ลุงพลน้ำตาคลอรับชะตากรรม ถ้าถูกจับไร้เงินประกัน

จากนั้นลุงพล ป้าแต๋น ยายจำลอง นางนลิน และนายม็อค เดินทางเข้ามาที่ จ.สกลนคร เพื่อเดินทางมาที่วัดป่าสุทธาวาส ซึ่งเป็นวัดที่พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต เคยพำนักก่อนที่จะละสังขาร เมื่อเดินทางมาถึงก็มีการเข้าไปกราบรูปหล่อพระอาจารย์มั่น จากนั้นก็ออกมาจุดธูป เทียน นั่งอธิษฐานต่อหน้ารูปหล่อพระอาจารย์มั่น

ทีมข่าวสอบถาม ลุงไชย์พลและป้าแต๋น ระบุว่า ตนมีความตั้งใจเดินทางมาวัดแห่งนี้ เนื่องจากเคยเดินทางมาตั้งแต่ยังเด็ก ๆ เมื่อสมัยอายุ 13 ปี ส่วนป้าแต๋น เคยมาเมื่อตอนเรียนชั้น ม.4-ม.5 ซึ่งทั้งคู่เพิ่งเคยเดินทางมาครั้งเดียว ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ความตั้งใจตนอยากจะมาทำบุญ แต่ที่ผ่านมายังไม่มีโอกาสได้มา เพราะด้วยฐานะตนก็ไม่พร้อมที่จะไปไหนได้ เนื่องจากหากไม่เกิดเรื่องก็จะต้องทำงาน ไม่มีเวลาออกมาเช่นนี้ ช่วงนี้ตั้งแต่เกิดเรื่องน้องชมพู่ จนถึงวันนี้ก็ยังไม่ได้ไปทำงานอีกเลย ซึ่งตอนนี้ก็อาศัยเงินเยียวยาเกษตรกรเท่านั้น

ตนตั้งใจมาขอหลวงปู่มั่น เพื่อให้คุ้มครองครอบครัวและบ้านกกกอก รวมทั้งมาขอให้เกิดแสงสว่างกับครอบครัวตน เพื่อให้พ้นจากผู้ต้องสงสัย ถือเป็นโอกาสที่ดีที่ตนได้มา ตอนนี้ถือเป็นช่วงเดินสายหาที่พึ่งทางใจ

อย่างไรก็ตามตอนนี้ไม่ได้กังวลว่าตำรวจจะทิ้งคดี ก็ยังมีเข้ามาทำงานในพื้นที่อยู่ ถึงแม้ช่วงนี้จะเงียบ ๆ ไป แต่หากวันนี้หมายจับมาจับตน ตนก็พร้อมต่อสู้เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ ส่วนเรื่องเงินประกัน พูดได้เลยว่าไม่มีแน่นอน ตอนนี้ไม่เตรียมอะไร เตรียมแต่ใจไว้ แต่ลึก ๆ ยังคิดว่าหมายจับคงไม่ออกที่ตน กฎหมายคงมีความยุติธรรม เพราะหากตนถูกจับ ตนคงห่วงเรื่องชื่อเสียง ถึงแม้ไม่ได้ดัง แต่ไม่มีใครอยากให้เกิดเรื่องแบบนี้ในชีวิต

ตอนนี้ในใจติดไว้หากจบคดี จับคนร้ายได้ ตนเองอาจจะบวชให้ชมพู่และตัวเอง แต่คงบวชช่วงสั้น ๆ เพราะต้องทำงาน อาจจะให้ลูกชายอีก 2 คนบวชด้วย เรื่องที่เกิดขึ้นยอมรับว่ามันเกิดภาพติดตา ซึ่งลุงไชย์พลถึงกับน้ำตาคลอ และพูดไม่ออกเรื่องความรักที่มีต่อชมพู่ ซึ่งป้าแต๋นบอกว่า จริง ๆ ครอบครัวอยากได้ลูกสาวอยู่แล้ว

ลุงไชย์พล ยังบอกว่าที่น้ำตาจะไหล เพราะเห็นภาพจุดที่น้องชมพู่เสียชีวิต และรู้สึกได้ว่าน้องชมพู่ต้องทรมารมาก หากย้อนเวลากลับไปได้ ตนก็จะขึ้นไปบนเขาเหมือนเดิม เพราะต้องไปหาหลาน ถึงแม้จะรู้ว่าตัวเองต้องเป็นผู้ต้องสงสัย คนก็จะไปหาหลานอยู่ดี เพราะใจบริสุทธิ์

จากนั้นลุงกับป้ายังเดินทางต่อมายัง "พญาเต่างอย" ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของคน อ.เต่างอย จ.สกลนคร ห่างจากบ้านกกกอกราว 15 กิโลเมตร เพื่อมากราบสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เมื่อมาถึงพบว่ามีคนมาให้กำลังใจ ขอถ่ายรูปลุงไชย์พลเป็นจำนวนมาก โดยแต่ละคนมาพูดคุย เป็นกำลังใจให้ผ่านพ้นเรื่องเช่นนี้

จากนั้นได้ไปไหว้พญาเต่างอย ซึ่งมีการนำเครื่องบูชา เป็นน้ำกระเจี้ยบ 1 ขวด ผักบุ้ง 1 กำ แตงล้าน 1 ลูก ดอกไม้ ธูปเทียน จุดไหว้พญาเต่า

