ดร.อานนท์ เผยม็อบไม่ทนต่อรัฐประหาร แต่ไม่มีใครใหญ่กว่าปืน!

"อันนี้น่าสนใจ ผมได้ลองถามคนที่เป็นที่ปรึกษาม็อบปลดแอก เด็กๆ จำนวนมากเชื่อว่าการยกระดับต้องเพิ่มการใส่ร้ายป้ายสี จ้วงจาบหยาบช้ากับสถาบันให้มากที่สุดเพื่อเรียกแขกให้มากที่สุด เพื่อนำไปสู่การใช้ความรุนแรง มากกว่านี้อาจเป็นการนองเลือด การเล่นบทเป็นผู้ถูกกระทำ ถูกปราบ มีการแห่แหนศพถ้ามีการตายเกิดขึ้น ก็จะเป็นการเรียกแขก เรียกมวลชนได้ เอาความตายมาเรียกมวลชน การก่อความวุ่นวายก็เป็นการยกระดับไปเรื่อยๆ ซึ่งเด็กพวกนี้ก็มีความคิดสร้างสรรค์เพื่อให้ม็อบมีสีสัน เอาเรือเป็ดมา ลูกโป่งบอลลูนและบอกว่ากูสั่งให้มึงอยู่ใต้รัฐธรรมนูญ และเอาตราครุฑไปอยู่ใต้บอลลูน นี่คือตัวอย่างการจ้วงจาบหยาบช้า โจมตีสถาบันเพื่อเรียกมวลชนมา เขาทำอย่างจงใจ วางแผนอย่างรอบคอบ ไตร่ตรองมาก่อนอย่างดี"

เมื่อวานมีการพูดถึงกระสุนยางเยอะ มีการใช้จริงมั้ย?
"เท่าที่ทราบไม่มี ตร.ถูกสั่งห้ามใช้ความรุนแรง ห้ามโต้ตอบ ทำให้ตร.อึดอัดมาก ตร.ตัวเล็กตัวน้อยที่ถูกตร.ผู้ใหญ่สั่งมา เขาก็รู้สึกว่าทำไมสั่งให้มามือเปล่า ถูกทุบตีทำร้าย มีแค่โล่ กระบองก็ใช้ไม่ได้ ตร.ต้องหนีเป็นผู้ถูกกระทำ แต่ที่บาดเจ็บเยอะเป็นภาวะม็อบชนม็อบ เป็นภาวะตะลุมบอน จับมือใครดมไม่ได้ พอมีคนเริ่มก่อความรุนแรงมากขึ้น อีกฝ่ายก็ต้องป้องกันตัวเอง พออยู่ในฝูงชนที่มีอารมณ์โกรธและบ้าคลั่ง ทุกคนก็แสดงพฤติกรรมก้าวร้าวออกมาอย่างเต็มที่ โดยรู้สึกว่ามีความรับผิดชอบน้อยมาก เนื่องจากจับมือใครดมไม่ได้ เป็นหลายเรื่องที่คุมไม่ได้เวลาเกิดเหตุ อาจเกิดจากมือที่สาม ซึ่งเป็นใครไม่รู้ อีกฝ่ายก็บอกแกนนำจงใจให้เกิดขึ้น อีกฝ่ายก็บอกไอโอทำ บางคนบอกว่านี่มาจากซีไอเอ หรือจราจลต่างชาติที่เข้ามาปลุกปั่นความวุ่นวายภายในบ้านเมือง ก็เป็นไปได้สารพัดอย่าง"

"อันนี้ผิด เป็นการทำลายทรัพย์สินทางราชการ เอาผิดได้ บุกรุกทำลายทรัพย์สินเราก็เอาผิดได้ คนทำแบบนี้ ไม่แน่ใจว่าสำนักงานตร.แห่งชาติถ่ายวิดีโอไว้แค่ไหน และสำนักงานตร.แห่งชาติจะบังคับใช้กฎหมายให้เกิดความยุติธรรม การทำลายทรัพย์สินราชการต้องฟ้องดำเนินคดีอาญา ผมมีความเห็นว่าสุดท้ายจะโดนคดีกันเยอะ"

