‘ทนายเดชา’ แย้มบอก ‘ลูกหนี้’ วิธีปฏิบัติไม่ถูกยึดทรัพย์ (คลิป)

เมื่อวันที่ 10 พ.ค. นายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายชื่อดัง เจ้าของเพจ "ทนายคลายทุกข์" ได้เปิดเผยกับ "เดลินิวส์ออนไลน์" กรณีลูกหนี้ ผิดนัดชำระแล้วถูกฟ้องศาลควรจะต้องปฎิบัติอย่างไรบ้าง เพื่อไม่ให้ถูก "ยึดทรัพย์" หลังจากมีข่าวเกี่ยวกับกรณีที่เป็นหนี้โทรศัพท์มือถือ 2-3หมื่นบาท แต่ภายหลังกลับถูกฟ้องยึดทรัพย์ บ้าน-ที่ดิน ราคานับล้านบาทว่า

สมมุติว่าเราไปเช่าซื้อทรัพย์สิน หรือเป็นหนี้สถาบันการเงิน ถึงเวลาผิดนัดชำระหนี้ สถาบันการเงินเปิดโอกาสให้เข้าไปเจรจาได้ เรียกว่าปรับปรุงโครงสร้างหนี้ เพราะฉะนั้นเมื่อมีปัญหาเรื่องการผ่อนชำระ ต้องเข้าไปเจรา อย่าไปหลบหน้าเป็นการ "เสียโอกาส" เมื่อเจรจาได้ก็จบกันขยายเวลาชำระหนี้กันไป ขั้นตอนต่อมาเมื่อลูกหนี้หลบหน้าไม่ยอมติดต่อ สถาบันการเงินก็จะดำเนินการฟ้องร้องต่อศาลให้ชำระหนี้ใน "คดีแพ่ง" ไม่ใช่ "คดีอาญา" ไม่ต้องกลัวติดคุก ถึงขั้นตอนนี้ลูกหนี้ก็ควรไปศาลไปเจรจาชำระหนี้เมื่อตกลงกันได้ก็ทำยอมผ่อนชำระ แต่ถ้าเราไม่ไปศาล ศาลท่านก็จะพิจารณาฝ่ายเดียวแล้วก็พิพากษาให้ชำระหนี้ ให้เวลา 30 วัน ถ้า 30 วัน ยังไม่จ่ายหนี้ก็จะถึงขั้นตอนตั้งเรื่องยึดทรัพย์-สืบหาทรัพย์สินของเรา ถ้าเรามีทรัพย์สินเขาก็ยึดทรัพย์ แต่ถ้าไม่มี ฝ่ายเจ้าหนี้มีเวลา 10 ปี เพื่อสืบหาแล้วยึดทรัพย์

ทนายเดชา กล่าวต่อว่า กรณีตามข่าว ก็เป็นหนี้แล้วไม่ไปศาล ไม่ติดต่อเจ้าหนี้ วันดีคืนดีก็มีการสืบทรัพย์-ยึดทรัพย์ ปรากฏลูกหนี้รายนี้ไม่มีทรัพย์สินอื่น ก็เลยไปยึดทรัพย์ "ที่ดินราคาหลักล้าน" เพื่อใช้หนี้หลักหมื่น ซึ่งทำได้กฎหมายไม่ได้ห้าม เวลายึดทรัพย์ยึดเกินมูลหนี้ได้ แต่เวลารับชำระหนี้ต้องรับชำระเท่าเงินต้นและดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียมศาลค่าธรรมเนียมบังคับคดี ส่วนที่เหลือต้องคืนลูกหนี้ไป

ดังนั้นตามข่าว ถ้าเราโดนยึดทรัพย์เจ้าหน้าที่บังคับคดีจะนำประกาศยึดทรัพย์ไปติดไว้ที่ ที่ดิน หรือบ้าน หรือทรัพย์ที่ยึด ลูกหนี้มีหน้าที่ไปเจรจาที่ "กรมบังคับคดีหรือเจ้าหนี้" เพื่อชะลอการบังคับคดีไว้ ถ้าไม่อยากถูกยึดทรัพย์ต้องเข้าไปเจรจากับเจ้าหนี้ขอผ่อนชำระหนี้ได้ แค่หนี้ก็จบแล้ว