หมอนิติเวชขออย่าเพิ่งตัดประเด็นชมพู่ “สิ้นใจเอง”แต่ญาติ-ตร.ไม่เชื่อ

นับเป็นคดีที่ผ่านมากว่า 40 วัน สำหรับกรณีการเสียชีวิตของ "น้องชมพู่" อายุ 3 ปี ที่สูญหายจากบ้านพัก อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ตั้งแต่วันที่ 11 พ.ค.63 จนไปพบศพกลางป่าบนเขาภูเหล็กไฟ ห่างจากบ้าน 5 กม. ขณะที่ตำรวจกำลังเร่งหาตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฏหมาย นั้น

วันที่ 20 มิ.ย.63 นพ.กฤติน มีวุฒิสม แพทย์นิติวิทยาศาสตร์ บอกว่า

ศพที่ถูกพบในพื้นที่โล่งแจ้ง สภาพศพจะเปลี่ยนไปในระดับหนึ่ง เพราะเสียชีวิตมาหลายวัน จำเป็นมากที่ต้องแยกให้ได้ว่าเป็นแผลที่เกิดก่อนหรือหลังการเสียชีวิต หากบาดแผลเกิดขึ้นหลังเสียชีวิต ก็ไม่อาจไม่บ่งชี้ถึงสาเหตุการตาย และไม่อาจบอกได้ว่าแผลนี้เกิดจากคนอื่นกระทำ เช่น รอบมดกัด หรือรอยสัตว์แทะ เมื่อแยกถึงจะนำไปสู่การสอบสวน

ส่วนประเด็นการเสียชีวิต ที่เด็กถูกผู้อื่นพาไป , ถูกฆาตกรรม หรือไม่มีใครพาไปนั้น เด็กอาจจะเดินไปเองแล้วเสียชีวิต ถ้าเราไม่มีหลักฐานเชิงประจักษ์ ก็ไม่ควรตัดประเด็นใดทิ้งโดยเฉพาะเรื่องที่เด็กอาจเดินไปเอง เพราะในอดีตเคยมีเด็กเดินหลงป่าจนเสียชีวิตและไม่เสียชีวิตก็มีมาแล้ว

ในอดีตเช่นปลายปี 2561 ไทม์ไลน์ของน้องซุลุยผิว วันที่ 17 ธ.ค.61 ด.ช.ซูลุยผิว หายเข้าป่าอ้อย หลังพ่อ-แม่ พาไปทำงานด้วย 25 ธ.ค.61 พบศพ ด.ช.ซูลุยผิว บริเวณทางเดินข้างคูน้ำในป่าอ้อย รวมเวลาค้นหา 8 วัน

ส่วนสภาพศพ ด.ช.ซูลุยผิว กะโหลกศีรษะยุบ ข้อมือมีรอยแดง บาดแผลตามลำตัว แผลขนาดใหญ่ที่ช่องท้อง และกระดูกขาโผล่ออกจากร่าง

โดยด.ช.ซูลุยผิว เป็นเพศชาย อายุ 2 ขวบ ส่วนสูง 60 ซม. น้ำหนัก 7-8 กก.

จุดพบศพห่างจากจุดที่หายตัวเพียง 840 เมตร โดยเส้นทางเดินเป็นทางตรงผ่านป่าอ้อย และเจอศพภายในรองน้ำเมื่อเปรียบเทียบกับจุดที่พบศพน้องชมพู่ พบว่ามีระยะทาง 5 กิโลเมตร ต้องเดินผ่านป่ามันสำปะหลัง ทางเดินเป็นดินลูกรัง และยังต้องเดินขึ้นป่าเขาสูงชัน และปีนขึ้นลงกองหินขนาดใหญ่