เปิดตำนาน‘ถ้ำนาคา’ ดันให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว ชัดเคลียร์‘หัว-ตัว’ ไม่ใช่ที่เดียวกัน

อ๊อด : "จริงๆ เรื่องนั้นเป็นตำนาน แต่ว่าถูกสาปหรือไม่มีตำนานเล่าขานกันมานานว่าถ้ำแห่งนี้เคยเป็นสถานที่ที่พระเจ้าลือ ซึ่งเป็นกษัตริย์ของพญานาคสมัยนั้นถูกสาป จริงๆ ตำนานมันนานมาแล้ว"

สำรวย : "ก็ขอกล่าวถึงตำนานปู่อือลือก่อนเข้าไปเรื่องถ้ำนาคา ตามตำนานประวัติปู่อือลือรู้จักในนามกษัตริย์สุริยะวงศ์ชัยปกครองเมือง ก่อนที่เมืองจะล่มสลายกลายเป็นบึงโขงหลง บึงกาฬ สถานที่เชื่อมโยงปู่อือลือตามพยานหลักฐานชัดเจนคือมีตำหนัก มีสถานที่ชาวบ้านรอบๆ หนองน้ำบึงโขงหลงสร้างขึ้นมาเพื่อขอพรขอบุญบารมีพ่อปู่ เชื่อในความศักดิ์สิทธิ์ของพ่อปู่อือลือ บางคนก็บอกว่าพ่อปู่เป็นพญานาค เราก็ไม่สามารถยืนยันได้ เป็นตำนานเป็นประวัติที่ท้องถิ่นเล่าขานกันมา แต่คนทั่วไปเขาเชื่อในเรื่องความศักดิ์สิทธิ์การขอพรบุญบารมีกับปู่ บางคนบอกว่าปู่อือลือเข้าฝันให้มาสถานที่แห่งนี้ก็มา โดยไม่เคยเห็นสถานที่แห่งนี้มาก่อน"

สำรวย : "ไม่ยืนยัน หลายคนว่าอย่างนั้น ตามตำนานบอกว่าพ่อปู่อือลือโดนสาปจนเป็นถ้ำแห่งนี้"

อ๊อด : "ไม่ใช่ครับ คนละที่โดยสิ้นเชิง หลังพวกเรามีการแชร์ภาพเหล่านี้ ปรากฎว่ามีในโลกโซเชียลเขาจับปะติดปะต่อกัน ถ้าเรามองภาพรวมทั้งหมด หัวจะมีส่วนตรงปลายจมูกมาถึงต้นไม้"

อ๊อด : "ภาพนี้ผมเป็นคนถ่ายเอง ในส่วนลำตัวที่ขดอยู่ ถูกแชร์ไป ถ่ายกับมือ ไม่มีการแต่งภาพใดๆ ทั้งสิ้น แสงสีก็คนละอย่างโดยสิ้นเชิง"

อ๊อด : "ตรงนี้เมื่อก่อนเคยเป็นที่หลบภาวนาพระแม่ครูบาอาจารย์ พระท่านเข้าไปแล้วไม่ทันสังเกต หรือสังเกตแต่ถ่ายออกมาอาจไม่สวยแบบนี้ พอเราเข้าไปถ่ายออกมาก็สวยอย่างนี้ เห็นเป็นเกล็ดชัดเจนมาก"

อ๊อด : "เอาตามความรู้สึกผม ผมว่าเหมือนตัวงูสองตัวหรืออาจเป็นขดอยู่สองขด อยู่บนก้อนหินก้อนใหญ่ ลักษณะชัดเจนมาก"

อ๊อด : "คือผมเห็นภาพครั้งแรกจากกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เป็นลูกศิษย์ของพระอาจารย์วินิจ สุเมโทร ท่านดูแลบนภูลังกาแห่งนี้ เดอะแก๊งกลุ่มนี้ไปเที่ยวมาและส่งภาพมาให้ผมดู พอเห็นครั้งแรกก็แว้บมาในใจว่าอยากไปชื่นชมเห็นกับตาว่ามันเป็นภาพจริงหรือไม่ น้องๆ แต่งภาพหรือไม่ ในเวลาไม่กี่วัน ผมเลยขอร้องให้กลุ่มเดอะแก๊งที่ไปเที่ยวมา พาผมไปหาพระอาจารย์วินิจ ขอร้องให้พาขึ้นไปชมสถานที่แห่งนี้ ความรู้สึกครั้งแรกที่ลงไปในถ้ำนาคา ต้องยอมรับตรงๆ ว่าตื่นตาตื่นใจ ทางเข้าถ้ำจะเป็นช่องเล็กๆ ที่เป็นทางลาดชัน เหมือนกับมีคนมาทำความสะอาด หรือทางขึ้นลงของคน ทั้งที่คนไม่ค่อยรู้จักกันมาก่อน นอกจากครูบาอาจารย์ไปปฏิบัติธรรมเท่านั้น"

