พ่อแม่ ช้ำ 3 เดือน คดีลูกฉีดวัคซีนดับ เรื่องเงียบ - ทนาย อัดแพทย์สภาเข้าข้างหมอ
แม่ : "ก่อนน้องออกจากบ้านเราไม่รู้ว่าน้องมีไข้หรือเปล่า เพราะปกติน้องเป็นคนอดทนไม่ได้บอกเรา แต่น้องรู้สึกมีไข้ตอนน้องนอนพักที่โรงเรียน ในห้องก่อนฉีด แล้วเพื่อนบอกว่าจับหน้าผากน้อง น้องตัวร้อน น่าจะเป็นไข้"
ตอนเพื่อนรู้ว่าน้องเป็นไข้ น้องได้บอกครูมั้ย?
แม่ : "ไม่ได้บอก เราไม่ทราบว่าคุณครูมาซักถามหรือเปล่า"
พ่อ : "รู้แค่ว่าตอนบ่ายสองจะมีอนามัยมาฉีดวัคซีนให้น้อง"
เซ็นอนุญาตให้เซ็นฉีดวัคซีน?
พ่อ : "เป็นทางย่าที่เซ็นให้ฉีดตั้งแต่ป. 5 แต่ใบนั้นตรงบรรทัดสุดท้ายบอกว่าฉีด 2 เข็ม แต่ไม่ได้ระบุวันเวลาว่าเดือนไหน"
พ่อ : "ครูไม่ได้ตรวจวัดไข้"
แม่ : "น้องกลับบ้านไปเพลีย อาถามว่าทำอะไรมา น้องเล่าว่าฉีดวัคซีน อาก็คิดว่าไข้ขึ้นให้กินยาพารา แล้วน้องก็นอนพักผ่อน เหมือนจะดีขึ้น ตอนเย็นหนูเลิกงานก็ไปรับลูกมาอยู่ที่บ้าน ตอนนั้นน้องเดินได้ปกติ แต่พอไปรับช่วงนั้นอ้วกหนึ่งครั้ง พอกลับไปน้องก็กินข้าวได้ไม่มาก เลยให้กินยาตอนกลางคืนอีก 1 เม็ด น้องบ่นกับเราว่าแน่นหน้าอกตลอด แต่ไม่ได้ถี่มาก"
ไปรพ.ตอนไหน?
แม่ : "ฉีดวันศุกร์ เสาร์เช้าก็ปลุกลูกว่าไปโรงเรียนไหวมั้ย เป็นการเรียนชดเชยช่วงโควิดที่หยุดไป เราไปส่งเองตอน 7 โมง แล้วได้ข่าวอีกทีอาบอกว่าคุณครูมาส่งตอน 8 โมงครึ่ง น้องปากซีดหน้าซีด เราก็ไปรับลูกเพื่อพาไปรพ.ประมาณเที่ยง"
หมอว่าไงบ้าง?
แม่ : "หมอก็วัดไข้ ซักถามประวัติ เราก็บอกว่าน้องไปฉีดวัคซีนมา เขาวัดได้ 39 ไข้ขึ้นสูง ก็ให้ไปเจาะเลือดเพื่อตรวจไข้เลือดออก เราก็เล่าว่าน้องน่าจะแพ้ยานะเพราะน้องฉีดวัคซีนมะเร็งปากมดลูกมา หมอพูดกันเองว่าน่าจะแพ้ยา แต่ไปตรวจไข้เลือดออก สักพักผลก็ออกมาว่าไม่ได้เป็นไข้เลือดออก หมอก็จ่ายยาพารา ยาคลื่นไส้อาเจียน เกลือแร่ ให้กลับบ้าน อีก 3 วันนัดอีกที"
พ่อ : "วันนั้นที่ไปรักษา แพทย์เวรไม่อยู่ มีแค่พยาบาล เขาโทรคุยกับแพทย์เวรผ่านโทรศัพท์โดยไม่มีแพทย์เวรอยู่ประจำ"
แม่ : "ตอนหนูไปเจอแค่พยาบาล 3 คน แล้วกลับบ้านมา น้องกินข้าวไม่ได้ เริ่มอ้วกเยอะตอนเที่ยงคืนกว่า น้องไปสลบในห้องน้ำ พาไปส่งรพ.อีกรอบ ปั๊มหัวใจ แล้วน้องก็เสียชีวิต ตอนไปรพ. หมอไม่ได้บอกว่าเป็นอะไร เพราะมีแต่พยาบาล ไม่มีหมอเวร สงสัยแค่ 39 แล้วให้กลับบ้าน หมอที่นั่นดุ ไม่ค่อยอธิบาย"
เขาไปอาเจียนแล้วสลบไปเลย?