ลุงไชย์พล ได้อธิษฐานยกพระพุทธรูป ขอให้เรื่องที่เกิดขึ้นผ่านพ้นไปได้ด้วยดี และจับคนร้ายคดีน้องชมพู่ให้ได้ โดยขอให้ยกขึ้นท้วมหัวทั้ง 2 รอบ

จากนั้นมีการเสี่ยงเซียมซี โดยป้าแต๋นได้เลข 10 ความหมาย จะพูดอะไรก็ลำบาก หากป่วยก็หายยาก ให้ระวังตัว ลาภไม่มี ถ้ามีลูกจะได้ลูกสาว ส่วนลุงไชย์พลได้เลข 5 ความหมาย ไม่ต้องทุกข์ร้อน ไม่มีใครจะมาทำร้ายได้ เรื่องโชคลาภช่วงนี้จะได้มาโดยยากลำบาก หากมีลูกจะได้ลูกจะได้ลูกสาว

จากนั้น ลุงไชย์พล ได้ซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาล 5 ใบ ซึ่งเป็นเลขในใจที่คิดอยากจะซื้อ คือ 478 เพราะตั้งใจจะซื้อ ไม่ได้มีความหมายอะไร เป็นเลขที่ตามหาซื้ออยู่แล้ว ส่วนการเสี่ยงเซียมซี ยอมรับว่าก็ตรงอยู่บ้าง ซึ่งชีวิตตอนนี้ก็มีความยากลำบาก แต่ก็ไม่ได้คิดว่าจะซื้อเลขตามใบเซียมซีแต่อย่างใด

นายไชย์พล วิภาพ ลุงน้องชมพู่ ระบุว่า วันที่หมอปลามาที่บ้าน และพาตนไปคุยที่หลังบ้าน หมอปลามีการพูดคุยเรื่อยเปื่อย คุยวนไปมา และมาสอบถามถึงผู้ต้องสงสัยว่าตนสงสัยใครหรือไม่ ตนก็ตอบไม่ได้ว่าสงสัยใคร

ส่วนหมอปลาก็ไม่ได้บอกว่าสัมผัสอะไรได้ แต่หมอปลาบอกว่า ให้กำลังใจตน เชื่อว่าตนไม่ใช่คนผิด หลัก ๆ ก็จะคุยแต่ว่า ในใจตนคิดว่าคนร้ายที่ก่อเหตุคือใคร แต่หมอปลาก็ไม่ได้บอกว่าสงสัยใคร ตนก็ไม่ได้บอกว่าตนสงสัยใคร อีกทั้งรายละเอียดทั้งหมดตนจำไม่ได้ เพราะผ่านมาหลายวัน เท่าที่จำได้รู้ว่าหมอปลาบอกว่า สัมผัสอะไรไม่ได้ที่บ้านตน เพราะตนเห็นอยู่ว่าหมอปลาจับที่รถยนต์ของตน

หลังจากที่นายจีรพันธ์ เพชรขาว หรือหมอปลา มือปราบสัมภเวสี จากจังหวัดเพชรบุรีได้เดินทาง ลงพื้นที่ที่เกิดเหตุ ซึ่งก็มีประเด็นตามหลังว่าระหว่างนั้นได้มีการพูดคุยอะไรกับลุงไชย์พลและนักข่าวในพื้นที่ กระทั่งมีการออกมาโจมตีว่าหมอปลาไม่ใช่ผู้วิเศษ ถ้าวิเศษจริงต้องเสกลม เสกฝนได้นั้น

หมอปลา เปิดเผยว่า ตนได้เดินทางไปที่บ้านญาติของน้องชมพู่หลายจุดด้วยกัน ซึ่งถามว่าสัมผัสอะไรได้บ้าง ยืนยันว่าสัมผัสอะไรไม่ได้เลย แต่ก็ได้ไปดูหลายจุดด้วยกัน รวมทั้งมีการพูดคุยกับลุงไชย์พล เป็นการถามไถ่ให้กำลังใจ ตนไม่ได้เข้าข้าง แต่เชื่อว่าเป็นคนดี

ขณะลงพื้นที่สัมผัสได้ว่า มีบุคคลบางกลุ่ม คอยกีดกันตนและเฝ้าจับตาอยู่ กระทั่งหยิบมาเป็นประเด็น กรณีที่ตนไปกระซิบพูดคุยกับนักข่าว จนเกิดอาการร้อนตัวและออกมาโจมตีตนว่าตนเองนั้นไม่ใช่ผู้วิเศษ ถ้าวิเศษจริงต้องเสกลมเสกฝนได้ ซึ่งตนก็รู้สึกแปลกในการพูดคุย ระหว่างตนกับนักข่าวนั้น ทำไมไม่คิดว่าเป็นการถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ หรือกำลังใจในการทำงาน เหน็ดเหนื่อยหรือไม่ เหนื่อยหรือเปล่า แต่กลับนำมาสร้างเป็นประเด็นและมาโจมตีตน

ถ้าจะให้ตนฟันธงก็คงไม่กล้าฟันธง เรื่องนี้ถ้าพูดกันตามเนื้อผ้า เจ้าหน้าที่เองก็พลาดที่ไม่กั้นพื้นที่กับปล่อยให้ถูกบุคคลเข้าไปจำนวนมาก ทำให้ยากต่อการสืบสวนหาตัวผู้กระทำความผิด เพราะจนถึงขณะนี้ก็ผ่านไปแล้ว 40 กว่าวัน ตนขอให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ให้สามารถจับกุมคนร้ายที่กระทำความผิดมาลงโทษได้โดยเร็ว

ชมคลิป

VVV

V

VV

V

VV

VVV

V

VV

VVVVVV