ดร.เสรี เปิดปมความจริงประวัติศาสตร์ 2475


 ดร.เสรี เปิดปมความจริงประวัติศาสตร์ 2475

รายการ "เรื่องลับมาก (NO CENSOR)" ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 14.20 - 15.00 น. ทางเนชั่นทีวี ช่อง 22 วันนี้ (25 มิ.ย.) ทอม ทศวรรต ทะสุวร ในฐานะผู้ดำเนินรายการ ได้สัมภาษณ์ความคิดเห็น "ดร. เสรี วงษ์มณฑา" กับความจริงประวัติศาสตร์ 2475

24 มิถุนายน 2475 เปิดความจริงประวัติศาสตร์ อยากให้เล่าให้ฟัง?
"แบ่งการรับรู้ 24 มิถุนายน 2475 เป็น 3 ช่วง ช่องที่ 1 สมัยเรียนหนังสือ เราก็ได้เรียนว่าวันที่ 24 มิถุนายน 2475 เป็นวันที่เกิดการปฏิวัติ โดยคณะราษฎร์เพื่อเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบ สมบูรณาญาสิทธิราชย์ ที่มีพระมหากษัตริย์เป็นใหญ่ เป็นระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขภายใต้รัฐธรรมนูญ เราเรียนรู้แค่นั้นไม่ได้เรียนรู้อะไรมากไปกว่านั้น โตขึ้นมาโอ้โหผ้าเปลี่ยนแปลง คือคณะราษฎร์ประกอบไปด้วยใครบ้าง มีบรรดาเหล่านักเรียนไทย ที่ได้ทุนไปศึกษาโดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศฝรั่งเศส พวกนี้ก็อายุ 20 กว่า เรียนกันอยู่ที่นั่นก็ไปเห็นการเปลี่ยนแปลงการปกครองแบบยุโรป ก็มีความรู้สึกประเทศไทยจำเป็นต้องมีความเปลี่ยนแปลงบ้างแล้วล่ะ เขาก็เริ่มปรึกษาหารือกัน"

"ทีนี้ก็มีพระยาทรงสุรเดช ซึ่งท่านเป็นคนที่เรียนเก่งมาก ท่านเป็นนักเรียนเยอรมัน แล้วท่านก็ได้ไปยุโรป ท่านก็ไปเจอคุณปรีดีพนมยงค์ ก็จอมพลป. พิบูลสงคราม ซึ่งกำลังปรึกษาหารือกัน ก็เลยเกิดการวางแผนว่าจะมาเปลี่ยนแปลงการปกครอง ในประเทศไทย คิดกันอย่างนั้นแต่พระยาทรงสุรเดช เป็นคนที่มีความจงรักภักดี ฉะนั้นในแผนของท่าน ท่านบอกว่าอย่าทำในวันที่ในหลวง อยู่ในกรุงเทพฯ ต้องทำในวันที่แปลพระราชฐานไปที่อื่น เพื่อไม่ให้เกิดมีการทำร้ายกัน"

แล้วเช้าวันที่ 24 เกิดอะไรขึ้น ?
"เหล่าบรรดาผู้ก่อการทั้งหลายเขาก็ออกจากบ้าน ไปบอกคนที่บ้านว่าจะไปดูสวนสนาม แต่จริงๆ แล้วเขาไปจับเจ้าฟ้าบริพัตร ซึ่งเป็นพระบรมวงศานุวงศ์ ซึ่งตอนนั้นมีอำนาจมากกว่าใครและเป็นผู้ที่เฉลียวฉลาด ก็จับไปขังไว้ที่พระนั่งอนันต์และประกาศกับประชาชนว่า ขณะนี้เขาจับพระบรมวงศานุวงศ์ ไปหมดเรียบร้อยแล้ว ไม่ขัดขืนจะมีโทษ ประชาชนขัดขืนจะมีโทษ และพระบรมวงศานุวงศ์จะถูกทำร้าย ถ้าทอมเป็นคนจงรักภักดี เขาบอกว่าถ้าทอมขัดขืนแล้วจะไปทำร้ายราชวงศ์ทั้งหลายทอมจะกล้าหรือ เราก็ไม่อยากให้เจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินเราไม่อยากให้พระองค์ชาติทั้งหลาย โดนทำร้ายถูกไหม"



รัชกาลที่ 7 อยู่ที่ไหนตอนนั้น?