อ๊อด : "บ่อยครับ แต่ท่านไม่เปิดเผย หรืออาจไม่ถึงกาลเวลา"

อ๊อด : "กลุ่มของผมลงไปวันนั้น รู้สึกตื่นตะลึงกับธรรมชาติมีความแปลกประหลาดคล้ายเกล็ดงูใหญ่ หรือเกล็ดพญานาค พอหายตะลึงก็เดินสำรวจรอบๆ รู้สึกเย็นสงบในสถานที่แห่งนี้ เหมือนมีพลังอะไรบางอย่าง พอออกจากถ้ำก็สอบถามทุกคน ทุกคนก็รู้สึกคล้ายๆ กันตื่นตาตื่นใจและตะบึงกับก้อนหินที่แปลกประหลาด แล้วมาเผยแพร่ลงเฟซบุ๊กของตัวเอง พอเผยแพร่ออกไป กลุ่มพี่อ๊อดเข้ามา อุปนายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวก็ติดต่อเข้ามา"

อ๊อด : "เขาว่ากันว่าเป็นเมืองลับแล คนมีบุญบารมีเท่านั้นถึงสามารถเข้าไปสัมผัสที่นี่ได้ ยิ่งเป็นครูบาอาจารย์ที่หยั่งรู้ ท่านเข้าไปจะสัมผัสได้ อย่างเราเข้าไปสัมผัสได้แค่ตื้นๆ"

อ๊อด : "คนอยากไปมาก แต่ต้องรอจัดระเบียบให้เสร็จก่อน คนอั้นมากอยากไปเที่ยวมาก ถามเราว่าไปยังไง"

อ๊อด : "ใช่ครับ คนส่วนใหญ่อยากไปพิสูจน์ แต่อย่าไปพิสูจน์เลย ไปขอบารมีก็แล้วกัน เพราะถ้ำนี้อยู่บนพื้นที่ภูลังกาเป็นพื้นที่สะอาด ศักดิ์สิทธิ์ เป็นภูเขาที่มีสองจังหวัด อีกด้านติดนครพนม อีกด้านติดบึงกาฬ"

อ๊อด : "เปิดมานานแล้ว แต่ถ้ำไม่ถูกเปิดเผย ในช่วง 1 อาทิตย์ที่ผ่านมาที่พวกเราเอาไปลงโซเชียล จริงๆ ความตั้งใจแรกคือจิตอาสา เราจะเดินเก็บขยะ ทีนี้ทีมงาน ชาวบ้านอยากให้ดูด้วย ทางผู้ใหญ่ก็ติดต่อให้ไปชมกันก็เลยเป็นภาพอย่างที่เห็น"

อ๊อด : "สื่อบางสื่อไปถามชาวบ้านล่วงหน้า บางคนตอบตรงว่าเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม ภูลังกาสมัยย้อนไปสมัยหลวงปู่มั่น หลวงปู่เสาท่านส่งพระขึ้นไปทดสอบจิตท่านว่าจิตเข้มแข็งแค่ไหนเพื่อปฏิบัติธรรมต่อ ตรงคือบอกว่าเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม ส่วนไม่ตรงคือเรื่องอภินิหาร เป็นความเชื่อ"

สำรวย : "เป็นความเชื่อแต่ละบุคคล พิสูจน์ไม่ได้ มีแต่คำบอกเล่าต่อๆ กันมาว่าขึ้นไปถ้ำภูลังกาแล้วลูกหลานสูญหายไปวันสองวัน แล้วกลับมาเอง บอกว่าไปอยู๋กับชาวเมืองลับแล เป็นตำนานที่เล่ามา แต่สิ่งที่ยืนยันเป็นหลักฐานได้ คือบันทึกหลวงปู่คำพันธ์ จันทูปโม ซึ่งเป็นลูกศิษย์หลวงปู่วัง รู้จักในนามเทพแห่งภูลังกา ท่านพูดถึงเมืองลับแลไว้ว่ชาวเมืองลับแลมานิมนต์ให้ท่านไปอยู่ด้วยเมื่อหลวงปู่วังท่านได้ขอร้องแบบนี้ก็บอกว่าไปกับพวกท่านไม่ได้ เขามากัน 5 คนในบันทึก เมื่อได้รับคำตอบเขาก็บอกว่าตั้งแต่นี้ต่อไปสาหร่ายที่เณรเอามาทำเป็นอาหารถวายจะไม่มีให้เห็นอีกต่อไป จะไม่ให้เจอสาหรายที่นำมาเป็นอาหาร แล้วเขาก็ลาหลวงปู่กลับไป แต่สิ่งที่น่าแปลก หลังจากนั้นต่อมา สาหร่ายที่นำมาเป็นอาหารไม่มีเลย"

