ประท้วงเดือดอเมริกา! อาจารย์ม.ดัง ชำแหละทางรอดทรัมป์

ผศ.วันวิชิต : "เกลียดหลายวงการ บุคลิกที่มั่นใจตัวเอง สองการวิพากษ์วิจารณ์ไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมสร้างศัตรูไว้เยอะ และประเด็นต่อมา ภาวะความเป็นผู้นำมีปัญหาอย่างมากในการสร้างความเป็นเอกภาพ ความหลากหลายเชื้อชาติของผู้คนในประเทศ ผมคิดว่าแต่เดิมที่ทรัมป์เข้ามา ประโยชน์ต่างๆ เอื้อแต่รีพับลิกัน คนส่วนมากที่ได้ประโยชน์คือคนผิวขาว แล้วก็มีการประท้วงมาเป็นระยะๆ เรื่องสีผิวก็เป็นประเด็นนึง"

ผศ.วันวิชิต : "แน่นอน การแสดงออกต่างๆ เราเห็นชัดเจนเลย ย้อนไปปี 2016 ที่มีนักอเมริกันฟุตบอลชื่อโคลิน เคเปอร์นิกนั่งคุกเข่า ฟังเพลงชาติสหรัฐฯ ไม่ยอมยืน ทรัมป์สั่งเอ็มเอสแอลให้เอาผิดนักกีฬาคนนี้ว่าขาดความรักชาติ โคลินบอกว่าประท้วงไว้อาลัยให้วัยรุ่นชายผิวดำที่ถูกตร.ผิวขาวสังหารโดยไม่มีอาวุธ ตรงนี้ก็ก่อเชื้อ เชื้อต่อมาที่เราเห็น จอร์จ ฟรอยด์ คลิป 8 นาทีที่เห็นและเป็นไวรัลอย่างรวดเร็ว เขาถูกตำรวจผิวขาวใช้เข่ากดทับ"

วิเชียร : "ผสมกันครับ แต่ว่าสัปดาห์แรกของการเกิดเรื่องวันสองวัน น้ำหนักอยูู่ที่จอร์จ ฟรอยด์ พอประเด็นจุดติด นักการเมืองก็ดี ก็มองตรงนี้เป็นโอกาส  คนเกลียดทรัมป์เยอะ คนรักก็เยอะ"

วิเชียร : "ขาว เมื่อกี้ที่บอกว่ามีคนไม่ชอบ คนอเมริกันผิวขาวจั๊๋วะๆ นี่ชอบนะ แต่ผิวดำนี่แค่ 10 กว่าเปอร์เซ็นต์ ทรัมป์เขาคำนวณแล้วเสียตรงนี้ได้ตรงนี้ ถ้าเสียผิวดำได้ผิวขาวก็คุ้ม"

ผศ.วันวิชิต : "มากพอสมควร ตั้งแต่ทรัมป์ประกาศว่าโควิด-19 ไม่ต้องกังวล ควบคุมได้ แต่พอปล่อยให้ระบาดมาระยะนึง สื่อในสำนักต่างประเทศโดยเฉพาะการ์เดี้ยน แฉออกมารายวัน ทำสถิติตัวเลขคนติดเชื้อในสหรัฐฯ คนเสียชีวิต กลายเป็นว่าคนติดเชื้อครึ่งนึงเป็นผิวดำ คนติดเชื้อหรือเสียชีวิตรองลงมาคือลาติน เอเชีย และท้ายสุดคือคนผิวขาว มันบ่งบอกอะไร ประจานให้เห็นว่าคนผิวดำถูกเลิอกปฏิบัติ เพราะคนผิวขาวความมั่นคงทางการเงินสูง ใครมีเงินจ่ายประกันสุขภาพ โอกาสได้รับการรักษาก่อน ได้รับเตียงแน่นอน แต่คนผิวดำเป็นคนไร้บ้านเยอะมาก การเข้าถึงสิทธิสวัสดิการครบวงจรยาก มันเลยผสมโรงกับจอร์จ ฟรอยด์ ว่าถูกเลือกปฏิบัติตลอด"

