เสี่ยหลุดคดียา เผยสู้ 5 ปีหมดตัว 100 ล้าน คาดภรรยาเก่าบงการ(คลิป)
ล่าสุดทีมข่าวอมรินทร์ทีวี เดินไปบ้านเลขที่ 191/1-3 ม.1 ต.นาหว้า อ.ปทุมราชวงศา จ.อำนาจเจริญ ได้พูดพูดคุยกับ นายสุวิชชา เปิดเผยว่า วันที่ 30 เม.ย.63 ตนได้เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.สุทธกาญจน์ เพื่อแจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับนายตำรวจชุดจับกุมคดียาเสพติด 32 นาย และพนักงานอัยการจังหวัด 1 ราย ที่เป็นทนายให้ภรรยา เรื่องฟ้องหย่า ร่วมกันทำคดีโดยมิไม่ชอบทำให้ตนที่เป็นผู้ถูกกล่าวหาได้รับความเสียหาย
เหตุการณที่เกิดขึ้นเกิดจากเมื่อปี 2533 ทางครอบครัวของตนได้ให้แต่งงานกับหญิงรายหนึ่ง ที่ตนไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่เนื่องจากต้องทำตามคำสั่งของคนในครอบครัว ตนและฝ่ายหญิงจึงอยู่กินเป็นผัวเมียภรรยา และจดทะเบียนสมรสกันในปี 2536 มีลูกชายด้วยกัน 3 คน
หลังจากที่ตนถูกแจ้งข้อกล่าวหา ตนต้องพยายามสู้คดียาวนานกว่า 5 ปี สุดท้ายศาลชั้นต้น และศาลอาญายกฟ้อง ตัดสินว่าตนไม่มีความผิด เนื่องจากขณะสอบสวนในชั้นศาลกลุ่มตำรวจคู่กรณี ไม่มีหลักฐานที่จะพิสูจน์ได้ว่าตนเป็นผู้กระทำผิด และเป็นเจ้าของยาเสพติดดังกล่าวตามที่ถูกกล่าวอ้าง
นายสุวิชชา ยังเล่าต่อว่า เดิมตนมีฐานะถึงขั้นเศรษฐี มีทรัพย์สินมากกว่า 100 ล้านบาท ทั้งร้านสะดวกซื้ออยู่ใจกลางเมืองปทุมราชวงศา จำนวน 4 สาขา ร้านทองจำนวน 2 สาขา และอาคารพาณิชย์ใจกลางเมือง จำนวนทั้งสิ้น 46 ห้อง รวมมูลค่ากว่า 100 ล้านบาท
แต่เมื่อตนถูกจับติดคุกไป 5 เดือนเพื่อทำการสู้คดี ศาลได้สั่งฟ้องทรัพย์สินที่มีให้ภรรยาของตนเกือบทั้งหมด เหลือเพียงอาคารร้านทอง จำนวน 2 คูหา ให้ตนไว้ซุกหัวนอน แต่ก็ไม่ได้เปิดเป็นร้านทองแล้ว เนื่องจากไม่มีเงินลงทุน จึงปล่อยให้คนเช่าเปิดเป็นร้านโทรศัพท์ เดือนละ 9,000 บาท และรอเงินผู้สูงอายุจำนวน 600 บาทไว้ยังชีพ
หลังจากศาลยกฟัอง ตนจึงอยากออกมาขอความเป็นธรรมให้ดำเนินคดีกับคนที่เกี่ยวข้อง และขอความเป็นธรรมจากสื่อมวลชน ขอวิงวอนไปถึงทนายความผู้ใจบุญที่ทราบข่าว ได้โปรดลงมาช่วยเหลือตนเอง ทางด้านคดีความ ดำเนินคดีเอาผิดผู้ที่กระทำให้ตนต้องตกต่ำให้ถึงที่สุด
นอกจากนั้น นายวิชชา ยังบอกอีกว่า หลังจากที่ตนอยู่ในคุกเพื่อสู้คดี ตนรู้มาว่าสามีใหม่ของภรรยาตนที่หวังจะต้องการทรัพย์สมบัติของตน ได้เสียชีวิตเพราะเวรกรรมตามทัน เนื่องไปผ่าตัดผิดพลาดไปถูกอวัยวะภายในจนเสียชีวิต
พ.ต.อ.สุทธกาญจน์ ระบุว่า เบื้องต้นได้ให้นายสุวิชชา รวบรวมเอกสารทั้งหมด ส่งพนักงานสอบสวน และให้มาติดตามผลทุก 15 วัน เพื่อดำเนินการตามขั้นตอน ทั้งนี้ตำรวจพร้อมให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่ายไม่เลือกข้าง ซึ่งมีนายตำรวจหลายท่านได้เกษียณอายุราชการไปแล้วก็มี โดยหากรวบรวมหลักฐานเสร็จจะได้นำสำนวนส่งสำนักงาน ป.ป.ช.จังหวัด เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป