าทาย"

"จริงๆ ผมอยู่ฝ่ายการแพทย์ อยากให้ตรวจเยอะ แต่ประเด็นคือตรวจไหวมั้ย สำคัญมาก เรามีเครื่องพอมั้ย สถานที่พอมั้ย โรคนี้เป็นโรคชุมชนเมืองกำลังระบาดไปชุมชนชนบท ทางสาธารณสุขก็แพร่ขยายจุดตรวจได้ 80 แลปแล้ว อีก 2 สัปดาห์ถึงร้อย อันนี้ตรวจเชื้อนะ ต้องบอกว่ามันยุ่งยากแต่ตอบโจทย์ แต่ถ้าตรวจน้ำเหลืองหรือตรวจภูมิ ต้องป่วยมาแล้ว 7-10 วัน อาจไม่ตอบโจทย์มาก แต่ตอบบางอย่างได้ แต่ไม่ตอบโจทย์ในการดูแลรักษา ตอนนี้เราทำงานได้มากขึ้น มีตัวเลขคร่าวๆ ว่าในกรุงเทพฯ มีแลปเกือบ 40 แห่ง วันหนึ่งความสามารถในการตรวจขึ้นไปถึง 1 หมื่นเทส ในทุกๆ จังหวัดนอกกรุงเทพฯ ก็จะได้อีก 1 หมื่นเทสต่อวัน ตัวเลขนี้มาพยุงทำให้มีการตรวจได้มากขึ้น การตรวจเราอยากตรวจมาก แต่ตรวจมากเราก็จะเจอมากขึ้น เรารับไหวมั้ย แน่นอนเราอยากเจอมากขึ้นเพื่อเอามาควบคุมดูแล แต่ประเด็นคือเราตรวจไหวมั้ย"

"ไม่จริงทั้งหมด เรามีมาตรการในการคัดกรองคนไข้ แต่โรคนี้มีอยู่ส่วนหนึ่ง ประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ มีอาการน้อยมากจนไม่มีอาการเลย กลุ่มนี้แพร่เชื้อน้อยกว่าคนมีอาการ เพราะคนมีอาการจะไอจาม จนเชื้อหลุดออกมา ฉะนั้นเอากลุ่มที่สำคัญก่อน ตอนนี้ก็กำลังจะขยายมากลุ่มนี้เหมือนกัน"

"ก็ผลิตเพิ่มขึ้น น้ำยาเหล่านี้ไทยผลิตเองนะ ยุคที่เกาหลีเขาตรวจเยอะมาก เขาทำของเขาเอง เขาก็มีเทคโนโลยีของเขาเอง เขาผลิตจนตอนนี้มันเบาแล้ว อเมริกาก็บอกว่าเอามาขายฉัน เขาจะซื้อ แต่เขาไม่ขายนะ อเมริกา ยุโรป เขามีกำลังซื้อสูง เขามีเทคโนโลยีสูง เขายังไม่พอเลย เราจะไปหามันไม่ง่ายนะ น้ำยาเราผลิตเอง แต่จากนี้ต่อไป ประเทศไทยต้องนั่งคุยกันว่าบทเรียนที่ได้คืออะไร โรคระบาดแบบนี้มาอีกแน่ๆ อีก 7-10 ปี ก็ต้องมาอีก เราปราบอันนี้ ตัวใหม่ก็โผล่มา เหล่านี้ต้องเตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อม แล้ววงการแพทย์ วงการวิทยาศาสตร์ ผมเห็นสัญญาณดีๆ วิศกรรมหลายๆ แห่งเริ่มมาทดลองผลิตเครื่องช่วยหายใจ และลองให้ทางการแพทย์ใช้ เป็นสัญญาณที่ดีนะ"

"ถ้ายังขนาดนี้ เราพออยู่ครับ"

"ต้องบอกว่าทางการแพทย์เราถูกฝึกมาก ทางพยาบาลก็ถูกฝึกมาเหมือนกัน ด้วยปรัชญาว่าเราต้องต่อสู้ไม่ให้เกิดความสูญเสียต่อคนไข้"

"ประเทศจีน บุคลากรทางการแพทย์ 80 เปอร์เซ็นต์ติดจากในครอบครัวกับชุมชน จากการทำงานที่สืบได้มี 20 เปอร์เซ็นต์ เราถึงต้องให้บุคลากรทางการแพทย์เราระวังตัว มีเครื่องป้องกันหมดเลย ซึ่งเครื่องป้องกันอีกนั่นแหละ อเมริกาห้ามส่งออก เทคโนโลยีเป็นของอเมริกาหมด โอกาสที่เราจะได้น้อยมาก เราก็ไขว่คว้ามาจากจีนบ้างและต้องเป็นเทคโนโลยีที่เทียบเท่า ตอนนี้จีนโชคดีเขาสงบลงบ้าง เขาถึงพอมาขายแจกจ่ายได้บ้าง สิ่งที่ทางการแพทย์อยากได้คือเครื่องป้องกัน"