‘หมอปลา’ บุกบ้านน้องชมพู่ เชื่อลุงพลไม่ได้ทำ-ผ่านบ้านปริศนา! (คลิป)
นับเป็นคดีที่ผ่านมาแล้ว 39 วัน สำหรับกรณีการเสียชีวิตของ "น้องชมพู่" อายุ 3 ปี ที่สูญหายจากบ้านพัก อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ตั้งแต่วันที่ 11 พ.ค.63 จนไปพบศพกลางป่าบนเขาภูเหล็กไฟ ห่างจากบ้าน 5 กม. ขณะที่ตำรวจกำลังเร่งหาหลักฐานเพื่อตรวจหาดีเอ็นเอแฝง นอกจากนี้ยังมีหมอธรรมและพระป่าออกมาทำนายจุดซ่อนเสื้อมากมาย แต่ก็ยังหาหลักฐานไม่พบ
ล่าสุดวันที่ 19 มิ.ย.63 นายจีรพันธ์ เพชรขาว หรือ หมอปลามือปราบสัมภเวสี เดินทางมาที่หมู่บ้านกกกอก โดยมีการให้กำลังใจและลงพื้นที่เพื่อดูสถานที่จริง หมอปลามีการนัดพูดคุยกับทีมข่าวในพื้นที่ จ.สกลนคร เพื่อพูดคุยการทำงาน และลำดับการเดินทางมา ซึ่งระบุว่าจะเดินทางมาเพื่อพูดคุยให้กำลังครอบครัวชมพู่ พร้อมเดินไปที่จุดเกิดเหตุ
เมื่อหมอปลาเดินไปยังบ้านของน้องชมพู่ ได้พูดคุยกับนางจุไรภรณ์ น้าน้องชมพู่ และนางสมควร ซึ่งมีการพูดคุย ระบุว่า หากหมอปลาสัมผัสอะไรได้ในจุดไหน จะร้องไหน เนื่องจากตัวเองอธิษฐานมาว่า วันนี้ขอให้ดวงวิญญาณน้องชมพู่ หากยังอยู่ให้ตนสัมผัสได้ โดยตนจะมีปฏิกิริยาตอบรับ คือ ร้องไห้ออกมา แต่ไม่ใช่การเข้าทรง โดยมีการขออนุญาติในการเดินดูรอบ ๆ บ้าน
จากนั้นมีการเดินต่อไปดูจุดเลี้ยงหนู จุดที่น้องชมพู่เล่น ซึ่งหมอปลา ระบุว่า สัมผัสอะไรไม่ได้ เมื่อเดินต่อไปยังบ้านน้องชมพู่ หมอปลาได้เดินไปภายในตัวบ้าน จากนั้นไปดูที่ชั้น 1 ก่อนขอเดินขึ้นชั้น 2 ซึ่งหมอปลาได้ขอขึ้นไปดูความเป็นอยู่ด้านบนบ้าน
หมอปลาได้ไปสำรวจตามจุดพบศพ จุดเจอรองเท้า และจุดเจอกางเกง ซึ่งครั้งนี้มีชาวบ้าน และลุงไชย์พลเดินขึ้นไปด้วย มีการชี้จุดพบศพว่าในวันที่เจอศพ เจอน้องชมพู่อยู่ในสภาพไหน โดยหมอปลา ยังตั้งข้อสังเกตว่า หากเด็กนอนตาย ร่างกายของเด็กคงไม่มานอนทับโขดหิน หากจุดไหนที่ตนไปและพบว่ามีวิญญาณอยู่ ตนจะเกิดการต่อต้าน และจะน้ำตาไหล จะหาว จะอาเจียน ซึ่งวันนี้มาถึงจุดที่เจอศพ ตนสัมผัสอะไรไม่ได้ นอกจากถูกยุงกัดเท่านั้น ไม่เกิดอาการต่อต้านตลอดการเดินไม่พบอะไรเลย สามารถพูดได้ว่าเด็กต้องตายจากจุดอื่นมาก่อน แล้วเอาศพมาอำพรางที่นี่
ตนเชื่อว่าคนร้ายต้องการอำพรางว่าชมพู่ถูกข่มขืน และต้องการให้ศพเน่า แต่กลับมีผู้มาพบเจอศพเสียก่อน จึงทำให้ผิดแผนคนร้าย อีกอย่างคือ ตนเชื่อว่าเด็กไม่มีปัญญาเดินมาได้ คนที่คิดว่าเด็กเดินได้ อยากให้มาลองเดินเอง อย่าได้แต่วิจารณ์ ส่วนตัวคิดว่าน้องชมพู่คงไม่ได้ตายวันแรก ซึ่งหากตายหลังจากวันที่ 11 พ.ค.63 อยากรู้ว่าน้องชมพู่ไปอยู่ไหนในช่วงที่ยังไม่ตาย
