ทนายเจมส์ ชี้ ครูจุ๋ม เดินเกมผิด ยิ่งฟ้อง ยิ่งเหมือนโยนน้ำมันเข้ากองไฟ
รายการ "เรื่องลับมาก (NO CENSOR)" ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 14.20 - 15.00 น.ทางเนชั่นทีวี ช่อง 22 วันนี้ (5 ต.ค.)"ดร. เสรี วงษ์มณฑา"เปิดใจสัมภาษณ์ "ทนายเจมส์ นิติธร แก้วโต"กรณี "ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์" ทนายคลายทุกข์ เป็นทนายพา"ครูจุ๋ม" ฟ้องกลับผู้ปกครอง จนทัวร์ลงหนัก
ดูตามคลิปใครควรฟ้องใคร?
ทนายเจมส์ : "โรงเรียนเป็นบ้านหลังที่สอง คุณครูเป็นแม่คนที่สอง ฉะนั้นความไว้เนื้อเชื่อใจเขาฝากไว้ที่คุณแต่คุณกลับเอาตรงนี้ไปทำร้ายเด็ก ไม่มีพ่อแม่คนไหนรับได้หรอก พอเห็นภาพต่างๆ โทสะเลยเกิดขึ้น ซึ่งก็เกิดผลตามมาคือไปตอบโต้โดยทันที ไม่รวมเฉพาะพ่อแม่ที่อยู่ในสถานที่ที่ดูคลิปวิดีโอเท่านั้น ทั่วบ้านทั่วเมืองเขาเห็นก็รับกันไม่ได้"
แล้วเขาจะฟ้องข้อหาอะไร?
ทนายเจมส์ : "แม้คุณครูหรือพี่เลี้ยงไปทำร้ายเด็กก็ตาม พ่อแม่ก็ควรใช้สิทธิทางศาลไปฟ้องร้องดำเนินคดีตามกฎหมาย แต่ที่ไปใช้ศาลเตี้ย รุมประชาทัณฑ์แบบนี้ มันผิดกฎหมาย ครูพี่เลี้ยงเขาก็ชอบด้วยกฎหมาย การใช้สิทธิทางกฎหมายก็ตามขั้นตอนแหละ เพียงแต่ว่าการใช้สิทธิตามกฎหมายตรงนี้เป็นการโยนน้ำมันเข้ากองไฟหรือเปล่า มันจะยิ่งสุมความโกรธแค้นขึ้นมาหรือไม่ มันจะยิ่งทำให้การดำเนินคดีของพ่อแม่เด็กที่ดำเนินคดีกับครูพี่เลี้ยงจะจบด้วยดีมั้ย"
ทนายเจมส์ : "เป็นได้ครับ ต้องดูความเสียหายที่เกิดขึ้นก่อน ความบาดเจ็บเป็นอันตรายทั้งร่างกายและจิตใจหรือไม่ อันนี้ต้องดูใบรับรองแพทย์ก่อน ถ้ากรณีไม่ถึงกับเป็นอันตรายทั้งร่างกายและจิตใจ จะเป็นคดีลหุโทษ โทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน ปรับไม่เกิน 1 หมื่น โดยส่วนใหญ่ที่ผมเห็นปรับ 1,500 แล้วกลับบ้าน"
ทัวร์ลงทนายเดชา ว่าทำไมถึงกล้าเป็นทนาย?
ทนายเจมส์ : "บุคคลที่ถูกกกล่าวหาในคดีอาญาจะถือว่าบริสุทธิ์จนกว่าจะถูกกล่าวคำพิพากษา ฉะนั้นการที่ทนายคนใดคนหนึ่งเข้าไปเป็นทนายให้ผู้ต้องหาหรือจำเลยในคดีอาญา ถือว่าเป็นไปตามขึ้นตอนโดยชอบ เพราะแม้ในคดีอาญาจะไม่มีทนายความ ถ้าศาลถามมีทนายความมั้ย ศาลต้องแต่งตั้งให้ เขามีสิทธิ์มีทนาย เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่กฎหมายรองรับไว้"
มองยังไงที่ทัวร์ลง ด่าทนายเดชามากมาย?
