ป้า ยัน!หลานถูกญาติ 7 คนรุมข่มขืนจริง แฉเมียผู้ต้องหา ตามด่าเดือดร้อนทำไม!

ล่าสุดรายการโหนกระแส วันที่ 16 มิ.ย. "หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย" เปิดใจสัมภาษณ์ "ป้านอ" ป้าด.ญ. เอ (นามสมมติ) ที่ด.ญ.เอเรียกว่าแม่ รวมทั้ง "เอมอร เสียงใหญ่" รองอธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม

ป้า : "คือด้วยความผูกพัน เด็กเคยอยู่กับเรามาตั้งแต่แบเบาะ แม่เขาทิ้งไป ออกจากรพ.มา พี่สาวก็มาฝากเราเลี้ยง"

ป้า : "เราเป็นญาติพี่น้องกัน เราเลี้ยงไว้ตั้งแต่แบเบาะ แล้วพอน้องได้ขวบกว่า พี่สาวก็เห็นว่าพ่อบุญธรรม พอจะดูแลน้องได้ มีอาชีพเป็นหลัก และแกไม่สามารถมีลูกได้เลยยกน้องให้ไป พอยกน้องให้ไป แม่บุญธรรมก็เสียชีวิต พ่อบุญธรรมก็มีแฟนใหม่ น้องจึงตกอยู่ในความดูแลของญาติพ่อบุญธรรม เราเองเป็นคนกลับไปดูแลบ้านบางครั้ง น้องก็มาคลุกคลีกับเรา และเล่าเหตุการณ์คร่าวๆ เราก็ยังไม่เชื่อตอนเขาอยู่ป. 4 พอ ณ ปัจจุบันนี้กลับไปอยู่บ้าน น้องก็กลับมานอนที่บ้าน ความผูกพัน ความไว้ใจน้องก็หลุดออกมา แต่ก็ยังไม่มีใครเชื่อ จนวันที่ 9 น้องปวดท้องกะทันหัน"

ป้า : "อยู่กรุงเทพฯ ส่วนมาก แต่ช่วงนี้ขาหัก เกิดอุบัติเหตุก็กลับไปซ่อมบ้านที่สุพรรณฯ และเห็นน้องปวดท้อง เหม่อลอย ถามอะไรก็เหมือนสมองโดนอะไรสักอย่าง นานๆ จะตอบตรงสักทีนึง ก็เลยผิดสังเกต พอนอนกลางคืน น้องบอกว่าปวดท้อง พอวันที่ 9 ก็พอดีพี่สาวเขามา ก็ปรึกษากันว่าน้องปวดท้องนะ ทำไง มีบัตรมั้ย พี่สาวก็เลยโทรหาพ่อบุญธรรมเพื่อขอบัตรน้องสาว แม่ใหม่ของน้องกับพ่อบุญธรรมก็โทรบอกป้าว่าให้ไปเอาที่แฟนหนึ่งในผู้ต้องหาที่บ้านหลังนี้ พอได้มาปุ๊บเราก็พาน้องไปตรวจที่รพ. หมอก็บอกว่าน้องไม่ได้ปวดท้องธรรมดา น้องถูกกระทำมา และถูกล่วงละเมิดทางเพศ ทีนี้ก็ปรึกษาพี่สาวของเอ"

ป้า : "น้องแดงก็ปรึกษาทางญาติผู้ใหญ่ว่าเอาไง ผู้ใหญ่บอกว่าถ้าแบบนี้ให้มาไม่ได้แล้ว กลับมาจะเป็นอันตราย เพราะน้องมีอาการซึมเศร้า"

ป้า : "ตอนแรกที่อยู่รพ. น้องบอกแค่คนเดียวคือนายโด้ เป็นญาติของน้อง มีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน แล้วกระบวนการคือพอพี่สาวแจ้งความ ฝ่ายคุ้มครองเด็กและสตรีเข้ามาดูแลน้องแทน และเขามีกลยุทธ์สอบถามน้องได้ดีกว่าเรา น้องจึงคายออกมาหมดเลย สำหรับผู้ต้องหาที่เหลือ 7 คน"