สำรวย : "ไม่ใช่พญานาค เป็นพวกกายทิพย์ ชอบรักษาศีลเคร่งครัด ล่องหนหายตัวได้ อยู่ที่เขาจะปรากฎกายให้เห็นหรือไม่แค่นั้น"

อ๊อด : "ยังไม่เคยมี เพราะยังไม่มีใครเคยไปครับ ก็เป็นสิ่งที่พวกเรากำลังคิดกันอยู่จะปล่อยอย่างนี้ไม่ได้ ก็ฝากประชาสัมพันธ์ว่าการไปสถานที่ต้องเคารพต่อสถานที่ การหิ้วอะไรขึ้นไป ไปกิน ไปใช้ก็เอากลับลงมาด้วย วนอุทยานแห่งชาติต้องมาจัดระเบียบตรงนี้ เป็นอีกสาเหตุที่ยังไม่เปิดให้ท่องเที่ยวเพราะต้องรอจัดระเบียบให้ดีก่อน"

อ๊อด : "ถ้ำนาคา อยู่ในภูลังกา"

อ๊อด : "ก็จะอยู่บนคลิปที่ผมเป็นคนถ่ายขึ้นมา ก่อนเข้าปากถ้ำที่เป็นเส้าที่ 3 ถ้าสังเกตจะมีหงอนข้างบน เลื่อนมาอีกนิดมีดวงตา จมูก นี่ความรู้สึกส่วนตัว ส่วนใหญ่ที่ผ่านมานักท่องเที่ยวไม่โฟกัสตรงนี้ พอเราดูก็คิดว่าตรงนี้มีส่วนคล้ายมาก สามารถจินตนาการได้ว่ามีส่วนหัว"

อ๊อด : "ไม่มีครับ จริงๆ วันนั้นเราตั้งใจไปสวดมนต์ขอพรขอบารมี ตอนเราไปเราไม่พบใคร แต่หลังจากนั้นเราพบว่ามีคนแอบขึ้นไปพอสมควร มีพระที่ท่านต้องการไปพิสูจน์"

อ๊อด : "ถูกต้องครับ"

อ๊อด : "คุณจะพิสูจน์อะไรก็ได้ ถ้าคุณจะแค่ไปเยี่ยมชมขอบารมีก็ทำได้ ก็แล้วแต่เจตนาของคนที่เข้าไป แต่การท่องเที่ยวที่บึงกาฬแห่งนี้ต้องเกิดขึ้นแน่ และผมมั่นใจว่าตรงนี้จะดังไปทั่วโลก อย่างที่ผู้สื่อข่าวเขาติดต่อผมมาค่อนข้างจะเยอะ ให้ผมไปแกะหินตรงนี้เพื่อพิสูจน์ว่าเป็นฟอสซิลมั้ย ส่งไปให้เขาหน่อยที่ประเทศศรีลังกา ผมบอกว่านี่คือหิน"

อ๊อด : "ขึ้นอยู่กับภาครัฐ ทางอุทยานต้องเข้าไปดูแล จัดระเบียบให้ดีครับ"

อ๊อด : "สวยมากครับ สวยตะลึง สถานที่ในถ้ำค่อนข้างแคบนะครับ เข้าไปได้ทีละคนสองคนเท่านั้นเอง แค่ 50 คนก็ถือว่าแน่นแล้ว ระยะทางที่เดินเข้าไป 50 เมตร ย้อนออกทางเดิม"

สำรวย : "ชาวบ้านตื่นเต้นมากครับ เพราะการทำมาหากินตอนนี้ก็ลำบาก เขาก็อาศัยเม็ดเงินการลงพื้นที่ ตอนนี้ทราบว่าหน่วยงานภาครัฐกำลังตื่นตัวทุกภาคส่วน ทุกฝ่ายจะทำงานร่วมกันบูรณาการเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวให้เป็นการท่องเที่ยวระบบธรรมชาติ มีความปลอดภัย"

อ๊อด : "พวกเราเข้าไปสวดมนต์ ได้ความสุขทางใจ"

อ๊อด : "ขึ้นไปยากครับ ถ้าไม่มีบุญบารมี ใจตั้งมั่นเข้าไปจริงๆ ขึ้นยาก พวกเราใช้เวลาขึ้นไป 4 ชั่วโมงครึ่ง ขึ้นทางน้ำตก 4 ชม.ครึ่ง แต่ถ้าขึ้นอีกทาง 2 ชม.ครึ่ง"