ชำแหละ! ถุงยังชีพ อบจ.ลำพูน 17 ล้าน ชาวบ้านโอด แบบนี้บ้านใครก็มีใช้แล้ว

หน้าแรกTeeNee คลิปเด็ด ข่าว เหตุการณ์ การเมือง ชำแหละ! ถุงยังชีพ อบจ.ลำพูน 17 ล้าน ชาวบ้านโอด แบบนี้บ้านใครก็มีใช้แล้ว

จากกรณีโลกออนไลน์ได้วิพากษ์วิจารณ์และตั้งคำถามอย่างหนัก ในเรื่องของความเหมาะสมและราคาเกี่ยวกับสิ่งของ อุปโภคในครัวเรือน (ชุดของใช้ประจำวัน หรือ CareSet) ที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูน นำมาแจกจ่ายให้กับผู้สูงอายุ 70 ปี ขึ้นไปทั่วจังหวัด รวมทั้งสิ้นประมาณ 27,700 ชุด เพื่อที่ผู้สูงอายุจะได้ไม่ต้องใช้สิ่งของร่วมกันกับคนอื่น หวังป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19

ซึ่งคำถามที่ตามมาคือ สิ่งของเหล่านี้มีความจำเป็นและคุ้มค่าต่องบประมาณกว่า 16,343,000 บาทหรือไม่ เนื่องจากเครื่องอุปโภคเหล่านี้ทุกบ้านมีกันอยู่แล้ว สิ่งที่ชาวบ้านต้องการน่าจะเป็นข้าวสารอาหารแห้งหรือเงินสดที่สามารถนำมาใช้จ่ายได้มากกว่า

โดยภายในถุงจะประกอบไปด้วย ผ้าเช็ดตัวผืนเล็ก 1 ผืน ราคา 35 บาท ช้อนส้อม 1 คู่ ราคา 20 บาท หน้ากากผ้า 3 ชิ้น 45 บาท ผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่ 1 ผืน 100 บาท แปรงสีฟัน 1 อัน ราคา 15 บาท ถ้วยพลาสติก 1 ใบ ราคา 25 บาท เจลล้างมือ 1 หลอด ราคา 50 บาท จานพลาสติก 1 ใบ 25 บาท ยาสีฟัน 1 หลอด ราคา 12 บาท ซองพลาสติกใส่ของ 10 บาท สบู่ 1 ก้อน ราคา 15 บาท แก้วน้ำพลาสติก 1 ใบ 10 บาท รวมทั้งสิ้น 423 บาท

วันที่ 22 เม.ย.63 นางขันแก้ว สุยะศักดิ์ อายุ 73 ปี ชาวบ้าน บอกว่า ตนได้รับชุดของใช้ประจำวันมาเมื่อวานนี้ ในถุงมีสบู่ มีแปรงสีฟัน ยาสีฟัน ฯ ซึ่งเป็นของที่มีติดบ้านอยู่แล้ว แต่ในสถานการณ์แบบนี้ใครแจกของอะไรมาก็ยินดีรับหมด

แต่จะดีกว่าถ้าได้เป็นของที่กินได้ จำพวก ข้าวสาร อาหารแห้ง เพราะต้องกินข้าวทุกวัน เนื่องจากขณะนี้ชาวบ้านประกอบอาชีพไม่ได้ และไม่มีรายได้ประทังชีวิต

ด้าน นายไพโรจน์ ไชยเวียง อายุ 71 ปี ประธานชมรมผู้สูงอายุของหมู่ที่ 7 บอกว่า ได้รับชุดของใช้ประจำวัน หรือ CareSet นี้มาหลายวันแล้ว โดยเจ้าหน้าที่อสม.ที่มาแจกถุงนี้ให้กับตน ให้เหตุผลว่าทางภาครัฐต้องการให้ผู้สูงอายุใช้ของใช้แยกกัน ซึ่งตนคิดว่าไม่ค่อยสมเหตุสมผล เนื่องจากของใช้เหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นจาน ชาม ช้อนส้อม ผ้าเช็ดตัว ต่างคนต้องต่างใช้อยู่แล้ว

อยากจะบอกว่าสิ่งที่ขาดคือข้าวสาร อาหารแห้ง เพราะหายากและราคาแพง บางวันก็หาซื้อไม่ได้ เนื่องจากคนแย่งกันซื้อ เท่าที่ตนได้พูดคุยกับผู้สูงอายุ อายุ 70 ปีขึ้นไป ที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้ประมาณ 40-45 คน ทุกคนล้วนบอกว่าอยากได้ข้าวสาร อาหารแห้ง หรือเงิน มากกว่าของใช้