วิเชียร : "ทั้งสองอย่างครับ เรื่องแรกเชิงประวัติศาสตร์ อัดอั้นตันใจเยอะมาก ตั้งแต่เขียนรัฐธรรมนูญสหรัฐอเมริกาไม่ให้คนผิวดำมีสิทธิ์เลือกตั้ง กว่าจะได้เลือกตั้ง 100 กว่าปีนะครับ และเรื่องเศรษฐกิจ ในสหรัฐฯ ที่ได้ชื่อประเทศเสรีนิยม มีคำนึงคือคนรวยคนจนช่องว่างสูงมาก ไม่ทัดเทียมกันในเศรษฐกิจการกระจายรายได้ ปรากฎว่าคนดำอยู่ใต้สุดในทุกมิติเลยนะ การศึกษาต่ำสุด เศรษฐกิจต่ำสุด สุขภาวะต่ำสุด"

วิเชียร : "เหยียดแน่นอน สิ่งที่ทรัมป์พูด ทรัมป์บอกว่าให้เกียรติคนผิวสี ทรัมป์พูดตลอดว่าโอบาม่าคือเดอะวีค เพรสซิเดนท์ โอบาม่าไม่เคยได้รับเกียรติจากทรัมป์ ซึ่งไม่เคยมีมาก่อนที่ประธานาธิบดีว่าคนก่อนหน้านี้และว่ามาตลอด"

วิเชียร : "จริงครับ เพราะทรัมป์เองตกใจที่มีการขยายวงในเมืองต่างๆ เขาก็เริ่มคิดว่าถ้ามีเหตุการณ์นี้ต่อไปมันมีปัญหาแน่ เขาเลยมองว่าขอลดอำนาจผู้ว่าการรัฐในการมาจัดการเพื่อเอารัฐบาลกลาง โดยการสั่งกองกำลังมาตุภูมิ กองกำลังระดับประเทศ โครงสร้างนี้เป็นโครงสร้างที่ประเทศไทยเราไม่มีเขาจะมีกองกำลังสำรองตรงนี้เอาไว้ใช้ เหมือนกรณีเกิดพายุทอร์นาโดเข้ามา รัฐเอาไม่อยู่ ปัญหาใหญ่เกินระดับรัฐ เขาจะเอารัฐบาลกลางเข้ามา"

ผศ.วันวิชิต : "ครับ เขาพยายามอ้างและพูดถึงให้บทบาทกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิมาก แน่นอนกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิทุกรัฐมี ผู้ว่าฯ การรัฐมีอำนาจสั่งการ  ทีนี้ทรัมป์ต้องการรวบอำนาจเพื่อมอบหมายภารกิจตรงนี้ กองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิพวกนี้ถูกฝึกแบบทหารอาชีพทุกอย่าง แต่เขาไม่ใช่ทหารอาชีพ เขาถูกเกณฑ์ไปรบในสมรภูมิอัฟกานิสถานหรืออิรัก แน่นอนมีสิทธิ์ใช้อาวุธ มีทั้งบก ทหารอากาศ มีทุกอย่าง ผมคิดว่าเขาคงรู้ว่ากองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิ อนุญาตให้ใช้อาวุธและระงับความรุนแรงได้"

ผศ.วันวิชิต : "ผมว่ามันอยู่ที่ดุลยพินิจ และผู้ว่าฯ การรัฐไม่ได้เห็นด้วยตามทรัมป์ เราสังเกตแต่ละรัฐอย่างฟลอริด้า ตร.ด้วยซ้ำคุกเข่า ยอมรับขอโทษ แล้วคนผิวสีก็ไปกอดตร.ให้กำลังใจกัน แสดงให้เห็นว่าตร.ด้วยกันก็ละอายกับสิ่งที่เกิดขึ้น ละอายต่ออำนาจสั่งการที่ไม่เป็นธรรม ทรัมป์ใช้อำนาจไม่ถูกทางตลอดเวลา"