เห็นมีเอาน้ำตาลทรายไปหยอดใส่ถังน้ำมันรถฉีดน้ำ?
"นี่ทำโดยคนมีความรู้นะ คิดว่ามีไม่กี่คนที่รู้ว่าเอาน้ำตาลทรายไปหยดในเครื่องยนต์จะทำให้เครื่องยนต์พัง ก็เป็นความเสียหายหนักนะ รถฉีดน้ำซื้อมาสมัยคุณยิ่งลักษณ์เป็นนายกฯ ราคาน่าจะ 25 ล้าน เดี๋ยวคนไปหยอดถ้าเขาพิสูจน์ลายนิ้วมือหรือมีกล้องที่จับหน้าได้ ก็เตรียมชดใช้ไป เพราะทำลายทรัพย์สินทางราชการโดยจงใจและไตร่ตรองไว้ก่อน"

ทำไมเขากล้าทำ?
"เขาต้องการก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง อาจมาจากความโกรธ ความแค้น การทำม็อบที่ต้องการความวุ่นวายและคิดว่าจะไม่มีใครจับได้ และคิดว่าการบังคับใช้กฎหมายอาจไม่ได้ผล เขาถึงกล้าทำ"

"ผมว่าเสื้อเหลืองไม่น่าเข้าไปตรงนั้น ถ้าไม่เข้าไปก็จะไม่เกิดม็อบชนม็อบ มันอาจเป็นความอึดอัดเขาก็อยากแสดงสิทธิ์ของเขาเหมือนกัน แต่สุดท้ายเท่าที่ทราบ มีการเจรจาให้มวลชนเสื้อเหลืองออก พอออกไปได้ก็แจกน้ำส้มให้กลับบ้าน แต่ออกช้าเลยเกิดการปะทะ ถ้าเป็นไปได้ ไม่อยากให้มวลชนสองฝั่งไปชุมนุมในที่เดียวกัน ซึ่งมันเป็นเงื่อนไขนำไปสู่ความรุนแรง นองเลือดง่ายมาก เพราะสองฝ่ายมีความเชื่อที่แตกต่างกัน ถ้าจะชุมนุมก็แยกกันคนละที่จะดีกว่า"

เสื้อเหลืองบอกจะอยู่สองสามชม. แต่อยู่ถึงเย็น?
"อันนี้ก็เห็นใจแกนนำเหมือนกัน การจุดม็อบให้ติดง่ายมาก แต่การเอาม็อบลง ให้มวลชนปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดและดูแลความปลอดภัยของมวลชนให้ได้เป็นอย่างดีเป็นเรื่องที่ยากมาก มวลชนพอจุดติดแล้วจะไม่อยากกลับบ้าน ไม่อยากเลิกราจนกว่าจะได้ชัยชนะ ซึ่งจะไปบอกให้เขากลับบ้านในขณะที่อารมณ์กำลังฮึกเหิมมาก คนจัดม็อบต้องรับผิดชอบต่อมวลชนเป็นอย่างสูง และต้องรู้วิธีคุมมวลชนให้ได้ผล ต้องเข้าใจจิตวิทยามวลชน"

ที่ปะทะกันเพราะตร.บอกว่าเป็นกลาง ไม่สามารถกั้นระหว่างสองม็อบได้?
"ไม่ใช่ ตร.ถูกสั่งมาว่าห้ามใช้อาวุธใดๆ กระบองที่ถือก็ใช้ไม่ได้ ตร.ไม่ใช่ตุ๊กตายางจะได้ถูกเบียดสองฝั่ง ตร.ก็เฉยเพราะได้รับคำสั่งไม่ให้ใช้ความรุนแรง ตร.ชั้นผู้น้อยน่าสงสาร ทำหน้าที่ด้วยความยากลำบาก สมมติผมเป็นตร.ผู้น้อยถูกสั่งให้ไปอยู่ตรงกลางสองฝั่งตีกัน ผมก็เลือกเดินหนี ไม่เป็นคนกลางป้องกันการปะทะ เพราะถ้าเราจะเคลียร์ได้ก็ต้องมีฤทธิ์เดชและเขี่ยออกทั้งสองฝั่ง ทีนี้พอตร.ทำหน้าที่ได้ไม่เต็มที่ก็น่าเห็นใจตร.ชั้นผู้น้อย"