ทนายเจมส์ : "การเป็นทนายให้ครูพี่เลี้ยงหรือโรงเรียน ผมมองว่าเป็นไปตามวิชาชีพทนายความ เพียงแต่ขั้นตอนเจราจะดำเนินไปรูปแบบไหน หนึ่งตั้งรับสู้ร้อยเปอร์เซ็นต์ หรือยอมความให้จบโดยเร็วเพราะเป็นคดีดังและเป็นคดีใหญ่ ถ้าสมมติผมเป็นทนายความคดีนี้ ผมจะไม่ดำเนินคดีกับผู้ปกครอง เพราะต้องเข้าใจอารมณ์เขาในตอนนั้น เขาโมโห เขาโกรธ ผมถามว่าการถูกเตะหนึ่งครั้งเทียบได้มั้ยกับเสี้ยวหนึ่งที่เด็กต้องทุกข์ทรมานกับโรงเรียนคุณเป็นเดือนเป็นปี"ประโยชน์ต่อการพิจารณาของศาล เพราะจำนนต่อหลักฐาน สิ่งเหล่านี้ไม่เป็นเหตุให้รอลงอาญานะครับ ณ วันนี้ผมมองว่าผู้ปกครองคงไม่ยอมแล้ว ยิ่งไปฟ้องคนใดคนหนึ่ง ทั้งหมดอาจไม่ยอมเข้าไปใหญ่"
ทนายเจมส์ : "คำพูดที่สวยหรูคือใช้สิทธิตามกฎหมาย แต่ในเชิงเทคนิคในด้านกฎหมายทนายแต่ละคนไม่เหมือนกัน ทนายบางคนมองว่าการฟ้องกลับคือการสร้างอำนาจต่อรอง แต่อย่าลืมว่าการสร้างอำนาจต่อรองนั้นผู้เสียหายมีกี่คน คนถูกฟ้องกลับมีแค่ 2 คุณจะเอาสองคนนี้ไปต่อรองกับอีก 13 ไม่ได้ มันคนละเรื่อง คนละคดีกัน ในมุมผมมองว่าเป็นการเดินเกมที่ผิดหรือไม่ เพราะไปฟ้องเขากลับในคดีที่เด็กเป็นผู้เสียหาย มีทั้งพ.ร.บ.คุ้มครองเด็กตามประมวลกฎหมายอาญา พ.ร.บ.วิชาชีพครูอีก และอีกหลายข้อหาที่จะตามมา ผมมองว่าโทษหนักกว่าเยอะ จะเอาไม้ซีกไปงัดไม้ซุงมันไม่ใช่ ถ้าสองคดีนี้เอาไปต่อรองกับผู้เสียหาย 2 คนที่เป็นพ่อน้องเสือ ถามว่าจะมีผลกับ 11 คดีมั้ย เป็นไม่ได้ การทำความผิดตั้ง 50 กว่าครั้ง ต่างกรรมต่างวาระกัน ฉะนั้นผมมองว่าไม่สมควรฟ้องกลับ เพราะยิ่งสร้างความโกรธแค้นและไม่เป็นผลดีกับคดีที่ตัวเองถูกฟ้องเพราะศาลอาจมองว่านี่คือการไม่สำนึกผิดในการกระทำ ไม่รอลงอาญานะ คิดหลักง่ายๆ เด็ก โรงเรียน วัด พุทธศาสนา เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ศาลไม่ค่อยรอลงอาญา"
ปลายทางพี่เลี้ยงจุ๋มจะเป็นยังไง?