ป้า : "ตอนแรกที่อยู่รพ. น้องบอกแค่คนเดียวคือนายโด้ เป็นญาติของน้อง มีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน แล้วกระบวนการคือพอพี่สาวแจ้งความ ฝ่ายคุ้มครองเด็กและสตรีเข้ามาดูแลน้องแทน และเขามีกลยุทธ์สอบถามน้องได้ดีกว่าเรา น้องจึงคายออกมาหมดเลย สำหรับผู้ต้องหาที่เหลือ 7 คน"

ป้า : "คนแรกคือนายโด้ ต่อมานายอนันต์ คนที่กระทำน้องคือนายเชิญ และมานายพะเยาว์ คนสุดท้ายคือสุรัตน์ เด็ก 14 มีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้อง อีกคนเด็กอายุ 11 ปี เป็นลูกพี่ลูกน้อง อยู่ในเครือญาติพ่อบุญธรรมทั้งหมด"

ป้า : "เท่าที่ดูใช่เป็นส่วนมาก ส่วนคนนอกเป็นสมาชิกในพ่อบุญธรรม ที่มาร่วมด้วย แต่คนที่เริ่มคือญาติแท้ๆ เลยคือนายโด้"

ป้า : "เขาพักตามรั้วบ้าง ตามใต้ถุน เขาก็เคยบวชเรียนมาก่อน ไม่คิดว่าจะร่วมมือทำกับน้องด้วย"

ป้า : "เรื่องความปลอดภัย กับคนเข้าไปร่วมมือช่วยน้อง มีป้ากับพี่แดง หลังจากที่เราช่วยแล้ว เราไม่รู้ชีวิตเราจะอยู่ยังไง จะปลอดภัยมั้ย กลัวญาติผู้ต้องหาจะมาทำอะไรเรามั้ย"

ป้า : "เขาป่าวประกาศ พี่ชายของพ่อบุญธรรม เพราะลูกเขยเขาโดนจับ บ้านเราอยู่ในนั้น คือพี่น้อง บ้านอยู่รวมกัน บ้านเราอยู่ด้านในสุดเลย เราต้องผ่านบ้านเขา เพราะเอารถไปจอดหน้าบ้านเขาอยู่แล้ว"

ป้า : "เขาห้ามเลย ประกาศว่าห้ามไม่ให้เข้า เรามีการหวาดระแวง ผู้กระทำก็เป็นญาติเราด้วย จริงๆ เราไม่อยากพาดพิง หรือเอาเรื่องเขาเพราะเราไม่เคยมีเรื่องกันมาก่อน และเราก็ไม่เคยคิดว่าจะเกิดในลูกหลานเรา มันทำใจลำบากนะคะ เราก็กลัว ยังมีหลาน มีลูกที่อยู่บริเวณนั้น"

ป้า : "ใช่ค่ะ เมียผู้ต้องหาคนนึงได้พาดพิงว่า ผัวเขาไม่เข้าใกล้เด็กผู้หญิงเลย แต่ทุกครั้งที่ป้ากลับบ้าน จะเห็นเขาให้เด็กคนนี้บีบนวดให้ในห้อง แต่นุ่งบ็อกเซอร์ตัวเดียว แล้วโตแล้ว คุณเอาไปนวดจะไม่โดนเนื้อตัวเหรอ แต่ก็ไม่คิดว่าเรื่องจะเกิดแบบนี้"

ป้า : "มันก็สิทธิของเขาที่เขาจะปกป้องคนที่เขารัก แต่ถามว่าคุณยังรักคนที่คุณรัก แล้วเด็กคนนึง นี่เป็นพินิจของอัยการ ถ้าหลักฐานไม่แน่น เขาจะออกหมายจับไม่ได้ เด็กต้องบอก เราไม่ได้ไปสอนเด็กหรืออะไร เด็กบอกหมดเลยว่าการกระทำตรงนี้ๆ มีใครอยู่บ้าง ให้เขาทำอะไรบ้างระหว่างที่ผู้ใหญ่เรียกเขาเข้าไป"