"แก๊สน้ำตาไม่ใช่อาวุธ โดยหลักเขาคงเจรจาแล้ว แต่คงเจรจาไม่รู้เรื่อง ขนาดเจรจาแกนนำเสื้อเหลืองให้รีบกลับบ้านเดี๋ยวจะไม่ปลอดภัย ยังมีปลายหางที่เคลียร์ไม่ออกแล้วเกิดเหตุปะทะ ทีนี้เจรจาไม่จบก็ขยักขึ้นมา ฉีดน้ำ ลำดับต่อไปควรเป็นรถความถี่สูง เปิดเสียงสูงดังที่หูดับ ไม่อันตราย แต่ปวดหู หูดับแล้วทนไม่ได้ต้องออกไป แล้วค่อยเป็นแก๊สน้ำตา กระสุนยาง กระบอง ต้องเริ่มจากเบาไปหาหนัก ถ้าถามผมข้ามขั้นตอนนะ แต่วันนี้ต้องเป็นรถความถี่สูงเพราะรถฉีดน้ำถูกทำลายไปแล้ว คุณก็เจอสิ่งที่หนักขึ้น"

ถ้าเจอคลื่นความถี่สูงต้องหนีไกลแค่ไหน?
"จนกว่าเสียงจะหายดัง ถ้าเขาเปิดดังมากก็เป็นกิโล เขามีสิทธิ์เปิดนะ เปิดแล้วอยู่ไมได้เหมือนกัน"

ผิดที่ใคร?
"การชุมนุมก็มีวัตถุประสงค์ชัดเจน เป็นความแตกแยกในสังคม สังคมไม่เคยแตกแยกแบบนี้มาก่อน ถึงขั้นมีสองฝ่าย ฝ่ายนึงไม่ต้องการให้มีสถาบันพระมหากษัตริย์ ภายใต้คำว่าปฏิรูป 10 ข้อ ซึ่งอ่านยังไงก็คือการล้มล้าง อีกฝ่ายบอกว่าประเทศไทยต้องมีสถาบันพระมหากษัตริย์ มันเป็นความผิดของความแตกแยกทางการเมือง ซึ่งหนักมากเวลานี้"

มีเวลาถามว่าทำไมเสื้อเหลืองไม่โดนฉีดน้ำ โดนแค่คณะราษฎร?
"เพราะพอไปเจรจากับเสื้อเหลือง เขายอมออก จบด้วยการเจรจา ถ้าคณะราษฎรยอมออก ยอมกลับบ้าน เขาอาจจะแจกน้ำอัดลม แจกน้ำส้มคนละขวด ถ้าคุณไปชุมนุมแล้วไม่ก่อความเดือดร้อนวุ่นวาย ไม่เข้าไปในเขตพระราชฐานเกิน 150 เมตร ตร.ก็ไม่มีสิทธิ์ทำอะไรคุณ คุณชุมนุมโดยไม่ผิดกฎหมาย พอเจรจาแล้วคุณออก มวลชนเสื้อเหลืองยอมออกนะ แต่ออกไม่ทัน ออกไม่หมด ก็เลยไม่โดนฉีดน้ำ แต่ลองมวลชนเสื้อเหลืองดื้อ ก็จะโดนรถฉีดน้ำ แก๊สน้ำตา"

"ทั้งรัชกาลที่ 9 และรัชกาลที่ 10 ท่านก็ไม่เคยอยู่เหนือรัฐธรรมนูญ จะทำเรื่องอะไรก็มีผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พระเจ้าอยู่หัวเป็นประมุขของชาติ ศูนย์รวมดวงใจของคนไทยทั้งชาติ ทรงใช้เป็นองค์รัฏฐาธิปัตย์ มีหน้าที่ใช้พระราชอำนาจผ่านสถาบันทั้ง 3 คือบริหาร นิติบัญญัติ ตุลาการ การกระทำใดก็ตามต้องมีผู้รับสนองพระบรมราชโองการ ตามหลักการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ดังนั้นคนที่ต้องรับผิดชอบคือคนที่เอาไปให้ท่านลงพระปรมาภิไธย แล้วเป็นคนรับว่าตัวเองเป็นคนทำและรับผิดชอบ ทั่วโลกก็เป็นแบบนี้"

ม็อบต้องการอะไร?
"นั่นน่ะสิครับ 10 ข้อเรียกร้องต้องการให้มีสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นแค่สัญลักษณ์ไม่ให้มีพระราชอำนาจใดๆ ทั้งสิ้น คนเหล่านี้มีความต้องการเปลี่ยนแปลง ล้มล้างการเมืองการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข"