"ตอนนั้นอยู่หัวหิน ท่านเสด็จแปรพระราชฐาน เพราะพระยาทรงสุรเดชซึ่งเป็นคนวางแผนไม่ต้องการให้มีการนองเลือดไม่ต้องการให้มีการทำร้าย บอกว่าอย่าทำในวันที่พระองค์อยู่กรุงเทพฯ เสร็จแล้วขอจับพระบรมวงศานุวงศ์ต่างๆ ทั้งหลาย กรมพระยาดํารงตอนหลังก็ต้องหนี ไปอยู่ปีนัง เจ้าฟ้าบริพัตร ต้องไปอยู่อินโดนีเซีย ท่านทั้งหลายเหล่านี้สิ้นพระชนม์ต่างประเทศแทบทั้งสิ้น"

"ทีนี้สิ่งที่เรียนรู้ในยุคที่ 2 คำที่เขาเขียนในการประกาศการปฏิวัติเอามาออกอากาศไม่ได้ เป็นการจัดช่วงล่วงละเมิดเราหาราชวงศ์ อย่างชนิดที่เรียกว่ารุนแรงมาก นายเก่าๆมาว่ามีระบบกษัตริย์ต่อไปไม่ได้ ให้กษัตริย์เป็นใหญ่จะไปไม่ได้ต่างๆนานาสารพัน แต่ด้วยพระมหากรุณาธิคุณล้นเกล้า รัชกาลที่ 7 เหมือนความเป็นครูแต่ละองค์ท่านว่าต้องการเปลี่ยนแปลงการปกครองพระองค์ลงพระนาม รัฐธรรมนูญฉบับถาวรให้ ป้องกันไม่ให้มีการรบรา เห็นไหมนี่เป็นพระมหากรุณาธิคุณ พอโตมาเราก็ได้เรียนรู้ว่า มีการกล่าวหาราชวงศ์อย่างรุนแรงขณะเดียวกันพระองค์มีพระมหากรุณาธิคุณพระราชทานรัฐธรรมนูญ มีราชดำรัสว่าพระองค์จะมอบอํานาจที่พระองค์มีอยู่ไปให้กับประชาชน ไม่ได้จะมอบให้ผู้หนึ่งผู้ใด"

"หลังจากนั้นมาเป็นเวลาเกือบ 20 ปีเหล่าบรรดาคณะราษฎร์เปลี่ยนแปลงกันมาปกครองประเทศเป็นการใช้อำนาจไม่ว่าจะเป็นคนที่ขึ้นมาเป็นรัฐมนตรีเป็นใหญ่ต่างๆเราเห็นเลยเหมือนเป็นการปล้นพระราชอำนาจมา แล้วใช้อำนาจแข่งขันกันเอง ขึ้นเป็นนายกคนนี้ทำรัฐประหาร คนนี้กล่าวหาคนนี้ ไล่คนนี้ออกไปนอกประเทศ เป็นอย่างนี้มาเป็นเวลานาน แสดงให้เห็นว่าที่พระองค์สละราชอำนาจ เพื่อให้มาอยู่ในมือประชาชนนั้น ปรากฏว่า บรรดาผู้ซึ่งก่อการทั้งหลายก็มาแย่งชิงอำนาจมากมายก่ายกอง อันนี้เป็นช่วงที่ 2 ที่ได้เรียนรู้"

ระบอบการปกครองแบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ มีมาช้านานแล้วมันไม่ดีตรงไหน?
"นักเรียนทุนเป็นสามัญชน ที่นี้ก่อนหน้านี้รัชกาลที่ 5 ส่งพระราชโอรสไปทรงศึกษาในประเทศต่างๆ เยอรมันอังกฤษเยอะแยะพอกลับมาพระองค์ก็มอบหมายหน้าที่ให้องค์นี้ไปดูเรื่องกฎหมายองค์นี้ไปดูเรื่องการแพทย์ พระองค์นี้ไปดูมหาดไทย พระองค์นี้ไปดูต่างประเทศ พวกเขาก็เลยมองว่าโอ้โห ตำแหน่งการบริหารราชการแผ่นดินอยู่กับเจ้าหมดเลยสามัญชนไม่มีโอกาส พวกเขามองว่าสามัญชนไม่ได้เลย เขาเลยต้องการทำการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงเป็นระบอบประชาธิปไตย เพราะในการประกาศหลักการของเขาเขาบอกว่าต้องเปิดโอกาส ให้ประชาชนทำนู่นทำนี่ไม่ใช่อยู่กับราชวงศ์ แล้วการเขียนประกาศเขาประณามราชวงศ์เสียหายมาก นี่คือคำกล่าวหาที่เกิดขึ้นในตอนนั้น"

ย้อนกลับไปในการปกครองแบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ประเทศชาติเจริญมั้ย?
"เจริญค่ะ เพราะว่าจริงๆ ประเทศไทยเราตั้งแต่สุโขทัย เรามีการปกครองแบบพ่อปกครองลูกด้วยพระเมตตา แล้วกษัตริย์ของไทยเรานั้นก็ยึดมั่นในทศพิธราชธรรมมาตลอด ถึงแม้จะมีอำนาจที่สมบูรณาญาสิทธิราชย์ ก็แปลว่าพระราชามีอำนาจโดยสมบูรณ์ แต่พระราชาของเรา ด้วยการยึดในหลักทศพิธราชธรรม ปกครองระบอบพ่อปกครองลูก จึงทำให้พระองค์มีพระมหากรุณาธิคุณมีพระเมตตา มีพระกรณียกิจต่างๆ ตามบริบทของประเทศไทยบางพระองค์ก็เน้นเรื่องของสงครามจนกระทั่งรักษาประเทศชาติเอาไว้ได้ บางพระองค์ก็ใช้การทูตอย่างร. 5 ที่ทำให้เราพ้นปากเหยี่ยวปากกาไม่เป็นอาณานิคมของใคร"

"บางพระองค์ก็ทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม พระศาสนา บางพระองค์ก็เก่งในเรื่องค้าขายที่เป็นความเจริญรุ่งเรืองในประเทศเราที่ได้มาด้วยระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ อันนี้เป็นบริบทของประเทศไทยที่ไม่สามารถเอาไปเปรียบเทียบกับเรื่องของกษัตริย์เป็นใหญ่ในตะวันตก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุโรปจะต่างกัน"

"ถ้าอ่านประวัติศาสตร์มีกษัตริย์ในยุโรปหลายพระองค์มีสมญานามในทางร้าย เป็นพระองค์โหดก็มี แต่ประเทศไทยเราไม่มีเรื่องราวในประวัติศาสตร์ว่ากษัตริย์ของเราพระองค์ใดตั้งแต่สมัยสุโขทัย อยุธยา รัตนโกสินทร์พี่เป็นพระองค์ร้ายทำร้ายประชาชน หรือทำร้ายประเทศชาติหรือทำให้ประเทศชาติเสียหาย"

 ดร.เสรี เปิดปมความจริงประวัติศาสตร์ 2475


การปกครองแบบกษัตริย์เป็นใหญ่ถือว่าทำให้เราเจริญกว่าประเทศอื่นในต่างประเทศหรือไม่?
"ถ้าเราเปรียบเทียบกับรอบๆ ประเทศ เขาก็ปกครองโดยระบอบมีกษัตริย์เหมือนกัน แต่ถ้าดูโดยรอบไม่เอ่ยชื่อประเทศ เราเจริญกว่าเขาทั้งหมด แต่พอไปเปรียบเทียบกับยุโรปตรงนั้นอาจมีความเจริญทางด้านวัตถุและในยุโรปก็มีความเจริญทางด้านวัฒนธรรมด้วย แต่เขามีเรื่องราวที่กษัตริย์กับประชาชนมีความขัดแย้งกันเนื่องจากพฤติกรรมกษัตริย์ของเขาไม่เป็นที่พอใจ อย่างพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ของฝรั่งเศส ไม่มีคนฝรั่งเศสคนใดที่ฟังเรื่องของท่านแล้วจะรู้สึกพอใจ ไม่ว่าเป็นเรื่องความฟุ่มเฟือย เฉลียวฉลาด พระราชกรณียกิจต่างๆ มาเปรียบเทียบกับกษัตริย์ไทยเราสู้ไม่ได้จริงๆ อันนี้คือต่างกันอย่างชัดเจนระหว่างประเทศไทยกับยุโรปที่มีการปกครองแบบพระมหากษัตริย์เป็นใหญ่"

