แม่น้องชมพู่ โต้ทุกประเด็น ญาติเป็นคนให้เผาเสื้อ ไม่แคร์ลุงพลตัดญาติ (คลิป)

จากกรณีน้องชมพู่ อายุ 3 ปี สูญหายจากบ้านพัก อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ตั้งแต่วันที่ 11 พ.ค.63 จนไปพบศพกลางป่าบนเขาภูเหล็กไฟ ห่างจากบ้าน 5 กม. และยังจับคนร้ายไม่ได้ กระทั่งนางสาวิตรี วงศ์ศรีชา แม่ของน้องชมพู่เปิดความในใจว่าสงสัยลุงพลเป็นผู้ก่อเหตุนั้น

วันที่ 7 ก.ค. 63 นายไชย์พล วิภา ลุงของน้องชมพู่ เปิดเผยว่า หากแม่น้องชมพู่ยังสงสัยว่าตนเป็นคนก่อเหตุ ก็อยากถามว่า "แม่น้องชมพู่คิดได้ยังไง เวลาแค่ไม่กี่นาทีที่แม่ชมพู่สงสัย มันมีน้ำหนักพอไหมที่จะมาสงสัยลุง ซึ่งแม่น้องชมพู่รู้นิสัยตนเป็นที่สุด" เราอยู่เป็นครอบครัวกันมาตั้งแต่ปี 2547 เรารู้ว่าเป็นคนนิสัยยังไง พูดจายังไง มีน้ำใจกับครอบครัวไหม แต่อาจปากเสียบ้าง ซึ่งแม่ยายก็ออกมาพูดแล้ว

ทั้งนี้ หากแม่ชมพู่ยังจะสงสัยลุง ตนเองไม่โกรธ แต่แม่ชมพู่ต้องพูดให้ชัดเจนว่าที่สงสัยลุง เพราะเวลาแค่นี้หรือ ที่ผ่านมาตนเองทำเพื่อชมพู่มาตลอด แม่ชมพู่ต้องกลับไปคิดว่าจะสงสัยลุงอีกไหม ตนอยากถามว่าตั้งแต่เกิดเรื่องมา ตนเองทำผิดอะไรไหม การกระทำของตนแปลกจนต้องตกเป็นผู้ต้องสงสัยในสายตาเขาเลยหรือ

ตนเองเชื่อว่าชาวบ้านรู้จักนิสัยใจคอตนดี ตำรวจก็เพิ่งมาทำคดีอาจจะไม่รู้นิสัยตน สิ่งที่ตำรวจไม่ควรทำคือจับแพะจับลา หากไม่มั่นใจว่าใครคือคนร้าย ต้องทำงานให้รอบครอบ ตนเองคิดว่าสิ่งที่แม่น้องชมพู่สงสัยมันเกิดคาด เกิดความเป็นจริง ตนเองไม่ได้หวังจะทำลายชื่อเสียงครอบครัว แต่เพื่อให้คนที่ดูข่าวจะได้รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น กรณีตนเองจะยังไม่พูดปัญหาในครอบครัว เพราะจากนี้ตนจะทำทุกทางเพื่อชี้แจงตัวเอง แต่ต้องรอว่าพ่อแม่ชมพู่จะยังสงสัยตนอยู่ไหม ตนเองพยายามประคับประคองให้ครอบครัวยังอยู่ ไม่อยากให้ความรู้สึกดี ๆ มันหายไป จนมันเอากลับคืนไม่ได้

ตนเองรู้สึกเข้าใจคนที่สูญเสียลูก ถึงตนเป็นลุงเขย ตนเองก็มีความรู้สึกสูญเสีย จึงไปขอความช่วยเรื่องจาก ผบ.ตร. ไม่มีใครที่ไม่รักลูกรักหลาน ตนเองยังยืนยันเหมือนเดิมว่าต้องการช่วยชมพู่ ไม่ต้องการให้ชมพู่ตายฟรี ตนเองรักหลานเหมือนลูก เพียงไม่ได้มีโอกาสเลี้ยงดู ตนเองเปรียบเทียบให้เห็นภาพว่า เคยคิดว่าหากวันใดพ่อแม่ชมพู่ไม่ต้องการเลี้ยงน้อง ตนเองจะเลี้ยงเอง ตนเองขอบคุณแม่ยาย ดีใจที่แม่ยายให้กำลังใจ ตนเองพยายามเชื่อฟัง ซึ้งใจพ่อตาแม่ยายมาก

