ทนายรณณรงค์ วิเคราะห์ที่ดินวัดสวนแก้วชี้ วันทนา ไม่โง่ มีทนาย
กรณีปมร้อนที่ดิน "วัดสวนแก้ว" ที่ศาลมีคำพิพากษาให้ที่ดินส่วนหนึ่งของวัดสวนแก้ว ที่มีพระราชธรรมนิเทศ หรือ "พระพยอม กัลยาโณ" เป็นเจ้าอาวาส ตกเป็นของทายาทเจ้าของที่ดินเดิมตามคำพิพากษาของศาล หลังจาก "นางวันทนา" ขายที่ให้แก่วัด ด้วยสิทธิครอบครองปรปักษ์ และมีเรื่องฟ้องร้องกัน
รายการ "เรื่องลับมาก (NO CENSOR)" ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 14.20 - 15.00 น. ทางเนชั่นทีวี ช่อง 22 วันนี้ (17 มิ.ย.) "ดร. เสรี วงษ์มณฑา" เปิดใจสัมภาษณ์ "มานิต วงศ์บุญธรรม" เจ้าหน้าที่มูลนิธิวัดสวนแก้ว (ดูแลสิ่งของบริจาค) และ "ประไพ ติงสะ" คนงานก่อสร้างเก่าแก่วัดสวนแก้ว มาพร้อมกับ "ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร" ถึงเหตุการณ์ดังกล่าว
การค้าขายที่ดินนี้ มีตัวละครชื่อวันทนา เป็นใคร?รณณรงค์ : "วันทนาดูแลที่ดิน อยู่อาศัยมาหลายสิบปี วันดีคืนดีไปร้องศาลขอครอบครองปรปักษ์ ตามกฎหมายคืออยู่ครอบครองปกปักษ์ อยู่เจตนาโดยสุจริตและเปิดเผยว่าตัวเองเป็นเจ้าของ เกิน 10 ปี มีสิทธิ์ร้องขอต่อศาลได้ พอร้องเสร็จปุ๊บ ศาลออกโฉนดที่ดินให้ เขาเอาโฉนดตัวนี้มาขายให้ทางวัด พระพยอมท่านก็ไปซื้อโฉนดมา"
ตอนนั้นท่านรู้มั้ยว่าเป็นที่ดินปรปักษ์?
รณณรงค์ : "ท่านใช้วิธีไปถามกรมที่ดินว่าที่ดินแปลงนี้ซื้อได้ตามกฎหมายหรือเปล่า ปรากฎว่ากรมที่ดินบอกว่าซื้อได้ ไม่มีปัญหา ท่านก็เลยซื้อ เป็นที่มาที่ไป ซื้อมา 10 ล้าน"
มานิต : "มาจากหลายๆ ที่ คนดังๆ ที่หลวงพ่อดังๆ ท่านไปเสนอแนะมา ได้เงินมา ข้าราชการเกษียณก็ให้มาด้วย 10 ล้านกว่าจะได้มายากลำบาก หลวงพ่อพูดเสมอว่ากว่าจะได้เงินมาก็แย่เลย"
หลวงพ่อดีใจมั้ยได้ที่ดินผืนนี้?
ประไพ : "ย่อมดีใจ ได้ช่วยเหลือคนตกทุกข์ได้ยาก คนไม่มีที่มาที่ไป จะได้ทำมาหากินได้"
รู้จักคุณวันทนามั้ย?
มานิต : "รู้จักผ่านๆ ไม่ได้สนิทสนมมากมาย รู้จักกันธรรมดา เป็นคนใจดี ใจบุญ อาชีพทำสวนอยู่แถวนั้น"
ในเชิงคดี เงิน 10 ล้านเป็นของวันทนาคนเดียวหรือแตกแยกไป?