คณะราษฎร์มาปล้นอำนาจพระมหากษัตริย์ไป ?
"เมื่อก่อนอำนาจอยู่ที่พระมหากษัตริย์ แต่เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง กษัตริย์ทรงเป็นประมุขภายใต้รัฐธรรมนูญแต่ปรากฏว่าหลังเปลี่ยนแปลงการปกครองประมาณ 20 ปีเราเห็นชัดเจนว่าบุคคลซึ่งมีรายชื่ออยู่ในคณะราษฎร์ซึ่งเป็นคนทำการปฏิวัติ ก็เปลี่ยนแปลงกัน คนนั้นขึ้นมาเป็นนายกคนนี้ทำรัฐประหาร เอาคนนี้ออก พระยามโนปกรณ์นิติธาดาเข้ามาอยู่ได้ปีเดียว ท่านต้องหนีออกไปนอกประเทศเลย เพราะมีการปฏิวัติ พระยาพหลขึ้นมาเดี๋ยวคุณปรีดีขึ้นมาเดี๋ยวคุณควง อภัยวงศ์ขึ้นมา คนเหล่านี้ขึ้นมาอยู่ได้ไม่นานเพราะโดนแย่งอำนาจกัน"

มีการหักหลังแตกแยกช่วงจริงกัน จริงมั้ย?
"จริงสิ ถ้าไปดูประวัติ แต่ละคนขึ้นเป็นนายกฯ ไม่นาน และอยู่ในประเทศไม่ได้ตั้งหลายคน จอมพลป. สิ้นชีวิตที่ญี่ปุ่น ท่านปรีดีสิ้นชีวิตที่ฝรั่งเศสเป็นต้น ปีนี้ปรากฏว่าในปี 2476 ผ่านการเปลี่ยนแปลงมาเพียงแค่ปีเดียวพระบรมวงศ์เธอพระองค์เจ้าบวรเดช พระยาศรีสิทธิสงครามได้มองเห็นแล้วว่าเฮ้ยไม่เป็นประชาธิปไตย ไม่รอดแล้ว บรรดาคนที่ขึ้นมาใช้อำนาจเป็นคนที่ใช้อำนาจเป็นเผด็จการมากกว่าเป็นประชาธิปไตย และในขณะเดียวกันก็มีพฤติกรรมจาบจ้วงล่วงละเมิดพระมหากษัตริย์ ทนไม่ได้ท่านก็เลยลุกขึ้นมาทำการเอาอำนาจคืนให้พระมหากษัตริย์"

"แต่ปรากฏว่าพวกเขาแพ้ทำไม่สำเร็จ คนที่ทำการปฏิวัติไม่สำเร็จจึงเรียกว่ากบฏ ลองไปตรงถนนพหลโยธินจะมีถนนวงเวียนอยู่ตรงนั้น วงเวียนนั้นเป็นอนุสาวรีย์ที่แสดงว่าคณะราษฎร์เอาชนะกบฏบวรเดช แต่ในวันที่ 24 มิถุนายน 2563 เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่กองทัพบกให้มีการรำลึกถึง 2 ท่านนี้ ให้มองเห็นว่า 2 ท่านนี้คือทหารประชาธิปไตยที่ไม่เห็นด้วยกับการปกครองของเหล่าบรรดาคณะราษฎร์ตอนนั้นที่มีลักษณะเป็นเผด็จการไม่ได้เป็นประชาธิปไตยและจาบจ้วงล่วงละเมิดพระมหากษัตริย์"

"เป็นครั้งแรกนะตั้งแต่ 2475 จนถึง 2563 ยังไม่เคยมีการบันทึกถึงทหาร 2 ท่านนี้เลย แต่เมื่อ 24 มีนาคม 2563 เป็นครั้งแรกที่เราเห็นตรงนี้ เพื่อให้เห็นว่าหลังจากที่มีการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองยังมีทหารประชาธิปไตยที่เห็นว่าคณะราษฎร์ที่บอกว่าเป็นประชาธิปไตยแต่ไม่เป็นประชาธิปไตยเป็นเผด็จการ แทนที่จะเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างที่พระยาทรงสุรเดชซึ่งเป็นคนวางแผนต้องการดำรงไว้ ปรากฏว่าพวกเขาจาบจ้วงล่วงละเมิดพระมหากษัตริย์ในหลายๆ ครั้งหลายๆ ครา จึงต้องลุกขึ้นมาเป็นกบฏและในที่สุดก็พ่ายแพ้"

จุดจบคณะราษฎร์แต่ละคนจบไม่สวย ?
"เพราะว่าเขาแย่งอำนาจกัน อยากเป็นนายกฯ อยากเป็นใหญ่"