ทนายเจมส์ : "ผมมองจากหลักฐานในสื่อที่มีคลิปชัดเจน ว่าครูพี่เลี้ยงทำร้าย สิ่งที่เขาทำยิ่งกว่าการตี ตีครั้งเดียวแล้วจบ แต่นี่เหมือนการทรมาน ทารุณด้านจิตใจ มีผลกระทบต่อเนื่อง เด็กบางคนไม่อยากไปโรงเรียนเลยเพราะมันกระทบสภาพจิตใจเขาไม่อยากไปอยู่ในแบบเดิมๆ มันทำให้เขากลัว การกลัวทำให้เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนการของเด็ก"
เขาจะติดคุกมั้ย?
ทนายเจมส์ : "ในพ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก โทษคือจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 3 หมื่นบาท ผมมองว่าหนักกว่าคดีลหุโทษที่ไปตบหัวตีหัวเด็ก พอหนักกว่าตรงนี้เรามองว่าการที่พี่เลี้ยงหรือคุณครูเป็นผู้ที่พ่อแม่ไว้วางใจ เป็นอาชีพอย่างหนึ่งที่คนนับหน้าถือตา เอาความไว้วางใจตรงนี้ไปทำร้ายเด็ก ผมว่าศาลอาจไม่รอลงอาญาอยู่แล้ว ที่สำคัญเขาสำนึกในการกระทำหรือไม่"
ต้องล้างคุกรอมั้ย?
ทนายเจมส์ : "ไม่แน่ใจ อยู่ที่ดุลยพนิจของศาล"
ทนายเจมส์ : "ถ้าศาลมองว่าไม่สำนึกผิดในการกระทำ โอกาสที่ศาลรอลงอาญาไม่มีครับ"
ทนายเจมส์ : "ผมแยกเป็นสองส่วน ส่วนที่หนึ่งพ.ร.บ.วิชาชีพครู โรงเรียนน่าจะผิดที่ปล่อยให้บุคคลที่ไม่มีใบประกอบวิชาชีพมาเป็นครูในโรงเรียน สองในส่วนแพ่ง คุณครูถือว่าเป็นลูกจ้างในโรงเรียน เมื่อครูทำผิด โรงเรียนก็ต้องรับผิดด้วย นี่คือความรับผิดในทางแพ่ง"
ทนายเดชาจะช่วยโรงเรียนฟ้องผู้ปกครอง?
ทนายเจมส์ : "เท่าที่ฟัง ไม่น่าจะใช่ ครูจุ๋มถูกผู้ปกครองทำร้ายน่าจะเป็นกรณีนั้นกรณีเดียว กรณีให้โรงเรียนไปฟ้องผมยังมองว่าไม่เห็นช่อง ถ้าจะให้โรงเรียนไปฟ้องผมยังมองไม่เห็นช่อง ถ้าจะมองว่าหมิ่นประมาทมั้ย หนึ่งเรื่องจริง สองวิพากษ์วิจารณ์โดยสุจริต สามวิดีโอที่ได้มา เป็นวิดีโอโรงเรียนซะด้วยซ้ำ ไม่ได้ตัดต่อแต่งเติมแต่อย่างใด มีการดูหลายคน คงไม่มีใครไปนั่งคัดนั่งตัดกันตรงนั้น"
ถ้าเขาฟ้องจริง?
ทนายเจมส์ : "ผมคิดว่าเขาน่าจะฟ้องในส่วนหมิ่นประมาท น่าจะนะครับ ผมไม่รู้จริงๆ ถ้าจะฟ้องกลับ ผมว่าคงเป็นการฟ้องเพื่อสร้างอำนาจต่อรอง ในการลดทอนค่าเสียหายที่ฝ่ายผู้ปกครองเรียก ประเด็นต่อมาคือ จะฟ้องชนะมั้ยล่ะ ถ้าฟ้องเขาต้องฟ้องหลายคน"
โอกาสชนะมีมั้ย?