รณณรงค์ : "ก็เป็นของคุณวันทนาคนเดียวที่จะเอาไปใช้ประโยชน์อะไรก็ได้ตามปกติ พระพยอมท่านถือครองมาก็ปกติ เข้าไปถมที่ปรับปรุงสภาพหน้าดิน จนที่มันสวยขึ้น อยู่สี่แยกพอดี ผ่านมา 2 ปีกว่าๆ คุณวันทนามาบอกพระอาจารย์ใหม่ว่าดิฉันคืนที่ให้เขาไปแล้ว ขั้นตอนตรงนี้แหละที่ทำให้พระพยอมท่านปวดหัวจนถึงทุกวันนี้"
"ในกระบวนการเกิดปัญหาอยู่อย่างหนึ่ง คือทายาทเจ้าของที่ดินที่แท้จริง ตอนวันทนาไปร้องครอบครองปรปักษ์ เจ้าของเขาตาย หมายศาลเลยไม่ได้ไปที่ทายาท เลยไม่มีใครแย้ง เขาก็เลยได้ที่มาง่ายๆ มาขาย 10 ล้านง่ายๆ พอทายาทเขารู้ว่ามีที่แปลงนี้อยู่ เขาก็ฟ้องวันทนาเอาที่คืน ข้อหาฟ้องเท็จ เบิกความเท็จต่อศาล ขอให้การครอบครองปรปักษ์เป็นโมฆะ ทีนี้การสู้คดี"
"ผมก็ยังแปลกใจ เวลาเราชนะครอบครองปรปักษ์ โอกาสจะแพ้คดีต่อไปมันเกือบเป็นศูนย์เลยนะ วันทนาน่าจะได้ครองต่อไป แต่กระบวนการการต่อสู้คดี ระหว่างวันทนากับทายาทเจ้าของที่ดินไม่ได้แจ้งไปยังวัดสวนแก้ว วัดไม่ทราบว่าวันทนาถูกฟ้อง ตามกฎหมายบอกว่าคุณฟ้องใครก็ส่งหมายแค่คนนั้น เขาฟ้องวันทนา วันทนาก็ไม่ได้มาบอกพระพยอมว่าตัวเองถูกฟ้อง พระพยอมไม่รู้ตัว จนกระทั่งวันทนาขึ้นศาล แล้วเกิดเหตุอภินิหารเกิดขึ้น คดีที่ไม่ควรจะแพ้ วันทนาไปเซ็นบอกว่าขอให้ที่ดินคืนทายาท"
เขาให้เหตุผลอะไรในการคืน?รณณรงค์ : "เขาบอกว่าเขาเช่าที่แปลงนี้อยู่ วันทนาเลยถูกดำเนินคดีข้อหาเบิกความเท็จต่อศาลที่บอกว่าตนเองครอบครองโดยสุจริตและเปิดเผยด้วย กลายเป็นว่าหลังจากนั้น ศาลเห็นว่าคำพิพากษาที่ทำสัญญายอมกันไม่ได้ขัดต่อกฎหมาย ก็พิพากษาให้ ทายาทเลยได้สิทธิ์ในที่ดินตามกฎหมาย ทายาทก็มาฟ้องวัดสวนแก้วต่อ พระพยอมท่านก็เลยรู้ว่าอ้าว ที่มีปัญหา ต้องคืนให้เขา ทีนี้ขั้นตอนตรงนี้มันเลยจุดที่พระพยอมท่านสามารถเข้าไปเป็นโจทก์ร่วมได้แล้ว"
เขาให้เหตุผลมั้ยทำไมยอมเซ็นยินยอม?
รณณรงค์ : "เขาบอกทางโน้นขู่เขา อันนี้เป็นเหตุผลที่เขาอ้างกับหลวงพ่อ ว่าเขาถูกเอาเข้าเซฟเฮาส์ อ้างว่าทำเพื่อวัด วัดจะได้ไม่ถูกฟ้องร้อง แต่นั่นคือเหตุผลของคนที่ได้เงินไป 10 ล้าน แต่ถามว่าคนนอกอย่างพวกผม มองคดีนี้เป็นยังไง นักกฎหมายทั้งประเทศมองคดีนี้ว่าทำไมถึงได้ไปยอมกันแปลกๆ อาจารย์ได้ที่เขามา 10 ล้าน จะยอมคืนง่ายๆ มั้ย ทีนี้ในขั้นตอนของศาลมันเกิดอะไรขึ้นในการเจรจา ทำไมถึงยินยอม คนก็คิดว่าวันทนาได้สองเด้งหรือเปล่า แต่ก็ไม่มีหลักฐานอะไร ได้แต่คิด"
รณณรงค์ : "ใช่ครับ นี่คือสิ่งที่นักกฎหมายหลายคนคิด ได้จากวัด 10 ล้าน ได้จากคนที่เป็นเจ้าของที่ด้วยอีกก้อนนึงหรือเปล่า เลยยอมเซ็นง่ายๆ"
แต่บางคนบอกเขาเป็นคนนิสัยดีมากนะ เขาห่วงพระพยอมจะโดนฟ้องเลยต้องยอม?
