น้องชาย เล่านาทีถูก 11 ทหารซ้อมให้รับค้ายา เห็นคาตาจับพี่ทุ่มจนตาย
โดยต่อมาทราบภายหลังว่า นายยุทธนา เสียชีวิต สภาพศพตาเหลือก โหนกแก้มขวาปูดเขียวช้ำ หางคิ้วซ้ายมีบาดแผล และหน้าอกมีรอยคล้ายถูกตีด้วยของแข็ง ส่วนนายณัฐพงษ์ ได้รับบาดเจ็บซี่โครงหัก 2 ซี่ และที่ปอดมีเลือดคั่ง โดยเหตุเกิดเวลาประมาณ 20.30 น. ของวันที่ 17 เม.ย.63 ที่ผ่านมา ในพื้นที่ ต.อุ่มเหม้า อ.ธาตุพนม จ.นครพนม
ล่าสุด พันเอกบุญสิน พาดกลาง รองผู้บัญชาการกองกำลังสุรศักดิ์มนตรี เป็นผู้แทน พลตรี เสาวราช แสงผล ผู้บัญชาการกองกำลังสุรศักดิ์มนตรี เดินทางมาที่ รพ.สมเด็จพระยุพราชธาตุพนม เพื่อเข้าเยี่ยมนายนัตพงศ์ ผู้ได้รับบาดเจ็บ และพูดคุยกับครอบครัว พร้อมได้ให้กำลังใจและมอบกระเช้า ยืนยันว่าจะเยียวยาให้แก่ครอบครัว แต่ขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างการสอบสวนของชุดจับกุม
พันเอกบุญสิน เปิดเผยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนและรอผลชันสูตรพลิกศพของนายยุทธนา ว่าเสียชีวิตจากสาเหตุอะไร ซึ่งตอนนี้ทางต้นสังกัดได้ตั้งกรรมการสอบสวนชุดจับกุมว่ามีทหารที่เกี่ยวข้องจำนวนกี่นาย โดยชุดจับกุมมีทั้งทหารชั้นสัญบัตร ทหารชั้นประทวนและทหารเกณฑ์ ซึ่งก่อนหน้านี้ทหารชุดนี้ไม่เคยก่อเหตุลักษณะนี้มาก่อน จึงไม่แน่ใจว่าวันเกิดเหตุนั้นมีเหตุการณ์อะไรขึ้น จึงได้ให้ทหารชุดจับกุมทั้งหมดยุติการปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ชั่วคราว และส่งตัวไปสอบสวนที่ต้นสังกัด ด้วยการตั้งกรรมการสอบสวนโดยนายทหารรัฐธรรมมนูญ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งอยู่ระหว่างรอผลการสอบสวน และถ้าผิดจริงก็จะลงทัณฑ์ ส่วนบทลงโทษจะถึงขั้นให้ออกจากราชการหรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับผลสอบสวน
ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ได้เดินทางไปเยี่ยมนายนัตพงศ์ ซ้ายซา หรือแดง ซึ่งยังพักรักษาตัวอยู่ โดยตอนนี้อาการปลอดภัยแล้ว กระดูกซี่โครงซ้ายหัก 2 ซี่ มีรอยฟกและถลอกตามร่างกาย รวมถึงมีการเจาะท้องต่อสายยาง เพื่อระบายเลือดที่คั่งภายในช่องท้องใหออกมาทั้งหมด
นายนัตพงศ์ เปิดเผยว่า ตนถูกทหารคุมตัวใส่กุญแจมือไพล่หลังไปซ้อมที่ถนนข้างที่ทำการของทหาร ตั้งอยู่ภายในวัดแห่งหนึ่ง ต.ฝั่งแดง อ.ธาตุพนม ในเวลากลางคืนและไม่มีคน อีกทั้งพยายามบีบบังคับให้ตนรับสารภาพว่าค้ายาบ้า แต่ตนก็ปฏิเสธว่าไม่ได้ขายยา จึงถูกรุมทำร้ายและซ้อมตนเป็นชั่วโมง แต่เมื่อหยุดทำร้ายได้ถามตนซ้ำอีกว่า ตนค้ายาบ้าหรือไม่ เมื่อตนปฏิเสธก็ซ้อมเป็นอย่างนี้ซ้ำ ๆ ซึ่งตนแทบจะไม่มีโอกาสพูดหรือร้องขอชีวิต เพราะถูกอีกฝ่ายกระหน่ำเตะอย่างหนัก แม้จะพยายามร้องขอชีวิตแต่อีกฝ่ายก็ไม่ยอมหยุด กระทั่งพี่ชายตนแน่นิ่งไป ทหารจึงหยุดทำร้ายตน เพราะต้องพาพี่ชายตนส่งโรงพยาบาล
นางป่าน ยังบอกว่า เมื่อวานนี้ช่วงที่เจรจากับตัวแทนทหารที่มาเจรจาที่โรงพัก เขาก็ยืนยันว่าจะมีการเยียวยาให้ แต่ตนก็บอกกับเขาว่า แม้ตนจะได้เงินเยียวยา 10 ล้านบาท ตนก็ไม่ภูมิใจ เพราะลูกชายเสียชีวิตไปแล้ว ตนจึงยื่นขอเสนอว่า ตนจะขอเงินค่าเยียวยา 5 ล้านบาท โดยนายทหารคนดังกล่าวก็บอกว่าจะรับเรื่องนี้ไปให้ผู้ใหญ่พิจารณา ซึ่งถ้าตกลงกันไม่ได้ ตนก็จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
ทั้งนี้ตนอยากให้ทุกคนพิจารณาว่า การกระทำของชุดจับกุมเป็นเรื่องที่สมควรหรือไม่ ถูกต้องตามกฎหมายและยุติธรรมกับประชาชนหรือไม่ ซึ่งพวกตนเป็นแค่คนธรรมดา ก็ไม่รู้จะเอาอะไรไปสู้กับเขาและไม่รู้ว่าชุดจับกุมเป็นใคร เพราะไม่มีการแสดงตัวว่าเป็นทหารหรือตำรวจ ทำให้ครอบครัวก็ยังงงและไม่เข้าใจ จึงอยากถามกลับไปยังชุดจับกุมทั้ง 11 คน ว่าถ้าเหตุการณ์แบบนี้ เกิดขึ้นกับครอบครัวเขาบ้างจะรู้สึกอย่างไร อยากขอความยุติธรรมกับครอบครัวของตนด้วย