เสี่ยราดหน้าพันล้าน แฉศึกสายเลือด สร้างธุรกิจเองกับมือ แต่ถูกน้องหลอก
"ปี พ.ศ. 2558 เดือนเมษายน ก่อนหน้านั้นนิดหน่อย น้องเขาเข้ามาคุยว่าอยากเอาบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ เข้าแล้วผมจะได้หลายร้อยล้าน ทุกคนต้องเอา 5 เปอร์เซ็นต์มาใส่ตะกร้าไว้ เพื่อหลังจากเข้าตลาดแล้วเอามาเล่นหุ้นเอากำไรมาแบ่งกันระหว่างผู้ถือหุ้น ผมก็เห็นด้วย แต่สุดท้ายหลังเขาเอาหุ้น 5 เปอร์เซ็นต์ผมไป เขาหลอกให้ผมออกจากกรรมการด้วย ซึ่งผมเป็นกรรมการตั้งแต่ปี 34 จนปี 58 ผมเป็นกรรมการไม่ได้ด้วยความรู้ ผมก็ยอมออก เชื่อถือน้อง"
ถือหุ้น 85 เปอร์เซ็นต์ น่าจะมีสิทธิ์ยกมือในการทำหรือไม่ทำอะไร ?
"ไม่ครับ 85 เปอร์เซ็นต์ ตอนหลังผมให้น้องถือหุ้นเลยคนละ 25 เปอร์เซ็นต์ ผมกับพี่ชายก็ถือคนละ 25 เปอร์เซ็นต์ มี 4 คนเท่านั้นที่ถือ 25 เปอร์เซ็นต์ ส่วน 5 เปอร์เซ็นต์เขาไปใส่ไว้ที่คุณนันทนา ลูกสาว บอกว่าจะให้ลูกสาวผมบริหารก้อนนี้ด้วย แต่หลังจากเขาได้หุ้นไปแล้ว เขาไล่ลูกสาวผมออก"
เขาสองคนมี 40 คุณนันทนาบริหาร 20 เป็นพวกเดียวกัน ?
"ใช่ครับ ก็กลายเป็นเสียงข้างมาก ตอนหลังเขาไล่ลูกสาวผมออก เพราะลูกเป็นฝ่ายตรวจสอบ เข้าไปทำงานตรวจสอบได้ 3 เดือน พบความไม่ชอบมาพากล มาบอกผม ผมก็ไปคุยกับฝั่งโน้น เขาปลดลูกสาวผมออกเลย 3 เดือนไม่บรรจุ"
เขาใช้อำนาจอะไรในการปลดลูกสาว ?
"เขาบอกว่าเป็นเรื่องของฝ่ายบุคคล ประเมินว่าผลงานลูกผมไม่ผ่าน เขาใช้อำนาจในการบริหารเสียงข้างมาก นี่คือต้นเหตุของความขัดแย้ง เราก็เริ่มรู้ตัวแล้ว ในปีเดียวกันนั้นเองเราประชุมเมษายน เดือนธันวาคม ผมก็รู้แล้วว่าผมถูกหลอก ผมเลยไปแจ้งความที่กองปราบว่าโดนฉ้อโกง"
ในข่าวมีน้องชื่อนุชรี บอกว่าบริษัทนี้ไม่ใช่คุณสมชายสร้าง พ่อแม่สร้างมาตั้งแต่ต้น ?
"ตอนผมเปิดเพชรเกษมเครื่องเรือนที่เป็นของผมเอง คุณนันทนาอายุ 9 ขวบ คุณพีรพัฒน์ อายุ 16 ผมเริ่มทำธุรกิจมาด้วยตัวของผมเอง คุณนุชรีแต่งงานออกไปอยู่ข้างนอก เขาพูดเอง แต่ผมมีหลักฐานทุกอย่างสามารถเอามาแสดงได้ รวมทั้งคำพิพากษาในศาลก็ได้พิพากษาผมชนะคดีนี้แล้ว"
จริงมั้ยพ่อแม่สร้าง ?