ทั้งนี้ตนตั้งข้อสังเกตว่า คดีนี้ที่เกิดความล่าช้า เพราะตั้งแต่วันแรก ทำไมตำรวจไม่เอาเชือกมากั้นตั้งแต่วันแรก ๆ โดยคิดว่าหากกั้นไว้ตั้งแต่วันแรก หลักฐานทุกอย่างอาจจะมีมากกว่านี้ ซึ่งหลังจากนั้นก็สร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้าน และทำให้คนที่เป็นผู้ต้องสงสัยอยู่ยาก ตนมองว่าเป็นความพลาดของเจ้าหน้าที่ อีกด้านหนึ่ง ด้านความเชื่อ ตนยืนยันได้ว่าผีไม่ได้พาไป คนนี่แหละที่พามาฆ่า เรื่องไสยศาสตร์มนตร์ดำไม่มี เพราะเด็กไม่ได้ถูกสะกดวิญญาณ น้องชมพู่เป็นเด็กมีจิตบริสุทธิ์ อายุเพียง 3 ขวบ ซึ่งไม่มีใครไปสะกดวิญญาณน้องได้ น้องชมพู่ตอนนี้ไปดีแล้ว ตนอยากบอกไว้ว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่มีทางฆ่าคน มีแต่คนที่ฆ่าคน โดยเปรียบให้เห็นภาพ หากเจ้าป่าเจ้าเขามีจริง ก็คงไปฆ่าพวกตัดไม้ทำลายป่า
คดีนี้พูดได้ว่ายาก เพราะเกิดจากความผิดพลาดของเจ้าหน้าที่ และเชื่ออีกอย่างคนที่นำเด็กมาทิ้ง ต้องเป็นคนรู้จุด คนรู้พื้นที่ เพราะตนขึ้นมาหากไม่มีคนพามาก็คงหลง
ทุกวันนี้เมื่อขาดน้องชมพู่ไป ก็ไม่มีความสุขอีกเลย เมื่อก่อนตอนที่น้องชมพู่ยังมีชีวิตอยู่ น้องมักจะชวนพ่อแม่ขึ้นไปนอนที่บ้านชั้น 2 เป็นประจำ โดยเมื่อก่อนตนและพ่อจะนอนกับน้องชมพู่ที่ชั้น 2 ส่วนพี่สาวของน้องชมพู่ ก็จะนอนที่ชั้น 2 เช่นกัน แต่จะนอนแยกจากตน ซึ่งหลังจากน้องชมพู่เสียชีวิตไป ตนก็ไม่เคยขึ้นไปนอนที่ชั้น 2 อีกเลย เพราะไม่อยากขึ้นไปเห็นสถานที่ที่เคยนอนด้วยกัน ไม่เคยคิดจะมองที่นอนของน้องชมพู่นอน และได้พับเก็บไว้แล้วตั้งแต่เกิดเรื่อง ตนเคยขึ้นไปทำความสะอาดชั้น 2 เพียง 2-3 ครั้งเท่านั้น เพราะยังรับไม่ได้กับการจากไป อยากรอให้เวลานานกว่านี้ ซึ่งตนก็ไม่รู้ว่าต้องรออีกนานเท่าไร
นางสาวิตรี ยังบอกอีกว่า ตนคิดว่าคนร้ายมีมากกว่า 1 คนแน่นอน เพราะจุดที่น้องเสียชีวิตนั้นเป็นระยะทางที่ไกล และขึ้นได้ยาก จึงแทบเป็นไปไม่ได้ที่คนร้ายจะก่อเหตุคนเดียว และตนไม่เชื่อว่าน้องชมพู่จะเดินขึ้นไปเสียชีวิตเอง เพราะวันนี้ขนาดหมอปลาเดินขึ้นไปเอง ยังบ่นว่าเหนื่อยมาก ๆ เลย เด็ก 3 ขวบคงเดินไปตายเองไม่ได้ และด้วยสัญชาตญาณของเด็ก ถ้าเหนื่อยคงไม่เดินขึ้นที่สูงชัน แต่น่าจะเดินลงจากเขามากกว่า เพราะเด็กคงจะเผชิญกับความลำบากไม่ได้
VVVVVVVVVVVVVVVV
VVVVVVVVVVV
VVVVV