เอมอร : "กรณีตัวน้อง คนใกล้ชิดน้อง ไม่ว่าจะเป็นพี่สาว คุณป้า หรือใครก็ได้ที่ใกล้ชิดแล้วรู้สึกไม่ปลอดภัย อาจเป็นพนักงานสอบสวนที่ระหว่างสอบสวนเห็นพฤติการณ์ว่ามีความเสี่ยง หรือชั้นอัยการหรือชั้นศาล สามารถติดต่อขอรับความคุ้มครองพยานได้ตาม พรบ.คุ้มครองพยานในคดีอาญา"

เอมอร : "ตอนนี้พนักงานสอบสวนประสานส่งมาให้ กรมคุ้มครองสิทธิ์จะเข้าไปดูแลเรื่องความปลอดภัย โดยอาจประเมินก่อนว่าให้น้องอยู่บ้านพัก และทราบว่าจะพาพี่สาวให้มาอยู่ด้วย อาจจัดเจ้าหน้าที่ตร. ไปดูแล ถ้าไม่ปลอดภัยจะย้ายเข้าสู่เซฟเฮาส์ หรือย้ายออกจากพื้นที่ก็ได้ โดยที่กรมจะดูแลค่าใช้จ่ายทังหมด รวมทั้งค่าใช้จ่ายป้าที่อาจไม่สามารถกลับไปประกอบอาชีพได้ ค่าขาดประโยชน์ต่างๆ จะจ่ายค่าชดเชยให้ทั้งหมด"

ป้า : "กระบวนการต้องเสร็จสิ้นก่อน ตอนนี้ทางดูแลเด็กเขาให้เรียนที่นี่ก่อน พออะไรเรียบร้อย จบจากกระบวนการตรงนี้ค่อยโยกย้ายทีหลังว่าเด็กพอใจจะอยู่กับใคร"

ป้า : "ก็อยู่ที่เด็กอีก ถ้าเขาไม่ไปเขาก็หนีอยู่ดี ต้องปรึกษาดูอีกที"

เอมอร : "ถ้าเข้าในโครงการคุ้มครองพยาน เราจะดูแลเรื่องการศึกษาของน้อง เราจะย้ายโรงเรียน ปกปิดทุกอย่าง กรณีพี่สาวทำงาน อาชีพต่างๆ เราจะดูแลให้ด้วย อาจย้ายออกจากพื้นที่ หรือจังหวัดนั้นเลย จะดูแลทั้งหมดค่ะ"

ปรเมศวร์ : "ก็เป็นสิทธิของเขา สิทธิในการปล่อยตัวชั่วคราว ถ้าศาลเห็นควรว่าควรให้ก็ให้ไป แต่ไม่ได้หมายความว่าคุณพ้นความผิด เป็นกระบวนการเบื้องต้นเท่านั้นเอง แต่ถ้าไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน อยากบอกญาติเขาทั้งหลาย ไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานหรือไปก่อเหตุร้าย ผู้เสียหายยื่นคำร้อง คุณป้ายื่นคำร้องขอให้ศาลเพิกถอนการประกันได้ นี่คือเงื่อนไขนะ ฝากไปถึงญาติ ถ้าเขาออกมาแล้วไปก่อเหตุร้าย ไม่จำเป็นต้องกลัวผู้ต้องหาไปข่มขู่ แต่ถ้าญาติผู้ต้องหาไปข่มขู่ ทำร้ายไม่ให้เข้า ระวังนะ จะถูกถอนประกันไม่รู้ตัว"

ปรเมศวร์ : "จำได้มั้ยคดีแรมโบ้ที่ข่มขืนน้องนุ๊ก เขาก็มีการคุ้มครองพยาน ย้ายพยานไปอีกที่และมีเจ้าหน้าที่ดูแล ในที่สุดก็ติดคุกไปเรียบร้อย ผมไม่หนักใจ เชื่อว่ากรมคุ้มครองเด็กเขาดูแลตรงนี้ได้"