วิเชียร : "ถ้าการประท้วงมีประเด็นไปเรื่อยๆ จากประเด็นคนผิวดำตาย 1 คน กลายเป็นประเด็นเหยียดเชื้อชาติ เหยียดสีผิว กลายเป็นประเด็นผิดพลาดในการบริหารจัดการ ผูกโยงเรื่องนโยบายจีน ผูกโยงกับเรื่องโควิด มันจะลามไปทุกประเด็นนะ"

วิเชียร : "ต้องวิเคราะห์ถึงพฤติกรรมการเลือกตั้งของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งในสหรัฐอเมริกา ประชาชนสหรัฐอเมริกาบางคนไม่อยู่ในมวลรัฐที่ติดต่อค้าขายกับประเทศอื่น โลกเขาแคบมาก รัฐเขาคือประเทศเขา บางคนไม่เคยออกนอกรัฐ บางคนไม่เคยเดินทางไปต่างประเทศ เขาไม่รู้หรอกว่าจีน เกาหลี เขาไปถึงไหนกันแล้ว ทรัมป์ไม่ใช่คนโง่ เขามองว่าเขาผ่านการทำธุรกิจมาแล้ว เขารู้ว่าเขาโดนอะไรอยู่และความนิยมเขาเป็นอย่างไร อย่างที่เรียน ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งที่เป็นคนผิวสี มี 10 กว่าเปอร์เซ็นต์ การเลือกตั้งครั้งที่แล้วพิสูจน์ ผิวดำ อาเซียน ลาตินก็ดี รวมตัวกันก็ยังแพ้ สู้ไม่ได้"

ผศ.วันวิชิต : "ที่เขาชนะการเลือกตั้งครั้งที่แล้วเพราะพลังอนุรักษ์นิยม อเมริกามาก่อน ไม่สนใจต่างชาติ จำได้มั้ย ตอนดีเบตกับฮิลลารี คลินตัน ทรัมป์เล่นประเด็นเดียวคือโจมตีเรื่องส่วนตัวเรื่องครอบครัวอฮิลลารี เรื่องสามีนอกใจ ตรงนี้ได้ใจคนอเมริกันที่มีความคิดเป็นอนุรักษ์นิยม ภาวะผู้นำถ้าแก้ปัญหาในครอบครัวไม่ได้ คุณมาแก้เรื่องนี้ไม่ได้ ทรัมป์โดนฮิลลารีกล่าวหาว่าเป็นเพลย์บอย เสเพล ทรัมป์ยอมรับ ซึ่งทำให้คนอเมริกันชอบความตรงไปตรงมา นี่แหละที่ทำให้ทรัมป์รู้ว่าอนุรักษ์นิยมในอเมริกามันทรงพลังมาก เขาพยายามควบคุมคนเข้าออก เพราะกลัวคนเหล่านี้อนาคตจะกลายมาเป็นพลเมืองมีสิทธิ์เลือกตั้ง เขาก็เลยควบคุมคนเหล่านี้ ไม่ให้มีสิทธิ์เลือกตั้งในอนาคตเป็นการสร้างความได้เปรียบ ก็เลยถูกใจพวกอนุรักษ์นิยมในอเมริกา"

