ตา“ปรายฝน” แค้นแฟนหนุ่มโกหกสารพัด ฮุบ 5 พัน ไปจ่ายค่างวดรถ

จากกรณี น.ส.ปรายฝน อ่ำสาริกา สาววัย 20 ปี ตัดสินใจจบชีวิตตัวเองด้วยการผูกคอเสียชีวิต ซึ่งเมื่อตรวจสอบในโพสต์เฟซบุ๊ก พบภาพวาดพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมข้อความตัดพ้อถึงรัฐบาลต่าง ๆ นานา

สำหรับไทม์ไลน์นายวิชัย เหมหิม มีดังต่อไปนี้ วันที่ 30 เมย.63 นายวิชัยไปร่วมงานศพ ที่วัดแสนภูดาษ จ.ฉะเชิงเทรา ถัดมาเวลา 15.30 น. นายวิชัยบอกกับน้าของน.ส.ปรายฝนว่า "น้องปรายฝนไม่ได้รับเงินเยียวยา"

เวลา 16.00 น. นายวิชัย ให้สัมภาษณ์ว่า "เงิน 5,000 บาท เป็นเงินจากบริษัท รปภ." ถัดมาเวลา 16.45 น. ฝ่ายบัญชีบริษัท รปภ. เผยว่า น.ส.ปรายฝน อยู่ในเกณฑ์ได้รับเงินเยียวยา 5,000 บาท

เมื่อวิชัยบอกว่าแฟนสาวไม่ได้เงินเยียวยา น้าชายของ น.ส.ปรายฝน ได้โทรศัพท์ไปเช็กกับธนาคาร ปรากฏว่าหลานสาวได้เงิน 5,000 บาทจริง ทำให้นายวิชัยยอมรับว่า นำเงินจำนวนดังกล่าวไปจ่ายค่างวดรถจักรยานยนต์ กระทั่งเวลา 19.55 น. น้าชายได้โทรศัพท์มาเล่าความจริงให้แก่ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี

อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 30 เม.ย.63 หลังจากที่นายวิชัย โกหกว่าไม่ได้รับเงินเยียวยา จากบริษัทต้นสังกัดกำลังพิจารณาว่า อาจจะถูกสั่งพักงานตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.63 เป็นต้นไป

ตา“ปรายฝน” แค้นแฟนหนุ่มโกหกสารพัด ฮุบ 5 พัน ไปจ่ายค่างวดรถ

ล่าสุดผู้สื่อข่าวอมรินทร์ทีวี เดินทางไปยังบ้านเกิดของผู้เสียชีวิต นายพร อ่ำสาริก ตาของน.ส.ปรายฝน เปิดใจทั้งน้ำตา ว่าตนไม่ทราบเลยว่าหลานสาวของตนนั้นลงทะเบียนรับเงินเยียวยา 5,000 บาท และตนคิดว่าหลานสาวของตนก็คงไม่ทราบว่าได้รับเงินเยียวยา ซึ่งตนทราบเรื่องราวว่านายชัยพูดโกหก ว่าหลานสาวตนไม่ได้รับเงินเยียวยา ที่จริงแล้วหลานสาวของตนได้รับเงิน 5,000 บาท โดยลูกชายของตนมาเล่าให้ตนฟังหลังจากกลับมาจากสวดอภิธรรมศพของหลานสาว ในเมื่อวานนี้ โดยนายชัย ได้สารภาพกับหลานชายของตน

เมื่อเวลาประมาณ 19.30 น. ตนเห็นนายวิชัย ขับรถเข้ามาที่บ้าน ลูกชายของตนพยายามบอกว่าอย่าทำอะไรนายวิชัย แต่ตนกลับกั้นใจไม่ได้ บอกกับลูกชายว่า "ไอ้หนูอย่าห้ามพ่อเลย พ่อเฉยไม่ได้แล้ว" จากนั้นตนจึงถามนายวิชัย ว่า "ทันกลับเคอร์ฟิวไหม รีบไปเร็ว ๆ เลย อย่าช้า หากทันก็ให้รีบกลับไป ไม่ต้องมาหาแล้ว อย่าอยู่เลย" เพราะเห็นหน้านายวิชัยแล้วรับไม่ได้ หัวใจแทบสลาย อยากจะทำร้ายร่างกาย ซึ่งนายวิชัย ก็รับขับรถมอเตอร์ไซค์ออกจากบ้านตนไป