 ดร.เสรี เปิดปมความจริงประวัติศาสตร์ 2475

ก่อนหน้านี้ร่วมมือกันมาก่อนทำไมมาแย่งกันทีหลัง?
"ก็เพราะว่าอำนาจเป็นสิ่งที่หอมหวล เวลาที่เขารวมตัวกันตอนนั้นก็เหมือนเขามีเป้าหมายเดียวกันคือเปลี่ยนแปลงการปกครองแต่หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ต้องมีตำแหน่ง มีประธานสภา มีนายกรัฐมนตรี มีรัฐมนตรี ซึ่งตรงนี้ก็มีคนนั้นอยากเป็นคนนี้อยากได้ พระยามโนปกรณ์นิติธาดาถูกแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีคนแรก ท่านได้รับเลือกขึ้นมา แต่ท่านก็อยู่ได้แป๊บเดียวก็มีการปฏิวัติทำให้ท่านต้องออกไปนอกประเทศ ต่อมาพระยาพหลขึ้นมา ในที่สุดคนนั้นต้องหนีออกไปนอกประเทศคนนี้หนีไปอยู่เมืองนั้นเมืองนี้ หลายคนไม่ได้ตายในประเทศไทยเพราะเขาแย่งอำนาจกันอย่างมากมาย ทีนี้หลังจากที่เกิดเหตุอย่างนี้แล้วปรากฏว่าที่รับรู้เรื่องของ 2475 เป็นเฟสที่ 3 คือมีคนปลุกผี 2475 ขึ้นมา โดยพยายามบอกว่า 2475 ต้องการเอาอำนาจใส่มือประชาชน แต่ตอนนั้นอำนาจยังไม่ถึงมือประชาชน ก็ไปอยู่ในมือคณะราษฎร์ แต่สำหรับรุ่นหลังเขาไม่ได้บอกว่าอยู่ที่คณะราษฎร์เขาขึ้นไปข้างบนเลย"

"ฉะนั้นการรับรู้ 2475 ในช่วงหลังคือมีคนตั้งใจจะสานต่อ 2475 ในความหมายที่ว่าต้องการเปลี่ยนแปลงการปกครองประเทศไทยด้วยการที่ไม่เอาสถาบันอันนี้พี่ว่าเรารับกันไม่ได้เลย เพราะจริงๆ แล้วสถาบันพระมหากษัตริย์เคียงคู่ประเทศไทยมา เรารุ่งเรืองอยู่กันร่มเย็นเพราะมีสถาบันพระมหากษัตริย์ อยู่ๆ เฮ้ย 2475 ที่เรารู้ว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นการแย่งอำนาจกันระหว่างคนเป็นใหญ่มาถึง 2475 ที่เขากำลังพูดกันในตอนนี้คือเขาต้องการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครอง รับไม่ได้ตรงนี้"

"และตอนนี้เขาก็ปลุกบรรดาเยาวชนทั้งหลายด้วยการปลุก 2475 มาอยู่ที่ประชาชนอย่างนั้นอย่างนี้ มีการอภิปรายปาฐกถา มีการให้สัมภาษณ์ มีการเขียนหนังสือต่างๆ มากมาย สุดท้ายเหล่าบรรดานักวิชาการทั้งหลาย พลโทนันทเดชก็ดี ท่านรับไม่ได้ต้องออกมาชี้แจงว่าอะไรคืออะไร ส่วนใหญ่ที่ท่านชี้แจงก็เป็นเฟส 2 ที่เล่าให้ฟังไปก่อนหน้านี้ เขาแย่งอำนาจกันไม่เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง เขาจาบจ้วงสถาบัน ทีนี้ที่อาจารย์ธนเดชเอามาเป็นคำพูดของท่านปรีดีที่พูดถึงตัวท่านเอง ท่านเป็นนักเรียนที่สอบได้ที่ 1 ที่ฝรั่งเศส ท่านเป็นคนที่เก่งมาก ท่านบอกว่าตอนที่ท่านคิดตอนนั้นท่านคิดตามทฤษฎี ท่านเรียนมาท่านคิดตามทฤษฎีแต่ท่านยังไม่เจนจัด สมัยตอนท่านได้อำนาจมายังไม่เจนจัด แต่เมื่อเวลาอายุมากขึ้นท่านเจนจัดมากขึ้นก็ไม่มีอำนาจซะแล้ว เพราะท่านออกไปอยู่นอกประเทศซะแล้ว"