แม่ : "พอลูกอาเจียน 2 รอบ หนูก็เรียกน้องครีมๆ เขาเงียบไปก็เลยไปดู ก็เห็นว่าเขาสลบอยู่ ก็พาไปส่งรพ. ตอนนั้นหัวใจเต้นอ่อน พยาบาลปั๊มหัวใจน้องเลย"
สาเหตุการเสียชีวิตคืออะไร?
พ่อ : "รพ.ธรรมศาสตร์ บอกน้องติดเชื้อไวรัส และหัวใจวายเฉียบพลัน"
แม่ : "หลังจากนั้นส่งไปรพ.ตำรวจ เขาบอกว่าเสียชีวิตด้วยอาการกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ ซึ่งไม่ตรงกัน"
แม่ : "อันแรกที่เขาระบุว่าเสียชีวิตเพราะติดเชื้อไวรัส ซึ่งไมได้ระบุว่าคืออะไร แล้วไวรัสตัวนี้น้องเสียชีวิตภายใน 1 วันเลยเหรอ แล้วพอรพ.ที่สองบอกกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ แล้วสาเหตุจากกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบคืออะไร เราก็ไม่ได้คำตอบ"
พ่อ : "หลังจากผลชันสูตรรพ.ธรรมศาสตร์ ระบุไม่ชัดเจน เจ้าหน้าที่ตร.ก็นัดแพทย์เพื่อสอบข้อมูลเพิ่ม ทางเราก็ตั้งคำถามให้ตร.ไปถามให้ด้วยว่าเป็นเชื้อไวรัสอะไร เจ้าหน้าที่ตร.ได้สอบถามว่าเป็นเชื้อไวรัสอะไร แต่ทางแพทย์บอกไม่ได้ บอกว่าตอนเด็กยังมีชีวิต ต้องเจาะเลือดตอนมีชีวิต และต้องรอผล 5-7 วันถึงรู้ว่าเป็นไวรัสอะไร"
แม่ : "ซึ่งน้องเสียชีวิตไปแล้ว แต่คุณมาบอกว่าต้องตรวจตอนเสียชีวิต มันไม่ใช่มั้ยคะ"
ทำไมส่งไปตรวจชันสูตรอีกรอบ?
แม่ : "เราคิดว่ารพ. ตำรวจน่าจะละเอียดที่สุด"
พ่อ : "ก็ระบุว่ากล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ"
แม่ : "ก็ยังไม่ชัดเจน ไม่เกี่ยวกับวัคซีน"
น้องมีโรคประจำตัวมาก่อนมั้ย?
แม่ : "ไม่เคยค่ะ น้องแข็งแรง น้องไม่เคยนอนรพ. เป็นหวัดธรรมดา แพ้ยาไม่เคยค่ะ ตามประวัติไม่มี"
พอผลรอบสองออกมา รู้สึกยังไง?
พ่อ : "เรามีข้อคาใจหลายอย่าง เราก็วิงไปยื่นเรื่องทุกหน่วยงาน แพทย์สภา กระทรวงรัฐมนตรีสาธารณสุข"
ได้กลับไปบอกโรงเรียนมั้ยว่าน้องเสียชีวิต?
พ่อ : "เขารู้ตั้งแต่วันแรกที่เสียชีวิต"
แม่ : "ครั้งแรกเรารู้สึกว่าใช่ เพราะน้องเป็นนักเรียน อยู่ในการอุปการะของคุณครูในช่วงนั้น ครูเป็นผู้ปกครองแล้ว ต้องดูแลน้อง"
หมอบอกว่าจริงๆ การมีไข้ไม่ควรฉีดวัคซีน ต้องหยุดให้หายไข้ก่อนแล้วค่อยฉีด?