"ไม่จริงครับ"
"ตอนที่ผมเปิด หจก.เพชรเกษมเครื่องเรือน ปี 2523 ผมไปงานอินเตอร์ซูม ไปเอาเฟอร์นิเจอร์หลุยส์อะไรเข้ามาแล้วให้คุณนุชรีที่มีปัญหาครอบครัว มีปัญหาธุรกิจแย่ ผมก็เอามาทำงานด้วยเป็นเซลล์ ในส่วนผ้าม่าน ผมทำเฟอร์นิเจอร์หลุยส์อันดับต้น ๆ ของประเทศไทยนะครับ แล้วนุชรีก็เป็นเซลล์ขายเฟอร์นิเจอร์อยู่แล้ว เฟอร์นิเจอร์หลุยส์ก็ราคาแพงนะครับ ผมก็ปันประโยชน์ให้ด้วย ไม่ได้ให้คอมฯ นะครับ กำไรผมให้สิ้นปีด้วย ทุกคนได้ประโยชน์จากผม ผมเต็มที่ ผมทำตัวเหมือนเป็นพ่อพวกเขา"
แล้วเขาไม่พอใจอะไร ?
"กิเลสจริง ๆ ครับท่าน"
ให้หุ้นกันไป ขายหรือให้ ?
"ให้ครับ น้องก็รับบนชั้นศาลว่าไม่ได้ซื้อ ไม่ได้ลงทุน แต่ธุรกิจของพ่อ ซึ่งไม่จริง พ่อเสียไปปี 28 ปี 24 เป็นอัมพาต"
ดูเหมือนคุณสมชายน่าจะมีอำนาจมากกว่าใคร แต่น้องบอกคุณมีแค่ 25 เปอร์เซ็นต์จะเป็นใหญ่ได้ไง ?
"ต้องไปดูประวัติที่ผมเริ่มทำมา ผมทำชุดครัวไฟเบอร์กลาสเป็นเจ้าแรกของเอเชีย ถ้าพูดจริง ๆ แล้วเป็นเจ้าแรกของโลก เพราะผมเดินทางบ่อย เป็นชุดครัวไฟเบอร์กลาสกันน้ำรั่วซึมแล้วต่อมาผมทำเฟอร์นิเจอร์หลุยส์ ทำให้ผมเติบโตเร็วมาก"
จากความสำเร็จที่สร้างมา คุณสมชายคิดว่าน่ามีสิทธิ์ตัดสินอะไรได้ ?
"ถึงตอนที่น้องจะเข้ามาทำงาน ผมก็ร่ำรวยแล้ว ผมส่งน้องไปเรียนอเมริกา 2 คนด้วยเงินของผม"
ข้อกล่าวหาที่ชัดเจนที่สุด เขาบอกว่าคุณสมชายสร้างเรื่องสร้างปัญหา เพราะอยากได้ 5 เปอร์เซ็นต์คืน ?
"จริง ๆ ถ้าผมอยากได้ 5 เปอร์เซ็นต์ ลองไปคิดใหม่ สิ่งที่ผมให้ไปปีแรก ผมเอาคืนตรงนั้นก็ได้ ผมให้ไปแล้ว ผมไม่ได้พูดถึง แต่ตรงนี้หลอกเอาจากผมไป ในคำพิพากษามีหมดในเรื่องนี้ ศาลแขวงพระนครเหนือได้สั่งจำคุกพวกเขา 3 ปี โดยไม่รอลงอาญา ขณะนี้คดีอยู่ระหว่างอุทธรณ์ จะตัดสินวันที่ 20 ตุลาคมนี้ครับ"
"เขาหลอก และทันทีทันใดที่ผมฟ้องปุ๊บ 5 เปอร์เซ็นต์ของคุณนันทนา ที่บอกเป็นของพี่น้องสามคน คุณธนาเอาไปขายน้องเมียคุณพีรพัฒน์ โดยนายพีรพัฒน์โอนเงินมาให้นันทนา 8 ล้าน เพื่อสร้างหลักฐานเท็จอีก อันนี้เราก็จับได้ คดีอยู่บนศาลทั้งหมด ผมชนะคดีครับ"
นันทนาบอกว่าไม่ควรเข้ามาทำงานแล้ว เกิน 60 แล้ว เป็นหลักการบริษัท เกิน 60 ต้องเกษียณจะมายุ่งทำไม ?