"พี่ก็ตีความคำว่าไม่เจนจัดของท่านคืออะไร ก็แปลว่าท่านไม่ได้นำเอาประสบการณ์แห่งบริบทของประเทศไทยมาพินิจพิจารณา ตอนนั้นทฤษฎีมีอย่างเดียวต้องเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นประชาธิปไตยท่านเรียนหนังสือมาท่านได้ที่ 1 ตำราบอกอย่างนี้แต่ทีนี้ คำว่าไม่เจนจัดพี่แปลเองนะว่าคงจะแปลว่าตอนนั้นท่านคงไม่ได้พิจารณาบริบทของประเทศไทย การปกครองโดยมหากษัตริย์ของยุโรปกับกษัตริย์ของประเทศไทยต่างกันราวฟ้ากับดิน ของเราไม่มีเรื่องที่พระองค์กระทำการอันไม่บังควร แต่กษัตริย์ในประเทศตะวันตกบางประเทศ มีเรื่องไม่งดงาม"

"ท่านปรีดีท่านถึงพูดว่าตอนท่านมีอำนาจท่านไม่เจนจัด แต่เมื่อท่านเจนจัดขึ้นมาแล้ว ท่านไม่มีอำนาจ แสดงว่าเมื่อพ้นจากอำนาจออกนอกประเทศไทย คงมีเวลานั่งคิดไตร่ตรองและมองเห็นว่าอะไรก็ตามที่ทำตอนเอาตำรามาเต็มๆ เป็นความผิดพลาด เลยมีคำพูดหลายอันเช่นชิงสุกก่อนห่าม หมายถึงเร็วไปหรือเปล่า จริงๆ แล้วในประวัติศาสตร์ถ้าใครร่ำเรียนมารัชกาลที่ 5 ทรงเตรียมที่จะให้ประชาทิปไตยแก่คนไทยรัชกาลที่ 6 ทำเมืองจำลองขึ้นมาชื่อดุสิตธานีเพื่อทดลองใช้ประชาธิปไตย รัชกาลที่ 7 ทรงร่างรัฐธรรมนูญและเตรียมการเอาไว้เมื่อเสด็จหัวหินและมีการปฏิวัติ พระองค์ก็นำรัฐธรรมนูญฉบับร่างไปด้วยเพื่อแก้ไขรอบสุดท้าย แสดงว่าจริงๆ แล้วมีตรงนี้ แต่พระองค์ทั้งหลายได้พิจารณาแล้วว่าคนไทยยังไม่เข้าใจประชาธิปไตย ยังไม่ได้รับการศึกษาที่ดีพอ ขอชะลอสักนิดนึง แต่เหล่าบรรดานักเรียนนอกทั้งหลายทนไม่ได้ ต้องเกิดขึ้นเดี๋ยวนี้ แล้วเป็นไงมาจนถึงทุกวันนี้"

ถ้าย้อนกลับไป 2475 จากคำพูดอ.ปรีดี คิดว่าท่านจะทำอะไรบ้าง?
"สันนิษฐานจากการที่ท่านพูดว่าไม่เจนจัด แปลว่าถ้าเกิดท่านอยู่ในตอนนั้นท่านจะไม่ทำตามทฤษฎีที่เรียนมาเป๊ะๆ ท่านต้องพิจารณาบริบทระหว่างการเปลี่ยนแปลงการปกครองยุโรปและการเปลี่ยนแปลงการปกครองของไทยจะเห็นเลยว่าบริบทไม่เหมือนกัน ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ของเราที่กษัตริย์เป็นใหญ่ไม่เหมือนกับยุโรปแน่นอน ขณะเดียวกันถ้าพิจารณาบริบทเรื่องคนไทยกับความเข้าใจประชาธิปไตยท่านคงรอเวลา เหมือนที่รัชกาลที่ 5 รัชกาลที่ 6 รัชกาลที่ 7 ได้บอกว่าเรายังไม่พร้อม ฉะนั้นท่านคงต้องรอให้พร้อม เหตุการณ์นั้นไม่น่าจะเกิดขึ้นแบบชิงสุกก่อนห่าม น่าจะรอเวลาให้คนไทยเราพร้อมมากกว่านี้เพราะ 88 ปีที่ผ่านมาจนบัดนี้วิธีการเลือกตั้งวิธีการใช้ข้อมูลพิจารณาว่าจะลงคะแนนให้ใครก็ยังเห็นความไม่พร้อมอยู่ดี"

 ดร.เสรี เปิดปมความจริงประวัติศาสตร์ 2475


 ดร.เสรี เปิดปมความจริงประวัติศาสตร์ 2475

ชมคลิป
VVVVV
VV
V
VV
VV
V
VVV
V
V
V
VVVV


-------

เครดิตแหล่งข้อมูล : รายการ เรื่องลับมาก


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์