แม่ : "อันนี้เราถามโรงเรียนตั้งแต่แรกเลยว่าก่อนฉีดมีการวัดไข้มั้ย ตอนแรกเขาไม่ตอบ เขาเดินหนีเรา ไม่บอกว่าวัดหรือไม่วัด จนเราไปแจ้งความ เขาก็บอกว่าไม่ได้วัดไข้ เพราะทุกคนเป็นพยาน ไม่ได้วัดไข้ ไม่มีการวัดความดัน วัดไข้ ให้น้องถกแขนเสื้อรอฉีดวัคซีน"
โรงเรียนแสดงความรับผิดชอบยังไง?
แม่ : "พอเป็นข่าวคืนที่สองเขาถึงมาช่วยงานศพ แต่ไม่ได้อธิบายอะไร"
คิดว่าการที่โรงเรียนละเลยหลายๆ ขั้นตอน เป็นสาเหตุให้น้องเสียชีวิตมั้ย?
พ่อ : "แต่ทางโรงเรียนปัดไปที่สาธารณสุขที่เป็นคนมาฉีด"
แม่ : "ที่มาฉีดเป็นอนามัยตำบลมาฉีด เขาบอกว่าไม่ได้วัด เขาดูจากสายตา เป็นวิชาชีพของเขาที่เรียนมา"
วันนี้นำศพไปสาธารณสุข?
แม่ : "เพื่อขอความเป็นธรรม"
พ่อ : "86 วันแล้ว น่าจะชัดเจนกับครอบครัวผมได้แล้ว เกือบ 3 เดือนแล้วน่าจะมีคำตอบ"
แม่ : "3 เดือนที่ผ่านมาเราเดินเรื่องกันเอง ไม่มีใครให้คำปรึกษาอะไรเรา"
พ่อ : "เขาไม่มีคำตอบให้ เราเอาโลงไป ศพน้องอยู่ที่วัด"
แม่ : "เขาไม่มีคำตอบอะไรให้เรา ต้องรอไกล่เกลี่ย ต้องเรียกสาธารณสุข รพ. มาคุยสรุปกันอีก"
วันศุกร์นี้จะเรียกเจ้าหน้าที่อนามัยที่ฉีดยามาคุยกัน ใครเรียกให้?
พ่อ : "สาธารณสุขจังหวัดนัดอนามัยและรพ. เพื่อมานั่งคุยกัน"
ติดใจอะไรในส่วนรพ.?
แม่ : "ตั้งแต่เราไปเลยดีกว่า เขาถามประวัติเรา เราก็เล่าแล้ว่าไปฉีดอะไรมา เราพูดเลยว่าน้องอาจแพ้ยา แต่ทำไมคุณพยาบาลมุ่งเน้นแค่ตรวจไข้เลือดออก ทั้งที่เราบอกว่าน้องน่าจะแพ้ยา คุณน่าจะตรวจเพิ่มว่าเกิดจากสาเหตุอะไร"
พ่อ : "เพราะตรวจวัดไข้แล้ว ไข้สูงตั้ง 39 องศา ทำไมไม่ให้นอนรพ."
แม่ : "ปกติโควิด 37 ยังไม่ได้เลย แต่นี่ 39 เขาให้น้องกลับบ้าน ถ้าวันนั้นน้องได้นอนรพ. การช่วยเหลือน้องน่าจะไวกว่านี้"
หมอสิทธา : "ไม่ควรมีไข้ เพราะถ้ามีไข้นอกจากสร้างภูมิไม่ได้แล้ว ยังต้องเอาภูมิคุ้มกันมารักษาตัวเองด้วย ถ้าฉีดตอนเป็นไข้จะหนักกว่าเดิม สมมติเป็นไข้หวัดก็เป็นเชื้่อไวรัส แล้วยังรับเชื้อไวรัสมะเร็งปากมดลูกเข้าไปอีก ดังนั้นไวรัสเจอไวรัส ก็จะทำให้ร่างกายหนักขึ้นได้"
เป็นไข้ไม่ควรฉีดวัคซีน?
หมอสิทธา : "ครับ ทั้งเด็กและผู้ใหญ่เลย จำเป็นต้องตรวจก่อนว่ามีไข้หรือเปล่า ความดันไม่สำคัญเท่าไข้นะ เพราะเกี่ยวกับเรื่องการติดเชื้อ ภูมิต้านทาน เรื่องไข้สำคัญมาก"
คิดว่าสาเหตุการเสียชีวิตของน้องเป็นยังไง?