ทนายเจมส์ : "ในมุมกฎหมายการที่เราวิพากษ์วิจารณ์โดยสุจริต ในฐานะที่ประชาชนสามารถทำได้ ไม่ผิดหมิ่นประมาท ถามว่าพูดจริงมั้ย พูดจริง เรื่องจริงมั้ย เรื่องจริง สามารถวิพากษ์วิจารณ์ได้มั้ย โรงเรียนเขาวิพากษ์วิจารณ์ในสิ่งที่โรงเรียนประกอบกิจการให้การศึกษาและดูแลเด็กที่อยู่ในความคุ้มครอง ฉะนั้นถ้าเขาวิพากษ์วิจารณ์ในการกระทำในสิ่งที่ประกอบวิชาชีพ เป็นการวิพากษ์วิจารณ์โดยตรง ไม่ถือเป็นหมิ่นประมาท"
มีโอกาสปิดโรงเรียนได้มั้ย?
ทนายเจมส์ : "เป็นสิ่งที่กระทรวงศึกษาจะพิจารณา แต่สิ่งที่ผมมองก็คือกระทรวงศึกษาธิการน่าจะมองความเดือดร้อนของเด็กคนอื่นๆ ด้วยที่จะไปหาโรงเรียนลำบาก"
ถ้าปิดเฉพาะส่วนอนุบาลได้มั้ย?
ทนายเจมส์ : "ผมว่าน่าจะทำได้ ไม่งั้นมันจะเดือดร้อนกันหมดเลย ตอนนี้สิ่งที่ผู้ปกครองอยากได้ หนึ่ง เยียวยายังไง สองแก้ไขยังไง สามจะสร้างความเชื่อมั่นให้กลับมายังไง ที่สัญญาจะทำ เริ่มหรือยัง นี่แหละปัญหา"
แม่น้องกะทิ ที่ลูกถูกทำร้าย น้องโดนอะไร?
แม่น้องกะทิ : "น้องอยู่ห้องบี โดนครูบลูจับน้องยกกระแทกเก้าอี้ และจับมือสองข้างวางอย่างรุนแรง ซึ่งน้องไม่ได้ซนไม่ได้ทำอะไร แต่ก็ทำน้องรุนแรงมาก"
เห็นคลิปแล้วอยากทำอะไรต่อ
แม่น้องกะทิ : "มันเกิดคำถามว่าทำลูกของเราได้ยังไง ทั้งที่อยู่ในไลน์ใส่ใจดูแลลูกเราเป็นห่วงเป็นใยเด็กๆ แต่พฤติกรรมที่คุณเป็นครู เป็นแม่พิมพ์ ดูแลเด็กอนุบาล ทำได้ยังไง คำถามคำแรกคือจิตใจทำด้วยอะไร"
แม่น้องกะทิ : "ในห้องมีคุณครู 3 ท่าน หนึ่งครูประจำชั้น สองครูพี่เลี้ยง สามครูภาษาอังกฤษ ครูพี่เลี้ยงในวันเดียวกัน น้องฉี่ราด จับน้องถอดชุดนักเรียนกลางห้อง ถอดออกหมดเลย ทั้งที่มีนักเรียน มีเพื่อนผู้ชายผู้หญิงทั้งหมด 34 คน ถอดทั้งหมดแล้วเปลี่ยนชุดให้ แทนที่จะพาไปห้องน้ำล้างตัวเช็ดตัวให้น้องในห้องน้ำ ไม่ ก็จัดในที่รโหฐาน แม่มองว่าตรงนี้อนาจารค่ะ"
ทนายเจมส์ : "อนาจารต้องมีความกำหนัดด้วย ตรงนี้ผมว่าน่าไม่เข้าข่ายเท่าไหร่ แต่ว่ามันเป็นการกระทำอันควรขายหน้าต่อหน้าธารกำนัล ทำให้เด็กอับอาย ก็เป็นคดีลหุโทษทั้งหมด แต่โทษจะไปหนักในส่วนพ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก ตรงนั้นหนักกว่า"
แม่จะฟ้องมั้ย?
แม่น้องกะทิ : "ฟ้องค่ะ ฟ้องเรียบร้อยแล้วค่ะ ข้อหาทำร้ายร่างกายค่ะ"
ที่ฟ้องไป สมมติเขาขอไกล่เกลี่ยจะยอมมั้ย?