นายพร ยอมรับว่า รักนายวิชัยเหมือนลูกเหมือนหลาน ส่วนรถมอเตอร์ไซค์ที่นายวิชัยอ้างว่าออกรถมาให้หลานสาวนั้น น.ส.ปรายฝน ไม่เคยบอกเรื่องรถมอเตอร์ไซค์กับตน และนายวิชัย อาจจะหลอกให้หลานสาวตนช่วยออกค่ารถมอเตอร์ไซค์ให้ อีกทั้งตนเพิ่งทราบว่านายวิชัย โกหกหลานสาวเรื่องเข้าเวรกะกลางคืน ที่จริงแล้วเข้ากะกลางวัน และกลางคืนก็ออกไปเที่ยว

ตนเชื่อว่านายวิชัย เป็นคนเก็บเงินของหลานสาวตน และในวันที่ 27 เม.ย.63 หลานสาวได้บอกกับตนว่าจะโอนเงินมาให้ 3,000 บาทในช่วงเช้า แต่พอตกเย็นนายวิชัย ได้โอนเงินมาเพียง 2,000 บาทเท่านั้น ตนก็ไม่ได้บอกอะไรกับหลานสาว

ทั้งนี้ตนยังติดใจกับคำสัมภาษณ์ของนายวิชัย ที่บอกว่าได้เข้าไปช่วยเหลือหลานสาวของตนขณะที่กำลังจะผูกคอเสียชีวิต ซึ่งขณะที่นายวิชัยโทรศัพท์มาบอกกับตนนั้นคนละคำพูดเลย โดยวันที่ 26 เม.ย.63 ตนได้พูดคุยกับหลานสาว ซึ่งมีอาการไม่สบาย ถามไถ่ว่าทานข้าวหรือยัง ตนก็บอกให้ไปหาหมอ พอวันที่ 27 เม.ย.63 ตอนเช้าตนก็ได้โทรศัพท์ไปหาหลานสาว เพื่อถามอาการ หลานสาวก็บอกว่ายังไม่ได้ทานอะไร จากนั้นก็โทรศัพท์ไปอีกรอบ หลานสาวก็ไม้รับสาย ตนก็คิดว่าหลานสาวคงนอนหลับ เพราะทำงานกะกลางคืน

ต่อมาเมื่อเวลาประมาณ 17.30 น. ตนโทรศัพท์ไปหาอีกครั้ง ซึ่งหลานสาวก็บอกว่าเพิ่งกลับจากโรงพยาบาล นายวิชัยบอกกับตนว่าหลานสาวเป็นไข้หวัดธรรมดา โดยหลานสาวบอกกับตนพบว่ามีเชื้อไข้มาลาเลียหรือไข้หวัดใหญ่ ทางโรงพยาบาลจะนัดตรวจในวันที่ 30 เม.ย.63 อีกครั้ง ทำให้หลานสาวของตนร้องไห้ เพราะว่าจะไม่ได้กลับบ้าน ตนพยายามให้กำลังใจ หากไม่ได้กลับมาก็ไม่ต้องห่วงลูก ทำใจให้ดี รักษาตัวให้หาย ลูกอยู่กับตนจะเลี้ยงให้ดีเป็นอย่างดี ลูกอย่าห่วงเลย