ปรเมศวร์ : "อยากยกตัวอย่าง จำคดีที่กระบี่หรือพังงาได้มั้ย ที่ 30-50 คนข่มขืนเด็ก นั่นศาลตัดสินจำคุกทุกคนเลยนะ เพราะเด็กเบิกความมีเหตุผล น่าเชื่อ ถามว่าเรื่องนี้เด็กพูดแล้วน่าเชื่อมั้ย ที่มีบางคนบอกว่าเด็กไม่สมประกอบบ้างอะไรบ้าง ก็คอยดู เพราะเด็กตอบต่อหน้าสหวิชาชีพ สองผู้ต้องหา เขาต้องหาพยานหลักฐานมาพิสูจน์ตัวเองด้วยว่าตัวเองไม่ได้กระทำความผิด เป็นเรื่องที่เราไปว่าความจริงกันในศาล ญาติพี่น้องไม่ควรไปวุ่นวาย ปล่อยเขาไป บางทีคบคนรู้หน้าไม่รู้ใจ ลับหลังญาติก็ไม่ได้อยู่กับเขาตลอดเวลานี่"

ปรเมศวร์ : "ไม่เบาหรอก ต่ำกว่า 13 นี่ 20 ปีนะ แล้วนับไปเลยกี่ครั้ง ครั้งเดียวหรือเปล่าก็ไม่ใช่ มันหลายครั้ง สืบไปสืบมาเดี๋ยวเด็กเบิกความว่าคนที่หนึ่งชักชวนคนที่สองหรือเปล่า ก็เป็นบอกต่อ เป็นการสมคบคิด สนับสนุนกันได้ ต่างกรรมต่างวาระ ถ้าไปชักชวนและบอกต่อว่าเฮ้ย ไปดิ ก็เป็นการสนับสนุน แต่ละกรรมก็เชื่อมโยงกันหมด ผมถึงบอกว่ารอให้ความจริงปรากฎทุกอย่างจะชัดเอง ส่วนน้องเยาวชนผิดไม่ผิดก็ว่ากันไป การพิสูจน์ต้องใช้เวลา"

ปรเมศวร์ : "แล้วแต่ศาลกำหนด"

ปรเมศวร์ : "จนกว่าจะปรับปรุงนิสัย"

ปรเศวร์ : "อันนั้นไม่มีใครรับประกัน เข้าเรือนจำออกมาคิดว่าดี แต่ไม่ดีก็เยอะ แล้วเท่าที่เคยสัมผัสจากราชทัณฑ์ คนที่จะกลับย้อนเข้าไปใหม่ เต็มร้อยมีแค่ประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์"

ปรเมศวร์ : "อยากให้ญาติพี่น้องผู้ต้องหาทั้งหลายใจเย็นๆ การไปข่มขู่ไม่ใช่ทางออกที่ถูก ทางออกที่ถูกก็คือต้องหาพยาน ชอบที่ป้าเขาพูดนะ สามีคุณคุณรัก หลานเขาเขาก็รัก หาพยานหลักฐานมาว่ากันสิ ถ้าเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมก็จบครับ"

ป้า : "เมียผู้ต้องหาพาดพิงกล่าวหา ว่าทางบ้านหนูมั่วสุม บ้านเราหรือเปล่าทำน้อง เพราะจุดบ้านพี่ชายจะมีหน่วยกู้ภัย เขาก็พาดพิงมาหาเรา อีกเรื่องพ่อบุญธรรมเด็ก ก็จะฟ้องหนูว่าลักพาลูกเขาไปแจ้งความ"

ปรเมศวร์ : "รับจดทะเบียนเป็นลูกบุญธรรมมั้ย"

ป้า : "มีจดทะเบียน"

ปรเมศวร์ : "อันนี้เปนสิทธิของเด็ก จะบอกว่าเราลักเด็กไปไม่ได้ เรามีสิทธิ์กล่าวโทษได้ อะไรที่ทำผิดกฎหมาย แม้เราไม่ใช่ผู้เสียหาย ก็มีสิทธิ์กล่าวโทษ คนเกี่ยวข้องไม่มีสิทธิ์ฟ้องร้อง เพราะไม่ใช่เรื่องเท็จ เด็กยืนยันว่าเป็นเรื่องจริงก็คือจบ"