แม่น้องกะทิ : "ไม่ค่ะ ตอนนี้พาน้องไปคุยกับอัยการเรียบร้อยแล้วค่ะ ฟ้องครูบลูค่ะ ทำเท่าที่ทำได้ค่ะ ยังไม่ได้คุยกับใคร และวันนี้มีนัดคุยกับผอ."
ถ้าเขาขอไกล่เกลี่ย?
แม่น้องกะทิ : "มีเรียกประชุมกลุ่มแต่คุณแม่ไม่ได้ไป เพราะรับไม่ได้ที่ให้ลูกอยู่สภาพแบบนี้ ตัวเราเองจิตเราตก เมื่อวานน้องน่าจะทำอะไรได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่แม่เห็นภาพทุกเหตุการณ์ เห็นข่าวเห็นสื่อทุกช่อง รับไม่ได้ค่ะ"
น้องมีอะไรเปลี่ยนไปบ้าง?
แม่น้องกะทิ : "น้องก้าวร้าวค่ะ หยิกคุณแม่และบอกว่าดีด เดี๋ยวดีดเลย หยุดพูดกับฉันแบบนี้นะ ปกติน้องไม่เป็นค่ะ น้องไม่รู้จักการชี้หน้า น้องจะรู้จักแค่ผายมือ แต่พฤติกรรมทุกอย่างน้องก้าวร้าวขึ้น และตอนกลางคืนนอนร้องไห้ ลูกเราน่าจะมีประสบการณ์ดีๆ ก่อนนอน ถ้าประสบการณ์ดี ลูกคงไม่ฝ้นร้าย"
ทนายพูดเรื่องพัฒนาการเด็ก การที่ลูกเริ่มชี้หน้าคน เริ่มดีดแม่?
ทนายเจมส์ : "พัฒนาคือเรื่องสมอง ความคิด ส่วนที่เกิดขึ้นเป็นพฤติกรรมเลียนแบบ เห็นการกระทำที่รุนแรงซ้ำๆ แล้วเลียนแบบ อันนี้ผิดครับ ในทางกฎหมายคือการทารุณด้านร่างกายและจิตใจ แม้ทำสิ่งรุนแรงให้เด็กกลัว สิ่งเหล่านี้เด็กจะจำว่ามันคือเรื่องปกติ แล้วเขาจะใช้เรื่องนี้ไปทำกับคนอื่น ถ้าเขาโตขึ้นจะเป็นยังไงครับ ก้าวร้าว รุนแรง ไม่มีเหตุผล เป็นปัญหาใหญ่ของสังคม เด็กเมื่อซึบซับความรุนแรง ก็จะไม่สามารถยับยั้งชั่งใจได้ ขับรถเฉี่ยวกันนิดหน่อยก็ลงไปตีกัน นี่คือปัญหาที่ผมคิดว่าน่าจะแก้ตั้งแต่ต้น ผมเห็นด้วยที่ผู้ปกครองไม่ยอม การที่ผู้ปกครองทำแบบนี้เป็นการแสดงให้โรงเรียนอื่นเห็นด้วยว่าอย่ามาทำผ้าขาวให้มันเปื้อน เขาจะโตมาเป็นผู้ใหญ่ที่ดีในสังคมหรือไม่ อยู่ที่คุณปลูกฝังเขา"
ทนายเจมส์ : "ดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายแหละ อยู่ที่คุณแม่จะให้อภัยครูพี่เลี้ยงหรือเปล่า เพราะการให้อภัยก็เป็นเหตุหนึ่งเหมือนกันที่เขาจะขอรอลงอาญาได้ แต่พฤติกรรมทำซ้ำๆ ศาลอาจมองว่าเป็นพฤติกรรมต่อเนื่องและไม่สำนึกผิดในการกระทำ แม้จำเลยจะรับสารภาพ คำรับสารภาพนั้นไม่เป็น