ผศ.วันวิชิต : "ผมว่าตัวเลขที่ออกมาภาคหัวรุนแรงน่าจะเยอะที่สุด แต่กระบวนการทำให้การประท้วงต่อเนื่องและอยู่ยาวนานก็คงเป็นพวกสันติ เริ่มทำแคมเปญรณรงค์มากขึ้นเรื่อยๆ เพราะท้ายที่สุดจะยิ่งแตกแยก คนผิวดำเขาเก็บกดมานาน การเรียกร้องความเสมอภาค ทั้งที่กฎหมายให้เสมอภาคแต่ถูกเลือกปฏิบัติมาตลอด แม้แต่การเรียนมหาวิทยาลัย คนผิวดำเพิ่งเรียนในอเมริกาไม่ถึง 50 ปี ช้ามาก สองคนผิวดำที่จะเรียนในคณะแพทย์ พยาบาล มีสักกี่เปอร์เซ็นต์ถ้าเทียบกับคนเอเชีย คนผิวดำทำงานเก็บเงินแทบตายยังไม่มีบ้าน การแบ่งแยกเรื่องเชื้อชาติมันสูงขึ้น แม้แต่คนผิวขาวมาเห็นใจ เขาไม่อยากให้มันกระเพื่อมไปมากกว่านี้ ไม่งั้นการจราจลที่ลุกลามจะไม่จบแค่ 40 หัวเมืองใหญ่ๆ มันจะลุกลามไปทั่วประเทศ"

ผศ.วันวิชิต : "ผมคิดว่าใช้เรื่องการบังคับการใช้กฎหมายเรื่องการจับกุมเป็นหลัก สองทำให้อารมณ์ผู้คนลดอุณหภูมิความร้อน เรื่องการดำเนินคดีตร.ที่กระทำ ใช้อำนาจไม่ชอบ ทีมงานชุดนั้นต้องนำสู่กระบวนการยุติธรรมให้เร็วที่สุด"

วิเชียร : "ผมว่าไปต่อยากนะ ถ้าคู่แข่งประมวลผลงานตลอด 4 ปีทรัมป์ มีอะไรบ้างที่ประสบความสำเร็จ น้อยมากนะ นอกจากนโยบายที่ถูกใจคนผิวขาวหรือฐานรีพับริกันตัวเอง ฉะนั้นเองมันไปสร้างความแค้น ไม่พออกพอใจ โดยเฉพาะเรื่องการแก้ปัญหาโควิด ในประเทศ ยังขยายต่อเนื่อง เดโมแครตเอามาถล่มได้ตลอดเวลา แล้วเรื่องการเข้าถึงหลักประกันสุขภาพ การได้รับการรักษาพยาบาลอย่างเท่าเทียม คนเห็นอกเห็นใจจะลังเลกลับมาช่วยเพื่อสร้างความเป็นเอกภาพในสังคม ฟื้นฟูความรู้สึกคนในสังคมใหม่ เผลอๆ ที่ผ่านมาทรัมป์จะโดนประมวลความล้มเหลวว่ามีอะไรบ้าง ซึ่งมีเยอะกว่าความสำเร็จ"

ผศ.วันวิชิต : "ผมว่าโอกาศชนะจะน้อยลง ถ้าไม่มีโควิด คนผิวดำที่ถูกกดคอตาย เขามีสิทธิ์ชนะ แต่พอเจอสองเรื่อง เรื่องโควิดทรัมป์ชี้นิ้วไปที่จีนเลย แต่สังเกตมั้ยเดโมแครตก็ไม่กล้าบอกประเด็นตามทรัมป์หรือมาแก้ตัวแทนจีน เพราะจะเสียคะแนน กรณีความไม่สงบตรงนี้เขาพยายามปลุกว่าคนก่อความไม่สงบมีเบื้องหลัง เป็นก่อการร้ายหรือเปล่า ซึ่งเขาพูดแล้วนะ ทรัมป์มองว่าคนผิวดำเหล่านี้คุณเป็นพวกสังคมนิยมหรือเปล่า หนักกว่านั้นคือการบอกว่าเกี่ยวข้องกับศาสนาหรือเปล่า เพราะคนผิวสีบางคนบอกว่าทนไม่ไหวแล้วกับประเทศนี้"

ผศ.วันวิชิต : "ทรัมป์เขาไม่ธรรมดา เขามีลูกเล่นการตลาดเยอะ"