"ลองฟังคลิปนี้ดี ๆ นะครับ เขาพูดถึงสากลว่าผม 60 ควรจะออก ในประเทศไทยมีเถ้าแก่ที่อายุ 80-90 ไม่ได้ออก แล้วยังพูดอีกว่าบริษัทนี้เป็นของกงสี ตกลงคุณจะกงสีหรือคุณจะสากล ผมถามใหม่นะครับ ลูกหลานเขาเข้ามาทำงาน ลูกคุณพีรพัฒน์ก็ทำงาน ลูกคุณนุชรีก็ทำงานอยู่ 2 คน แล้วทำไมไล่ลูกผมออก เชิญผมออก แล้วบอกว่าผมถือหุ้น 20 เปอร์เซ็นต์ ผมไม่เคยได้ปันผล วันที่ศาลแรงงานตัดสินมา ผมบอกว่าเงินกำไรสะสม 129 ล้านบาท ทำไมไม่แบ่ง มีถัดมาแบ่งให้ผม 8 หมื่นบาท ในช่วง 5 ปี เงินเดือนผมประมาณ 4 แสนนะครับ ผมกับภรรยา แต่ 5 ปีที่ผ่านมาผมได้เงินกี่สิบล้านครับ แต่ให้ผม 8 หมื่น บ้านผมใหญ่ผมสร้างมา ผมมีฐานะตั้งแต่อายุ 30 กว่า ผมมีรายจ่ายเต็ม เป็นโรคทานยา 36 เม็ด แค่ค่ายาเดือนนึงตั้งหลายหมื่น"
มีตัวลายลักษณ์อักษรบริษัทเขียนไว้มั้ยว่า 60 ต้องเกษียณ ?
"เริ่มแรกเลยกฎบริษัทจะเกษียณตอนอายุ 50 แต่ผมฟ้องคดีแล้วผมชนะ คือตั้งแต่ 50 ไม่เคยมีใครออกจากบริษัทเรานะครับ 60 เขามาเปลี่ยนกฎ"
ทำไมเขาอยากให้ออกในเมื่อไม่มีกฎชัดเจน ?
"อยากใหญ่ไงครับ อยากเป็นเจ้าของคนเดียว อยากมีอำนาจคนเดียว เรื่องเหล่านี้จบอยู่ที่เอกสารทุกอย่าง คดีแรงงานที่ไล่ลูกผมออก ศาลตัดสินให้ชนะ"
ขอถามตรง ๆ คุณสมชายคิดว่าที่น้อง ๆ เกิดอาการรังเกียจไม่อยากให้อยู่บริษัทคืออะไร ?
"มีอยู่ 2 สาเหตุ สาเหตุแรกคือผมชอบว่าน้องจอมโปรเจกต์ เพราะโปรเจกต์เยอะมาก มีเป็น 10 บริษัท เปิด ๆ ปิด ๆ ไม่ได้ประสบความสำเร็จทุกอัน รวมทั้งการบริหารเขานั่งอยู่บนหอคอย ไม่เคยลงมาดูแล เกิดการฉ้อโกงในบริษัทมหาศาล เงินทองรั่วไหล"
เป็นคนเข้มงวด ด่าทอต่อว่าบ่น ?
"ผมไม่เคยด่าน้อง ผมก็บอกว่ามีจุดรั่วตรงไหนผมบอก สองทุกบริษัทที่เขาทำ ผมทำตัวเหมือนผู้รับเหมาก่อสร้าง ผมต้องสร้างโรงงานทุกที่ ผมเหนื่อย คุณสร้างแล้วไม่ประสบความสำเร็จก็อย่าทำบริษัทเยอะ คุณดูแลให้ดี ผลประกอบการบริษัทแม่เราก็ดีอยู่แล้ว แต่เขาไม่ฟังเขาต้องการชื่อเสียง"
ล่าสุดมีคลิปออกมา ?
"คืนวันที่ 13 น้องส่งคลิปมาให้ผม บอกว่าน้องชายคนเล็กจะเข้าไปบ้านที่เป็นกรรมสิทธิ์ผม เป็นที่ดินของผม เพื่อขนของเขากลับ เขาไลน์มาบอกว่าถ้าคุณขวาง น้องชายจะฟ้องผมให้ถึงที่สุด"
ตกลงบ้านใคร ?
"เป็นบ้านผม ผมสร้างบ้านเพื่อให้พี่น้องมาอยู่ร่วมกัน ตอนเขาจบมาใหม่ ๆ เขาทำงานอยู่แบงก์กรุงเทพก็ไม่ชัดเจนว่าจะทำงานกับบริษัทผมหรือเปล่า ผมก็ให้เขาอยู่ กรรมสิทธิ์เขาอยู่ที่บ้านธวัชชัย แปลงเดียวชื่อสองคน เสร็จแล้วเขาย้ายออกไป 10 กว่าปี แม่ผมเป็นอัลไซเมอร์ ทั้งคุณนันทนา และคุณพีรพัฒน์ ย้ายออกจากบ้านนี้ คุณนันทนาย้ายออกเกือบ 20 ปีแล้ว"
เขามาเอาอะไร ?