รณณรงค์ : "เอาเงินมาคืนก่อนก็ได้นะ ถ้าพูดแบบนั้น"
ทนายพอจะรู้มั้ยภูมิหลังวันทนาเป็นยังไง?
รณณรงค์ : "อันนี้ผมไม่ทราบเลย แต่จากการได้เจอพระพยอมสัก 2 ครั้งทางรายการทีวี ผมก็ถามว่าทำไมท่านไม่ฟ้องวันทนา เอาเงิน 10 ล้านคืนมา ท่านบอกว่าสงสารเขา เขาก็เอาเงิน 10 ล้านแบ่งให้ลูกๆ ไปหมดแล้ว ไม่เหลือแล้ว ผมก็ห๊ะ ไม่เหลือเลยเหรอ"
ตัวเขาตอนนี้เป็นยังไง?
รณณรงค์ : "เห็นว่าล่าสุดป่วยติดเตียง ไม่รู้เวรกรรมหรือเปล่า ก็อย่าไปแช่งเขาเลยครับ เขาแค่เอาเงินวัดไป 10 ล้าน ให้เวรกรรมทำงาน"
คนในวัดรู้จักวันทนามั้ย?
ประไพ : "รู้จักครับ แกชอบมาทำบุญที่วัด วันพระวันอะไรก็มาใส่บาตร ทำบุญที่วัด"
ตอนที่วันทนาเอาที่ดินมาขาย รู้สึกยังไง?
ประไพ : "ดีใจนะ จะได้มีที่ให้คนที่ไม่มีที่อยู่อาศัยได้อาศัยต่อ ช่วงแรกยังไม่เกิดเรื่องแกก็ยังมา"
พอมีเรื่อง?
ประไพ : "หายไปเลย"
เขามาขายเองหรือมีนายหน้ามาติดต่อ?
มานิต : "มีนายหน้ามาก่อน"
รณณรงค์ : "นายหน้าได้แค่เป็นคนเอามาขาย แต่แปลกใจว่านางวันทนาต้องมีความรู้เรื่องกฎหมายระดับนึงนะ ชาวบ้านทั่วไปอยู่มา 10 ปีไม่เคยร้องครอบครองปรปักษ์ พอจะขายให้วัดสวนแก้วไปร้องครอบครองปรปักษ์ได้ แปลกมั้ย เธอมีทนายนะครับ ร้องครอบครองปรปักษ์ต้องผ่านทนายความขึ้นสู่ศาล ไม่ผ่านทนายความประชาชนยื่นเองไม่ได้ ทุกวันนี้ยังไม่เห็นหน้าเลยว่าทนายคนไหนดูแลให้ ไม่เคยโผล่มาเลย ก็ยังสงสัยว่าตอนครอบครองปรปักษ์ หลักฐานมันเป็นการเช่าจริงหรือเปล่า ตอนไปไกล่เกลี่ยเรื่องที่วัดที่คุณขายไปแล้ว 10 ล้านเนี่ยอะไรเป็นเหตุจูงใจให้คุณตัดสินใจต้องยอมความเขา"
"ตอนไปร้องครอบครองปรปักษ์ตอนนั้นไม่ค่อยมีเงิน ทนายที่ไหนมาทำไม่ทราบ แต่ไม่ซับซ้อนอะไร ศาลก็สั่งให้ชนะคดี ตอนหลังมี 10 ล้านแล้ว ทำไมเจียดเงินสู้คดีไม่ได้ ทำไมไปยอม ได้จากวัดตั้ง 10 ล้าน"
รณณรงค์ : "ผมบอกเลยว่าคดีที่มีทนายความดูแล ต้องได้รับคำปรึกษาอยู่แล้ว แต่คดีนี้อภินิหารเยอะ พระพยอมท่านโดนอภินิหารเยอะมาก ซื้อของไปแล้ว เจ้าของเอาของคืน แต่คนซื้อไม่ได้เงินคืน ไม่เรียกอภินิหารให้เรียกว่าอะไร"
มานิต : "ท่านก็บอกว่าาทำไมที่ที่ขายแล้ว ถึงเป็นแบบนี้ ทำไมถึงถูกยึดคืนไป ไม่ใช่ของเรา"
รณณรงค์ : "นี่โกรธแล้วเหรอ เบามากนะ (หัวเราะ)"
ประไพ : "ท่านบอกว่าที่เราไม่มีสิทธิ์อยู่ตรงนั้นแล้วนะ แต่บ้านที่เราปลูกอยู่ เราปลูกได้ แต่ที่นี่แพ้เขาแล้วนะ โฉนดเป็นของเขา แต่เราอาศัยอยู่ได้ เพราะเราอยู่ตรงนั้นมาก่อนที่คดีความจะชนะจะแพ้"
รณณรงค์ : "เฮ้อ น่าสงสาร คดีวันทนา ที่บอกว่าเป็นอภินิหาร ถ้าเป็นคดีอื่น ตั้งใจมาหลอกขายที่ดิน ทันทีที่ได้เงินจะกระจายเงินไปให้คนอื่นหมด จะไม่ถือไว้เอง แม้ตอนหลังจะมีคำสั่งศาลมาให้พิพากษา ให้ที่ดินกลับไปที่เจ้าของเดิม แล้วต้องคืนเงินก็ตาม ก็ฟ้องมาสิ ไม่มีเงินคืนก็ฟ้องมาสิ ก็ยอมติดคุก"
ถ้าเป็นเราเองคงคิดไม่เป็น?