นางสมพร หลาบโพธิ์ หรือ ป้าแต๋น ป้าน้องชมพู่ เปิดเผยว่า ช่วงเช้าที่ผ่านมาตาชาญเข้ามาหาตนที่บ้าน บอกตนว่าให้สู้คนบ้าง พูดความจริง ไม่ต้องกังวล ยอมรับว่าเมื่อคืนกลับมานอนที่บ้านก็แอบร้องไห้ แอบเอามานอนคิด เพราะเป็นเรื่องพี่น้อง ตนเองน้อยใจ ตนเครียดมากทุกอย่าง ตอนนี้ปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติ เพราะพ่อชาญก็บอกว่าความดีจะคุ้มครอง

กรณีเวลาที่ชมพู่หาย แล้วแม่ชมพู่ระบุว่ายึดตามเวลาที่ตนโทรหา แต่แม่ชมพู่ไม่รับสาย ตนจึงไปหาที่บ้านชมพู่ ก่อนให้น้าต่ายโทรให้ ตนเองไม่รู้ว่าสะดิ้งเดินหาน้องชมพู่นานแค่ไหน เดินตรงไหนก่อนจะมาหาตน แต่สิ่งที่สะดิ้งคุยกับตนคือก่อนหลับถือโทรศัพท์ไว้ในมือ มองเวลาช่วง 8.50 น. ตื่นมาอีกทีก็ 9.00 น. จากนั้นก็เห็นว่าชมพู่หายไปแล้ว ทั้งนี้ หากคนจะสงสัย อย่างไรก็สงสัย "หากพูดขนาดนี้ ก็จับไปเลย" ตนก็ไม่รู้ว่าต้องการอะไร หรือโกรธอะไรตนนักหนา ยืนยันว่าลุงพลไม่ได้เป็นคนฆ่า ส่วนเวลา 14.00 -16.00 น. เป็นเวลาที่กลับมาจากส่งครูบารัตน์ ตอนนั้นก็ต่างคนต่างไปค้นหาชมพู่

ตนเองเหนื่อยแล้ว อยากให้คิดถึงใจเขาใจเรา หากตนตกที่นั่งเดียวกับแม่ชมพู่ ตนเองจะไม่สงสัยญาติ กรณีที่บอกว่าทำไมลุงรักหลานเกินไป เพราะเป็นแค่ลุงเขย ตนเองก็อยากถามว่า คนเขามารักลูกเราไม่ดีหรอ เขามารักก็ดีแล้ว

ด้านนางสาวิตรี นายอนามัย วงศ์ศรีชา พ่อและแม่น้องชมพู่ เปิดเผยว่า ตนยังสงสัยในตัวลุงพลว่าเขาเป็นผู้ก่อเหตุ สงสัยจากการให้สัมภาษณ์ของลุงพล จากข่าวแต่ละครั้งที่ไม่ตรงกัน รวมถึงพฤติกรรมของลุงพลในพักหลัง ๆ ที่เปลี่ยนไป ตนสงสัยว่าลุงพลรู้เรื่องว่าน้องชมพู่หายตัวไปก่อนจะไปรับพระหรือไม่ หรือว่าเขารู้เรื่องน้องหายหลังจากรับพระ และช่วงเวลาที่ลุงไปรับพระทำไมถึงใช้เวลานานขนาดนั้น

ซึ่งกรณีที่ลุงพลอ้างว่าก่อนไปรับพระสงฆ์ที่วัดถ้ำภูผาแอก ระหว่างเดินทางไปวัดได้แวะคุยกับชาวบ้านคนนั้นคนนี้ จึงทำให้ใช้เวลานานในการไปรับพระ แต่ลุงพลจะรู้หรือไม่ว่า พยานที่ลุงพลอ้างว่าแวะคุยกันนั้น เขาก็บอกว่าเขาเห็นลุงพลตอนที่พระสงฆ์นั่งอยู่ในรถยนต์แล้ว ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ลุงพลรับพระมาแล้ว ไม่ใช่ตอนที่ลุงพลกำลังขับรถไปรับพระสงฆ์ ตนไม่ได้ปรักปรำลุงพล แต่แค่สงสัย จากการที่ตนดูคลิปข่าว ดูการให้สัมภาษณ์ของลุงพลแต่ละครั้ง ตนก็อยากให้ลุงพลออกมาเคลียร์ตัวเองให้ชัดเจนด้วย และตอนนี้ตนก็ยังไม่พร้อมจะพูดคุยกับลุงพลหรือป้าแต๋น นอกจากตากับยายจะจับครอบครัวตนเองไปพูดคุยกัน