"เขาจะมาเอาของที่เขามี เป็นพระเป็นอะไร ผมก็ไม่เคยไปสำรวจว่ามีอะไรบ้าง แต่ห้องเขาผมปิดผนึกเรียบร้อย บ้านนี้ผมกับลูกสาวใช้งานอยู่"
เขาไม่ได้มาเพียงลำพัง เห็นว่ามีคนมาด้วย ?
"ตอนเช้าสักพักผมเห็นรถตู้ใหญ่บริษัทมา 2 คัน และมีชายฉกรรจ์ 6 คน มีพนักงานบริษัทอีกที่มาขนของ ผมก็ตกใจ แล้วมีนายธวัชชัย นายพีรพัฒน์ มีตำรวจตามมาอีก 3 คน เป็นคนที่เขาเอามา ชายฉกรรจ์ผมไม่รู้จัก"
"เขากลับมาเอาของแค่นั้น แต่ผมไม่ให้เพราะผมมีของอยู่ในโรงงาน ผมขอแลกเปลี่ยน แต่เขาไม่ให้ การทำร้ายผมก็ไม่คิด แต่เนื่องจากผมอยู่บ้านคนเดียว ภรรยาพาลูกสาวไปหาหมอ ผมตกใจ ไม่รู้ทำไง ผมตัวเปล่า ผมให้เข้าหน้าบ้าน ตำรวจพาไปเดินเข้าบ้านน้องชาย แล้วกรูเข้ามา ผมก็ถือไม้นี่แหละว่าใครเข้ามาผมจะตี เขาก็เดินเรียงหน้ามาแบบปราบม็อบ ผมมีแค่ผู้หญิง แม่บ้าน และลูกชายผม ผมภูมิใจนะที่ลูกชายผมไปช่วยกันเขา ผมก็ตัดสินใจตีไปที่มือน้องชายนายธวัชชัยทีนึงด้วยไม้ ส่วนนายพีรพัฒน์ผมแค่ขู่ ๆ เขาต่อยผมเลยเข้าตาผม เส้นเลือดขาวแตก เยื่อบุตาฉีก ผมล้มตึงเลย เป็นคดี"
"แต่ในคลิปที่เขาก้มกราบ เขาแจ้งความผมแล้ววันนึง แล้วผมไปแจ้งความเขาอีกวัน ในคลิปก่อนก้มกราบมีการพูดว่าคุณอย่าทำร้ายผมเลย อย่าโกหก อย่าลงโซเชียล บริษัทลำบากตอนนี้ แล้วก้มกราบผม ไม่ได้ขอโทษผมนะครับ"
เขาบอกกราบขอร้องให้เลิกยุ่งเกี่ยวกับบริษัท ?
"เลิกโกหก เลิกว่าเขาออกโซเชียลแล้วเขาก็ก้มกราบ สร้างภาพครับ ในโซเชียลก็คิดว่าเขากราบขอโทษแล้วผมไม่ให้อภัย พูดใหม่นะครับ ชาตินี้ผมจะไม่ให้อภัย แต่ผมอโหสิกรรม"
ทำไมเขาถึงบอกว่าคุณสมชายทำร้ายบริษัท ?
"ผมไม่ได้ทำอะไรเลย มีข่าวออกมา มีคนมาสัมภาษณ์ ผมพูดไปตามข้อเท็จจริง ฟ้องผมสิครับกฎหมายมี แล้วเอาหลักฐานไปพิสูจน์ ในวันคุณไปขนของ คุณบอกจะฟ้องผมให้ถึงที่สุด แต่พอเช้ามาคุณเอากำลังเข้ามา ผมตัวคนเดียวอายุ 66 ปี จะตั้งหลักยังไง"
คิดว่าพี่น้องที่ทะเลาะกันเป็นคดีความ โอกาสกลับมาคืนดีกันเป็นไปได้มั้ย ?
"เขาทำลายครอบครัวผมจนย่อยยับ ลูกชายคนเล็กหนีออกจากบ้านไปเลย ตั้งแต่มกราคม ทนความเครียดไม่ไหว ผมมีลูก 5 คน ลูกสาวตั้งใจมาทำงานที่นี่ ย้ายครอบครัวมาอยู่ ตอนนี้ย้ายกลับไปอยู่แคนาดาแล้ว ลูกอีกคนไปขายข้าวแกง"
คงไม่คืนดีกันแล้ว ?
"ไม่มีทางครับ"