รณณรงค์ : "ก็ถึงได้บอกว่าคนขายที่ให้พระพยอม ก็ไม่ได้โง่นะ สามารถกระจายทรัพย์สินเป็น คนทั่วไปได้เงินมา ส่วนใหญ่เก็บไว้เอง ไม่แบ่งใครหรอก แต่นี่ไม่เหลือเลย"
คดีเป็นแบบนี้ วันทนามีสิทธิ์ถูกฟ้องให้ติดคุกได้มั้ย?
รณณรงค์ : "ได้ยินว่าเขาติดคุกไปเรียบร้อยแล้ว เขาเบิกความเท็จต่อศาล เขาติดคุกและออกมาแล้ว แต่ประเด็นที่สำคัญคือที่พระพยอมตัดสินใจไม่ฟ้อง เพราะรู้อยู่แล้วว่าฟ้องก็ไม่ได้เงิน เลยพยายามไปเรียกทรัพย์คืนเอาจากเจ้าของที่ให้จ่ายกลับมาบ้าง เจ้าของที่ก็ไม่คืน ท่านก็เลยปลง"
ทำไมทายาทโผล่มาตอนนี้?
รณณรงค์ : "พอหลังจากทายาทไปร้องจัดการมรดก ถึงได้รู้ว่าเจ้ามรดกมีทรัพย์สินอยู่ตรงนี้ เลยใช้สิทธิ์ทางกฎหมายติดตามเอาทรัพย์มรดกคืน ซึ่งไม่มีอายุความ"
ไม่สงสารวัดบ้างเหรอ?
รณณรงค์ : "ตอนนั้นไม่รู้หรือเปล่าว่าขายวัดไปแล้ว ถ้าเขาทราบว่าขายวัดไปแล้ว น่าจะแจ้งให้วัดไปสู้คดีหน่อย"
เขามาเสนอขาย 15 ล้าน?
รณณรงค์ : "นั่นตอนหลังเขาชนะคดีวันทนา ศาลสั่งให้เขาเป็นเจ้าของที่ดิน เขาเลยมีการฟ้องทางวัด พอฟ้องวัดกระบวนการศาลคือเรียกไกล่เกลี่ย เลยมีการเสนอว่าถ้าพระพยอมจะเอาที่ไป ก็ขอ 15 ล้านแล้วกัน ตอนนั้นพระพยอมบอกว่าจะกัดฟันเทศน์ผ่อนให้ 3 ล้านแล้วกัน"
ทำไมเรียกสูงถึง 15 ล้าน?
รณณรงค์ : "เขาอ้างว่าค่าใช้จ่ายในการดำเนินการเอาที่แปลงนี้คืน เขาจ่ายไปเป็น 10 ล้านแล้ว ค่าดำเนินการที่ว่าคือค่าทนายความ ค่าติดต่อหน่วยงานราชการในการเอาข้อมูลบางอย่างออกมา ค่าใช้จ่ายในการติดต่อกับคู่กรณีเพื่อเคลียร์กันให้ได้จะได้จบในศาล"
เป็นค่าใช้จ่ายที่ผุดผ่อง?