สุดท้ายตนก็อยากฝากถึงลุงพลว่าถ้าเขาตัดญาติกับตน ตนก็ไม่มีอะไรจะพูด ตนตัดความรู้สึกส่วนตัวออกไปเยอะมาก ตนใช้เวลารวบรวมข้อมูลเป็นเดือน ถึงยอมพูดออกจากว่าตนสงสัยลุงพล ตนเป็นญาติกัน การที่จะต้องสงสัยญาติด้วยกันนั้นย่อมมีเหตุผล ขอฝากถึงคนสังคมที่ดูข่าวว่าก่อนจะโจมตีตนเอง ให้ช่วยดูด้วยว่าตนไม่ได้สงสัยลุงพลจากความรู้สึกส่วนตัว ตนสงสัยจากคลิปข่าวที่ลุงพลให้สัมภาษณ์ และตนไม่ได้มโน ส่วนที่ตนไม่ได้ขึ้นเขาไปตามหาลูก เพราะเนื่องจากอ่อนเพลียหลังตามหาทั่วหมู่บ้านแล้ว

ส่วนประเด็นที่ลุงพลสงสัยว่าพ่อแม่ถึงไม่ล้างหน้าศพลูกสาวนั้น เพราะญาติได้ให้คำแนะนำว่า ถ้ายังทำใจที่จะเห็นหน้าน้องชมพู่ไม่ได้ ก็ไม่ต้องล้างหน้าศพ และก็ไม่ใช่ตนเป็นรายแรกของหมู่บ้านที่ไม่ล้างหน้าศพลูกสาว ชาวบ้านในหมู่บ้านกกกอกหลายคน ก็ยังไม่ล้างหน้าศพลูก เป็นสิทธิของพ่อแม่แต่ละคน ส่วนตนเลือกจะจำหน้าลูกสาวแค่ตอนที่สวยเท่านั้น และวันที่เผาศพน้องชมพู่ตามความเชื่อของชาวบ้าน เขาก็ห้ามพ่อแม่ทำน้ำตาหล่นใส่ร่างกายลูก เพราะวิญญาณลูกจะไปไหนไม่ได้ จะยังวนเวียนอยู่

สำหรับกรณีที่ลุงพลสงสัยว่าตนรีบเผาเสื้อผ้าน้องชมพู่ไปพร้อมกับศพนั้น ตนคิดว่าการเผาเสื้อผ้าน้องชมพู่ ทำตามธรรมเนียมประเพณี ตนเองก็ไม่ได้เผาสิ่งของของน้องหมดทุกอย่าง และคนที่เก็บเสื้อผ้าน้องไปเผาก็ไม่ใช่ตนเอง แต่เป็นญาติ ๆ ที่ตนต้องเผาศพน้องเร็วนั้น เพราะตอนนั้นผลชนสูตรออกมาแล้วว่าน้องไม่ได้ถูกข่มขืน ไม่ได้ถูกทำร้าย ด้วยความที่ตนเองมีความรู้ไม่มาก ตนจึงเผาศพน้องชมพู่

โดยหลังจากลุงพลประกาศขอตัดญาติกับแม่น้องชมพู่ กระแสโลกออนไลน์บนทวิตเตอร์ติดแฮชแท็ก #น้องชมพู่ ขึ้นเทรนด์ทวิตเตอร์อีกครั้ง ขณะที่สังคมเฟซบุ๊กเข้าไปคอมเมนต์วิพากษ์วิจารณ์ในหลายประเด็น แต่ที่หนักสุดคือประเด็นที่ แม่ของน้องชมพู่พูดชี้เป้าสงสัยลุงพล ซึ่งชาวเน็ตที่ไม่เห็นด้วย เข้ามาถล่มเฟซบุ๊กของแม่น้องชมพู่

ส่วนที่น้องสะดิ้ง พี่สาวน้องชมพู่โพสต์คลิปชู 2 นิ้วถ่ายคู่กับรูปหน้าศพของน้องชมพู่นั้น ก็เป็นที่พูดถึงบนโซเชียลมีเดียเช่นกัน