มีข้อกล่าวหาว่าสถาบันมีการเซ็นรับรองรัฐประหาร 24 ครั้ง?
"รัฐประหารเสร็จแล้วทุกครั้ง พระเจ้าอยู่หัวท่านมารับทราบภายหลังและท่านต้องลงปรมาภิไธย ซึ่งไม่รู้จะทำยังไง คนเอามาให้เซ็นคือผู้รับสนองพระราชโองการ คือหัวหน้ารัฐประหารที่ต้องรับผิดชอบเอง ไม่ใช่ให้พระเจ้าอยู่หัวรับผิดชอบ และท่านก็ไม่ได้สั่ง แต่มารับรู้ภายหลัง อาการกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ก็ไม่มีใครล่วงรู้พระราชหฤทัย แต่ท่านก็ไม่รู้จะปฏิเสธยังไง เพราะคนนึงถืออำนาจรัฐและถือปืนอยู่ หลายครั้ง แม้แต่ปฏิวัติ 2475 พระเจ้าอยู่หัวไม่ได้ทรงมีทางเลือก พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวประทับอยู่หัวหิน จับเจ้านายเป็นตัวประกัน พระเจ้าอยู่หัวก็โอเค เซ็นให้คณะราษฎร ด้วยไม่ประสงค์ให้คนไทยเข่นฆ่ากันเอง เสียเลือดเนื้อ ยอมสละพระราชอำนาจ ถามว่าท่านเต็มพระทัยมั้ยก็อาจไม่ได้เต็ม เพราะ ณ เวลานั้นประเทศอาจยังไม่พร้อม นั้นคือการปฏิวัติรัฐประหารครั้งแรกของไทย พระเจ้าอยู่หัวลงพระปรมาภิไธยให้ ก็เป็นสภาพที่ท่านต้องทำ"

"ก็เป็นกระบวนการ จ้างมืออาชีพ มีคนผลิตกลยุทธ์ ผลิตสื่อ มีนักวิชาการในสังกัดเพียบ เป็นการทำเป็นระบบ ใช้มืออาชีพื และใช้เงินเป็นจำนวนมาก คนหลงเชื่อก็เป็นคนไม่ได้หาข้อมูล บางเรื่องก็ไม่ใช่เรื่องที่เปิดเผยมากเพราะเป็นเรื่องส่วนตัว อย่างเรื่องที่พูดภาษีกู แล้วบอกพระเจ้าอยู่หัวไม่จ่ายภาษีเลย แต่ท่านจ่ายทุกบาททุกสตางค์นะ ทั้งทรัพย์สินส่วนพระองค์ ส่วนพระมหากษัตริย์แต่เป็นข้อประเด็นโจมตี เป็นเฟกนิวส์ที่เยอะที่สุด สำนักราชวังเป็นหน่วยงานราชการ ทุกประเทศในโลกที่มีสำนักพระราชวังก็ใช้ภาษีรัฐบาล แล้วข้าราชการในสำนักพระราชวังก็ไม่ได้มีจำนวนมากมายอะไร ไม่ได้ใช้เงินมากมายอย่างข่าวลือ สิ่งที่ทำคือรวบรวมหน่วยงาน ซึ่งหน่วยราชการไทยจำนวนมากก็เลว เลวตรงที่ถ้าอยากได้งบก็ให้แปะคำว่าเฉลิมพระเกียรติ พอผ่านสำนักงบประมาณมักจะได้ หรือโครงการพระราชดำริ ซึ่งเป็นของหน่วยงานราชการ ไม่ใช่พระราชวัง เพราะจบไปแล้ว ทำสำเร็จแล้วก็เป็นประจำปีไป ก็เอามารวมกัน เป็นการบิดเบือนข้อมูลอย่างนึง ซึ่งไม่ใช่"

ตอนนี้โจมตีรัชกาลที่9?
"ท่านไม่อยู่แล้ว แล้วยุติธรรมเหรอที่ไปโจมตีใส่ร้ายคนไม่อยู่แล้ว แล้วท่านไม่มีสิทธิ์แก้ตัวอะไรได้เลย คนยุคนี้อาจเกิดไม่ทันได้เห็นพระราชกรณียกิจที่ทรงเสียสละ พระองค์ทรงงานหนักมาทั้งพระชนม์ชีพตั้ง 70 ปี ไม่มีใครทำงานหนักเท่านี้อีกแล้ว"