นอกจากนี้นายวิชัย บอกกับตนว่า คืนนี้จะนำหลานสาวไปทำงานด้วย ตนก็ไม่ได้ว่าอะไร ยินดีเพราะกลัวหลานสาวจะเหงา อยู่ห้องคนเดียว เมื่อเวลา 21.00น. ตนก็ได้โทรศัพท์ ไปหาหลานสาวอีกครั้ง ซึ่งหลานสาวก็บอกว่าไม่ได้ไปทำงานกับนายวิชัยแล้ว ตนก็ได้ปลอบใจว่าไม่เป็นอะไร แต่ตนรู้สึกใจไม่ดีก็ได้โทรศัทพ์ไปหานายชัย เวลา 22.00 น. แต่เป็นเวลาเคอร์ฟิว ประมาณ 01.00 น. นายวิชัยได้โทรศัพท์มาแจ้งข่าวร้ายให้กับตนบอกว่าหลานสาวตนได้เสียชีวิตแล้ว ตนก็ได้บอกว่าทำไมไม่รีบไปดูหลานสาวของตน นายวิชัยอ้างว่าให้เพื่อนข้างห้องไปช่วยเหลือแล้ว นายวิชัยโทรศัพท์มาบอกอีกครั้งว่าช่วยหลานของตนไม่ได้ ตนก็ให้นายวิชัยรีบกลับห้องไป แต่นายวิชัยบอกว่าติดเคอร์ฟิวไปไม่ได้

นายวิรัตน์ อ่ำสาริกา อายุ 60 ปี ลุงของน.ส.ปรายฝน เปิดใจกับทีมข่าวว่า ขณะที่นายวิชัย เดินทางมาร่วมงานศพของหลานสาว ตนจึงได้ขอไปดูเอกสารรถมอเตอร์ไซค์ พบว่าเป็นชื่อของนายวิชัย ซื้อในเดือนก.พ.63 ที่ผ่านมา ผ่อนรอบแรกในเดือนมี.ค.63 ตนไม่แน่ใจว่าผ่อนชำระในวันที่ 10 มี.ค.63 หรือไม่ ตนก็ไม่ได้ซักถามถึงเรื่องรถมอเตอร์ไซค์ เพราะชื่อรถไม่ใช่ของหลานสาวจึงไม่สนใจ ตนก็หมดกังวลพอตนทราบว่านายวิชัย ได้รับเงินเยียวยาและบอกว่าได้นำเงินจำนวน 4,000 บาท ไปจ่ายค่างวดรถ ซึ่งตนคิดว่าไม่น่าใช่ ซึ่งสามารถเช็กกับบริษัทไฟแนนซ์ได้ คาดว่างวดแรก 4,300 บาท ของเดือนมี.ค.63

ส่วนเรื่องของภาพวาดของหลานสาวนั้น ทางครอบครัวก็ไม่เคยมีใครได้พบเห็น แต่หากอยู่กับนายวิชัยจริง ทางครอบครัวก็สามารถเอาผิดได้ ฐานยักยอกทรัพย์ เพราะภาพดังกล่าวมีมูลค่าและต้องตกเป็นของทายาท ทั้งนี้ทางครอบครัวก็ยังไม่ได้สนใจ ไม่ได้คาดหวังมูลค่าภาพ แต่ใจจริงแล้วตนอยากให้ไปแจ้งความเกี่ยวกับภาพวาด และทางนายพรก็ไม่ได้ติดใจอะไร ขอให้ดำเนินการงานศพก่อน

หลังจากเสร็จสิ้นงานฌาปนกิจศพของ น.ส.ปรายฝน แล้ว ทางครอบครัวขอประชุมปรึกษาหารือกันว่าจะดำเนินการตามกฎหมายกับนายวิชัย อย่างไร ว่าจะดำเนินคดีหรือไม่ ตนเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนยังเชื่อว่าหลานสาวยังไม่ทราบว่าได้เงินเยียวยา

อย่างไรก็ตามตนยังปักใจเชื่อว่านายวิชัย อาจจะมีภรรยาอยู่แล้ว ตนขอชี้แจงว่าทางครอบครัวไม่ได้โทษใคร สิ่งที่หลานตนโพสต์นั้นไม่เกี่ยวกับเรื่องการเมือง และหลานของตนอายุเพียง 19 ปีเท่านั้น หากใครรู้ว่าจะไปเสียชีวิตใครจะให้ไป แต่เพื่อทำงานหาเงินเลี้ยงลูกก็ต้องปล่อยไปตามวิถีชีวิต

ทั้งนี้ตนอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนนายวิชัยอีกครั้ง กรณีเงินเยียวยา และวันนี้ทางนายพร ได้ติดต่อไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.เพชรเกษม ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจบอกว่าจะต้องมาสอบปากคำทางฝั่งของตาและแม่ของ น.ส.ปรายฝน อีกครั้ง