ป้า : "ฟ้องกลับได้ใช่มั้ย"

ปรเมศวร์ : "อย่าไปฟ้องเลย พอออกมาวันนี้ ความยุติธรรมอยู่ที่สื่อมวลชน คุณกรรชัย ช่อง 3 มาทำแบบนี้ ผมถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการยุติธรรมทำให้ความจริงปรากฎ ให้สังคมได้รับรู้ ฝั่งโน้นอยากชี้แจงก็มา วันนี้ไม่ต้องไปฟ้องใคร ให้ประชาชนตัดสินใจดีที่สุด"

ป้า : "ใช่ค่ะ ตอนอยู่กับป้าแกเห็นป้ากลับไป น้องจะมีความสุขมาก แต่พอจะกลับเขาเหมือนนัยน์ตาเศร้า สังเกตเห็นนานแล้ว เพราะกลับมาบ่อย น้องเริ่มมีอาการตั้งแต่ป. 4 น้องบอกอะไรมานิดๆ แต่ไม่หมด บอกคร่าวๆ"

ป้า : "ชีวิตประจำวันน้องก็มีพวกญาติใช้ล้างถ้วยล้างชาม เลี้ยงน้อง พอสบโอกาส คนนี้จะดึงเข้าไป แล้วก็จะวนๆ กันไปเรื่อยๆ ต่างวาระต่างเวลากัน"

ป้า : "ยืนยันค่ะ ณ เวลานั้นอยู่บนโรงพัก ก็ถามว่าน้องสองคนนี้จริงมั้ย เขาบอกว่าจริงค่ะ ทำหนูจริงๆ วันไหน น้องคนที่อายุ 11 ทำวันสุดท้ายคือวันที่ 3 ตอนเช้า ตอนเย็นก็เป็นคุณสุรัตน์ซึ่งเป็นวันเดียวกัน แล้วมีผู้ต้องหาอีกคน ที่ว่าไปเอาข้างๆ ห้องน้ำ ก็เอาวันต่อวัน ล่วงละเมิดน้อง ตอนเช้าน้องนอน เด็กคนนี้เข้าไปทำน้องเหมือนคนโตทำ น้องบอกทำเช้า พอเย็นอีกคนมาทำ อยู่ในบ้านหลังนั้นเลย"

เอมอร : "ก็เป็นสภาพสังคม แต่จริงๆ เรามาดูตัวน้อง สหวิชาชีพเขาเข้าไปดูแลสภาพจิตใจน้อง เข้าไปฟื้นฟู นอกจากดูสภาพร่างกาย ความปลอดภัย การรักษาพยาบาล สภาพจิตใจก็ต้องเข้าไปดู ซึ่งต้องบอกว่าเคสนี้บอบช้ำทางจิตใจค่อนข้างเยอะ แต่ส่วนหนึ่งถ้าเข้าโปรแกรมคุ้มครองพยาน และยังอยู่บ้านพักเด็ก บ้านพักเด็กยังต้องดูแลไป แต่ถ้าจำเป็นต้องออกนอกพื้นที่นั้น สิ่งแรกเราต้องพาไปพบจิตแพทย์ เพื่อพาไปประเมินสภาพจิต และฟื้นฟู"

เอมอร : "หลายเคสเราย้ายออกจากพื้นที่เลยค่ะ ย้ายโรงเรียน เปลี่ยนชื่อ เป็นนามสกุล อาชีพทุกอย่างเปลี่ยนหมด ให้น้องเขาเริ่มต้นชีวิตใหม่ รวมทั้งบ้านพัก สถานที่เราจะดูแลและประสานทั้งหมด ทุกคนที่ใกล้ชิดพยาน ถ้าตัวพยานรู้สึกไม่ปลอดภัย รวมทั้งคนใกล้ชิด ก็ดูแลทั้งหมด ไม่จำเป็นต้องเป็นทางสายเลือดใครก็ได้ที่ดูแลพยานและรู้สึกไม่ปลอดภัย"