รณณรงค์ : "ไม่ผุดผ่องหรอกครับ ภาษาชาวบ้านคือวิ่งเต้นมา"
วันทนาจะได้บ้างมั้ยตอนเซ็นยอม?
รณณรงค์ : "ในความคิดของผมนะ ถ้าเราจะไปเขาไปเซ็นยินยอมอะไรสักอย่าง มีมูลค่าหลักสิบล้าน ก็ต้องจ่ายมาบ้าง สองเด้ง สันนิษฐานเอา"
เขาสู้มาตั้งแต่ปี 47 เจ้าของเชื่ออะไรในอภินิหารถึงได้สู้ขนาดนี้?
รณณรงค์ : "เขาเชื่ออย่างเดียวว่าถ้าเขาเคลียร์กับวันทนาได้ วันทนายอมเซ็นในศาล คืนโฉนดให้ เขาฟ้องยังไงก็ชนะวัด"
เห็นบอกต่อมาขึ้นเป็น 40 ล้าน?
ประไพ : "ผมรู้ขึ้นมาสูงสุด 80 ล้าน ครั้งสุดท้ายที่ได้ยินกับหูเลย"
หลวงพ่อช็อกมั้ย?
ประไพ : "หลวงพ่อบอกว่าเอาไปเหอะ เราไม่อยากได้ขนาดนี้"
รณณรงค์ : "ผมคิดว่าหลักๆ เลยคือรำคาญ ที่ดินแปลงนี้เป็นข่าวขนาดนี้ ถามว่ามีปัญหากับวัดใครจะอยากมาซื้อที่ดินบ้าง ผมคิดว่าเขาคงรำคาญ ไม่อยากมีปัญหา วัดจะได้เลิกมาถามว่าลดได้เท่าไหร่"
รณณรงค์ : "ตอนที่มีการฟ้องร้องกันใหม่ๆ มันสามารถยื่นต่อศาลได้ แต่อีกฝ่ายก็ฉลาดไง ที่บอกว่าหมดค่าอัดฉีดไป 10 ล้าน ทำให้สิทธิในทางกฎหมายหายไป ผมถึงบอกว่าอันนี้เป็นขบวนการโกงทางกฎหมาย ผู้ชมดูไว้เลยนะ เวลาเราซื้อของจากใครก็ตาม ที่มาที่ไปต้องชัดเจน เป็นของเขาตามกฎหมายเขาเลยฟ้องขับไล่วัด ทีนี้ขั้นตอนอยู่ในการบังคับคดี ขับไล่รื้อถอน วัดก็สามารถใช้สิทธิ์ได้อีกนะ เจรจากับเจ้าของที่ ถ้าจะให้วัดออกต้องจ่ายค่ารื้อถอนให้ ไม่งั้นวัดก็ไม่มีตังค์รื้อถอน"
คดีนี้ที่เกิดทั้งหมด ใครได้ประโยชน์ เสียประโยชน์?
รณณรงค์ : "นางวันทนาไงครับ ได้ไป 10 ล้านฟรีๆ เจ้าของที่ดินเสียประโยชน์ เป็นที่เขา วันทนาไปร้องแล้วเอาไปขายคนอื่น ตอนนี้เขายังใช้ประโยชน์ไม่ได้เพราะวัดถือครองอยู่ เจ้าของที่ตอนนี้มีแต่หมดกับหมด หมดในการดำเนินการเอาที่คืน หมดในการฟ้องขับไล่วัดให้ออกจากพื้นที่ ยังไม่มีการขายให้บุคคลที่สาม คนที่ได้แน่ๆ คือคนที่นอนติดเตียงอยู่"
ทนายที่หายไปล่ะ?
รณณรงค์ : "ต้องได้ค่าวิชาชีพมาส่วนหนึ่ง (หัวเราะ)"
ในภายภาคหน้า เขาจะได้มั้ย?
รณณรงค์ : "เขาขายที่แปลงนี้เมื่อไหร่ ดอกเบี้ยที่ได้มาบานเลยตามมูลค่าที่ดิน สมมติขาย 10 ล้าน เสียค่าดำเนินการ 10 ล้าน ยังกำไร 70 ล้าน"
รณณรงค์ : "เงินประชาชนบริจาค และหลวงพ่อวัดต่างๆ ที่มาบริจาคให้ คนได้คือวันทนา นี่คือกระบวนการการโกงทางกฎหมายอย่างถูกต้อง"