ต่อมา ทีมข่าวอมรินทร์ทีวีได้ลงพื้นที่สำรวจร้านค้าในอำเภอเมือง จังหวัดลำพูน เพื่อเปรียบเทียบราคาเครื่องอุปโภคภายในชุดถุงของใช้ประจำวัน หรือ CareSet พบว่า ผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่ 1 ผืน ราคาเพียง 99 บาท (ราคาอบจ. 100 บาท ถูกกว่า 1 บาท) ผ้าเช็ดหน้าผืนเล็ก 1 ผืน ราคาเพียง 15 บาท (ราคาอบจ. 35 บาท ถูกกว่า 20 บาท) จานพลาสติก 1 ใบ ราคาเพียง 15 บาท (ราคาอบจ. 25 บาท ถูกกว่า 10 บาท) ถ้วยพลาสติก 1 ใบ ราคาเพียง 15 บาท (ราคาอบจ. 25 บาท ถูกกว่า 10 บาท)

สบู่ 1 ก้อน ราคาเพียง 12 บาท (ราคาอบจ. 15 บาท ถูกกว่า 3 บาท) ยาสีฟัน 1 หลอด ราคาเพียง 10 บาท (ราคาอบจ. 12 บาท ถูกกว่า 2 บาท) ราคาทั่วไปรวมถูกกว่า 46 บาท (ราคาของอบจ.ลำพูน 212 บาท) ช้อนส้อม 3 คู่ ราคาเพียง 20 บาท (ราคาเท่ากัน แต่อบจ.ลำพูนแจกคู่เดียว 20 บาท) ราคาทั่วไปถูกว่า 3 เท่า แชมพู 1 ขวดเล็ก ราคา 20 บาท (เท่ากัน)

แก้วน้ำพลาสติก 1 ใบ ราคา 10 บาท (เท่ากัน) ราคาเท่ากันกับของอบจ.ลำพูน แปรงสีฟัน 1 ด้าม (พร้อมยาสีฟันหลอดเล็กในแพ็คเกจ) ราคา 20-25 บาท (แพงกว่า 5-10 บาท) ร้านค้าทั่วไปราคาแพงกว่าของอบจ.ลำพูน 5-10 บาท ส่วนเจลล้างมือ 1 หลอด หน้ากากผ้า 3 ชิ้น และซองพลาสติกใส่ของ ทีมข่าวไม่สามารถหาของใช้ใกล้เคียงมาเปรียบเทียบราคาได้

จากการสอบถามร้านค้าในอำเภอเมือง จังหวัดลำพูนหลายร้าน ทุกร้านตั้งคำถามเกี่ยวกับชุดของใช้ประจำวัน หรือ CareSet ว่า ปกติการซื้อของจากโรงงาน ในปริมาณมากราคาจะต้องถูกกว่าตลาด แต่ทำไมในกรณีที่หน่วยรัฐของรัฐซื้อของมาแจกประชาชนในปริมาณมาก ทำไมราคาต่อชิ้นถึงได้แพงกว่าหรือเท่ากับราคาตลาด

ขณะที่ นายพงศ์รัตน์ ภิรมย์รัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน บอกว่า ทางอบจ.ลำพูน ได้ส่งหนังสือชี้แจงมาแล้ว แต่ส่งรายละเอียดมาไม่ครบ ชี้แจงเพียงจำนวนชุด Care Set ว่ามี 27,700 ชุด ราคาชุดละ 590 บาท ใช้งบประมาณไปทั้งสิ้นประมาณ 16,343,000 บาท โดยไม่แจกแจงรายละเอียดว่าเครื่องอุปโภคแต่ละชิ้นภายในชุดนั้นมีราคาเท่าไร แล้วทำไมสื่อถึงทำการสำรวจหาเครื่องอุปโภคได้ราคาถูกกว่า

อย่างไรก็ตาม การแจกเครื่องอุปโภคแบบนี้ให้กับประชาชน โดยไม่แจกเป็นข้าวสารอาหารแห้งหรือเงิน ทางอบจ.อาจจะใช้ฐานข้อมูลเดิม ซึ่งไม่ตรงกับความต้องการของประชาชน ณ ปัจจุบัน ซึ่งตนก็กำลังรอคำชี้แจงในเรื่องนี้เช่นกัน

ด้วยเหตุผลทั้งหมดนี้ จึงเห็นควรให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนในทันที โดยมาจากผู้เชี่ยวชาญหลากหลายด้านที่สามารถตรวจสอบที่มาที่ไปและราคาของเครื่องอุปโภคเหล่านี้ได้ โดยไม่จำเป็นต้องรอรายละเอียดจากอบจ.ลำพูนแล้ว ซึ่งจะเริ่มทำการสวบสวนในวันพรุ่งนี้ คาดว่าภายใน 7 วัน จะทราบผลการสืบสวน