เอมอร : "ช่วงนี้คุณป้าบอกว่ากลับไปอยู่ไม่ได้แน่นอน ก็เข้าโปรแกรมมาเลย กฎหมายไม่ได้กำหนดว่าคุ้มครองเฉพาะพยาน คุ้มครองใครก็ได้ที่อยู่ใกล้ชิด มาอยู่ในเซฟเฮาส์ก็ได้"

เอมอร : "จะมีเจ้าหน้าที่ประเมินความเสี่ยงก่อน ถ้ารู้สึกไม่ปลอดภัย ก็ให้ตร. คุ้มครอง ส่วนใหญ่ถ้ากลับไปบ้านไม่ปลอดภัยเราก็ประเมินว่าไม่ควรกลับก่อน กรณีไปขึ้นโรงขึ้นศาลก็มีทีมคุ้มกัน"

ป้า : "อนาคตเราจะทำยังไง"

เอมอร : "บางเคส 5-10 ปียังคุ้มครองอยู่เลยค่ะ ก็ประเมินความเสี่ยงดู ถ้ายังเสี่ยงอยู่ก็คุ้มครองไปได้เรื่อยๆ มีหลายเคสที่คุ้มครองจนเขาย้ายที่อยู่ไปเลย หรือสิ้นสุดไปแล้ว ปลอดภัยแล้วเรายุติการคุ้มครอง แต่ถ้ามีเหตุการณ์เกิดขึ้นใหม่ก็สามารถคุ้มครองใหม่ได้"

ป้า : "ตอนเขาบวชเป็นพระอยู่วัดนี้ เขาก็เข้ามาคลุกคลี และเป็นเพื่อนพ่อบุญธรรรม พออายุเยอะ ไม่รู้จะไปไหน ก็ไปรับจ้างรายวัน กินเท่าที่มีกิน ข้าวบ้านนี้ บ้านนั้น ไม่มีก็ไปหุงกินข้างๆ รั้ว"

ป้า : "คนนอกยังรู้เลย แล้วถามว่าในกลุ่มจะไม่เห็นแม้แต่นิดเดียวเลย"

ป้า : "ใช่ค่ะ ผู้ใหญ่บางคนต้องรู้ แล้วนี่ไม่ใช่ลูกแท้ๆ"

ป้า : "เป็นลูกพี่ เขาจะฟ้องกลับเราในทำนองพาลูกเขาไปแจ้งความเท็จ ใส่ความเขา เลยให้ย้อนกลับไปดูว่าตั้งแต่เกิดมาจน 48 ไม่เคยมีเรื่องกับใคร แล้วก็ไม่เคยทะเลาะกับเขาด้วยในหมู่นั้น ไม่เคยเลย แต่ที่ต้องทำเพราะเป็นแบบนี้ แล้วหลักฐานมีอยู่ แทนที่คุณจะมาโทษเรา ส่งเฟซไลน์มาด่าเราว่าเป็นพ่อแม่มันเหรอถึงได้เดือดร้อน"

ป้า : "ทางเมียผู้ต้องหาเฟซมาหาหนู หนูก็ส่งให้ร้อยเวรดูว่านี่คือคำข่มขู่หนูนะ ลุงที่ว่าลูกเขยเขาโดนจับ เขาก็บอกพี่สาวน้องเอมาบอกว่าห้ามมาเหยียบหน้าบ้าน ห้ามเอารถมาจอดตรงนี้ แล้วทุกคนรวมหัวกันหมดเลย บอกว่าทำให้เขาเดือดร้อน ทำไมไม่ปรึกษาเขา ถามว่าคุณเดือดร้อน ลูกเต้าจะอยู่ยังไง แล้วชีวิตเด็กอีกคนนึงล่ะ คุณคิดแค่ส่วนของคุณ ทำไมไม่กลับไปถามครอบครัวคุณว่าทำแบบนี้เพื่ออะไรกับเด็กคนนึง คุณยังคิดถึงจิตใจลูกคนว่าจะเจออะไร แล้วนี่เด็กคนนึงต้องเจอตั้ง 7 คน"