"ก็แล้วแต่คนเชื่อไม่เชื่อ เรื่องนี้เป็นเสรีภาพของเขา ไม่ว่าอะไรกัน แต่เศรษฐกิจพอเพียงที่ในหลวงร.9 ท่านทรงมาตลอดพระชนม์ชีพื เป็นตัวอย่างให้หลายหน่วยงานเอาไปไช้และประสบความสำเร็จ พิสูจน์ว่าประสบความสำเร็จแล้วในหลายๆที่ ทำให้คนอยู่รอดได้ ถ้าเราไม่พอเพียงชีวิตไม่จบหรอกครับ ไม่มีความสุขหรอก"

ม็อบต้องการให้พระมหากษัตริย์อยู่จุดไหน?
"เขาก็ไม่ต้องการให้คนเคารพ การทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์อ่อนแอ เป็นสิ่งที่นักการเมืองบางฝ่ายต้องการ เพื่อให้ตัวเองมีอำนาจ และแสวงหาผลประโยชน์มากขึ้น ถ้าสถาบันพระมหากษัตริย์มีพระบารมี การที่ต่างชาติจะเข้ามาแทรกแซงก็ยาก นักการเมืองจะเข้ามาทำอะไรก็ยาก เพราะอำนาจเกิดจากพระบารมี จากการปฏิบัติพระองค์ การที่พระองค์มีพระราชอำนาจเท่าไหร่ ประชาชนเชื่อฟังศรัทธาเท่าไหร่จะเป็นอุปสรรคต่อนักการเมืองในการแสวงหาอำนาจที่สุด"

"ถ้าปฏิรูปแบบเด็กต้องการไม่สำเร็จ แต่ถ้าถามพระเจ้าอยู่หัวในอดีตทรงปรับพระองค์เองมาโดยตลอด รัชกาลที่ 5 ทรงรับแขกเมือง ห้ามข้าราชบริพาร พระบรมวงศสนุวงศ์หมอบกราบเพราะจะรับแขกเมือง มีพระธิดาพระองค์นึงไม่เชื่อฟังยังหมอบกราบเหมือนเดิม เสด็จดึงผมให้ลุกขึ้นมายืนเฝ้า รัชกาลที่ 7 ก็ปรับพระองค์ รัชกาลที่ 9 นี่ทันสมัยใหม่ ไม่เคยมีพระเจ้าแผ่นดินพระองค์ไหนให้พรปีใหม่ประชาชนด้วยเพลงปีใหม่ รัชกาลที่ 9 พัฒนาต่อสู้กับความยากจนของประชาชนตลอดพระชนม์ชีพ กระทั่งรัชกาลที่ 10 ก็ทรงปรับพระองค์ ไม่เคยเห็นพระเจ้าแผ่นดินพระองค์ไหนเซลฟี่กับประชาชน ทรงพระอักษร ลงพระปรมาภิไธยให้ประชาชน ถามว่าท่านต้องปฏิรูปอะไร ท่านรู้พระองค์เองว่าถึงเวลาไหนต้องปรับยังไง เราไม่ต้องไปยุ่งหรอก และเป็นอย่างนี้มาโดยตลอด ถ้าคุณจะไปสั่งผมว่าไม่ใช่ ถ้าจะแนะนำก็แนะนำดีๆ ไม่ใช่ก้าวร้าว สมมติมีคนแนะนำคุณธัญญ่าแล้วด่าก่อน คุณธัญญ่าจะทำยังไง ก็เป็นสถานะที่อึดอัดนะ"

ม็อบรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ?
"สถานการณ์จะรุนแรงและไหลไปสู่การนองเลือด อย่างที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เพราะอีกฝ่ายนึงประสงค์เช่นนั้น อีกฝ่ายขาดสติและขาดความอดทน หรืออาจมีมือที่สามมาก่อสถานการณ์ ดังนั้นสถานการณ์จะจบด้วยภาวะนองเลือด รัฐก็ควบคุมใครไม่ได้เกิดภาวะรัฐล้มเหลว เกิดสภาพอนาธิปไตย สุดท้ายจะจบลงด้วยรัฐประหาร"

แต่ม็อบบอกว่าไม่ทนต่อรัฐประหาร?
"ไม่มีใครใหญ่กว่าปืนครับ ทุกคนต้องเอาชีวิตรอด ผมฟันธงว่าเป็นเช่นนั้น แต่จะอีกนานมั้ยก็ยังไม่ทราบ