ป้า : "แดงก็เคยโดนผู้ต้องหาคนนึงพยายามข่มขืน เหมือนที่เขาเคยออกสื่อไป ก็ได้สัญญากันไว้แล้วว่าอย่ามาทำแบบนี้อีกนะ จะไม่แจ้งความ แต่ดันมาทำกับน้องเขา"

ป้า : "ก็สบายใจส่วนหนึ่งแต่ก็คิดถึงอนาคตข้างหน้า ถ้าป้าไม่กลับตรงนี้ แล้วหลานป้าล่ะ ตรงนี้มันย้ายไม่ได้อยู่แล้ว น้องเออาจได้ย้ายพื้นที่แต่น้องแดง ลูกเต้าก็เรียนตรงนั้น เขาจะอพยพไปไหน"

เอมอร : "ถ้าไม่ปลอดภัยต้องย้าย และเปลี่ยนที่เรียนให้ ประสานโรงเรียนให้ด้วยค่ะ"

เอมอร : "ใช่ค่ะ แต่ถ้าอนาคตเขาจะกลับก็ต้องประเมินกันอีกครั้ง"

เอมอร : "ก็อยู่ที่ทางฝั่งเรานี่แหละค่ะว่าจะกลับมั้ย เพราะทุกหน่วยงานต้องเคารพกฎหมาย ในกระบวนการอาจมีเจ้าหน้าที่ไปคุ้มกัน คุ้มครองดูแลจนปลอดภัย"

ป้า : "โดนด่านกสองหัว เนรคุณ ทำไมต้องมารวมหัวกับป้าไปหาเรื่องเขา ให้เขาได้รับความเดือดร้อน ลูกเต้า ผัวเมีย"

ป้า : "ใช่ค่ะ เขาพาดพิงว่าเอไม่ปกติ แต่ถามว่าถ้าเอไม่ปกติเขาจะบอกทุกช็อตตรงกันหมดเหรอ"

ป้า : "เมียผู้ต้องหาคนนึงพาดพิงว่าอยู่ดีๆ น้องเอก็กรี๊ดกร๊าดขึ้นมาเหมือนเด็กไม่สมประกอบ ระบบทางประสาทไม่ดี แล้วเขาเรียนมาทำไมคุณครูไม่แจ้งผู้ปกครองว่าน้องประสาทไม่ดี ทำไมเรียนจบถึงป.6 แล้วจะไปต่อม.1 อีกแล้ว พอหมอตรวจแล้วไปดูตอนนี้ น้องร้องเพลงพุ่มพวงได้หมดเลย เด็กไม่ปกติจำเนื้อได้มั้ย ไม่ได้ ถ้าคุณบอกว่าเด็กไม่ปกติ พูดอะไรไม่รู้เรื่องเขาโกหก ถ้าย้อนไปดู คุณว่าเขาไม่ปกติ แต่คุณกระทำกับเขาตั้ง 7 คน คุณผิดนะ คุณปกติดีแต่ไปทำกับเด็กพิการได้ยังไง คุณถือว่าเด็กพิการบอกไปไม่มีใครเชื่อ คุณคิดว่าแบบนี้ไง อยากพูดคำนึงในเมื่อหลักฐานมีแบบนี้ แทนที่คุณจะปรึกษากันว่ามึงทำมากทำน้อย มาคุยกันดิ เราก็ไม่คิดว่าจะเยอะขนาดนี้ ผิดมากผิดน้อยมีบทลงโทษอยู่แล้ว การที่คุณจะมาพาดพิงว่าเด็กประสาท เรารวมหัวไปแกล้ง ถามหน่อยว่าตั้งแต่เกิดไม่เคยมีเรื่องกับใคร เด็กคนนี้ก็ไม่มีเรื่องกับใคร"

ป้า : "คนนี้พี่ชายหนูเห็นเลย พี่ชายเป็นหน่วยกู้ภัย มาบอกว่าเล้าไก่มันเอากันแล้ว มันทำลูกมึงแล้วน่ะ ก็เลยเรียกมา ตั้งแต่ป.4"

คลิป

vvvvvvv

vvvvv

vvv

v