หมอสิทธา : "เรื่องวัคซีนมะเร็งปากมดลูก ทำไมเขาถึงมาให้ในเด็ก เพราะว่าการกระตุ้นวัคซีนเข็มแรก ก่อนมีเพศสัมพันธ์ เฟิร์สคิส กระตุ้นภูมิได้ดีที่สุด ดังนั้นวัคซีนนี้ยังไงก็จำเป็น แต่การไปฉีดตอนมีไข้สำคัญเพราะตอนมีไข้ประเด็นที่หนึ่งอุณหภูมิร่างกายสูงขึ้น หัวใจเต้นแรงและเร็ว พอฉีดเข้าไปอีก อาจทำให้หัวใจเต้นแรงและเร็วกว่าเดิมอีกเพราะหลอดเลือดขยาย พอหัวใจเต้นแรงและเร็วกว่าเดิม เลือดไปทั่วร่างกายไม่ได้ มีโอกาสทำให้หัวใจขาดเลือด หรือหัวใจเต้นพลิ้วผิดจังหวะก็ได้ สองการติดเชื้อจะมากขึ้น การที่รพ.ทั้งสองบอกว่ากล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ กับกล้ามเนื้อหัวใจติดเชื้อไวรัสไม่ค่อยจะต่างกัน เพราะสาเหตุก็เกิดจากการมีไข้แล้วไปฉีด"
แสดงว่าสาเหตุหลักน่าจะมาจากการมีไข้แล้วได้รับเชื้อไวรัสเพิ่มเข้าไป?
หมอสิทธา : "ถูกต้อง ซึ่งไม่รู้ว่าไวรัสนั้นคืออะไร การตรวจไข้สำคัญมาก อีกประเด็นคือภูมิต้านทาน ถ้าน้องไม่เคยแอดมิท ไม่มีโรคประจำตัวอื่นๆ ก็ไม่ค่อยน่าห่วง แต่สิ่งที่น่ากังวลคือการที่ไปรับวัคซีนตอนมีไข้นี่แหละ และเรื่องที่คนสงสัยว่าแพ้ยา แพ้วัคซีนหรือเปล่า โอกาสแพ้จริงๆ ถ้าเทียบในสถิติ เขาบอกว่าเจอแค่ 3 ในล้านคน และในคนไทยไม่เคยเจอด้วย ฉะนั้นการที่รพ.ต่างๆ รับแล้วสเจอเคสแบบนี้ เขาเลยคิดว่าไม่น่าจะแพ้ตัวนี้ วัคซีนตัวนี้ค่อนข้างปลอดภัยสูง ผู้ชายยังฉีดได้เลย แพ้คือถ้ารับวัคซีนไปแล้วไม่นานต้องมีอาการ ไม่ถึงชม.นะครับ ต้องมีอาการบวมแดง หายใจไม่ออก คลื่นไส้อาเจียน หรือเป็นลมหมดสติ ต้องไม่นาน ไม่ถึงชม. นี่คืออาการแพ้"
หมอสิทธา : "ดูยากนะครับ ดูคนทั่วไปแล้วบอกว่าหน้าไม่แดงไม่เป็นไข้ ไม่ใช่หรอก จริงๆ ต้องมีเครื่องวัดไข้"
อาการน้องแน่นหน้าอก มีอาเจียน ไปรพ. วัดไข้ได้ 39 ต้องปล่อยกลับบ้านมั้ย?
หมอสิทธา : "ถ้าอยู่แผนกห้องฉุกเฉิน ต้องดูแลลดไข้ให้เรียบร้อยก่อน ให้ผู้ป่วยไม่อยู่ในภาวะวิกฤตก่อน เพราะ 39 นี่มีโอกาสชักสูง ต้องลดไข้ให้ได้ ทำให้อาการคลื่นไส้อาเจียนดีขึ้นก่อน ตามหลักที่ถูกต้อง"
เรื่องแพ้ยาตัดไป รพ.ต่างจังหวัด กรณีหมอใหญ่ไม่อยู่ พยาบาลมีอำนาจในการรักษาแล้วส่งกลับบ้านได้ด้วยตัวเองหรือเปล่า?
หมอสิทธา : "พยาบาลไม่ได้สรุปเคสเอง หมอเวรจะเป็นคนสรุปว่าให้กลับบ้านหรือแอดมิทต่อ"
จะแนะนำคุณพ่อคุณแม่ยังไง?
หมอสิทธา : "ก็ไม่อยากให้กลัวหรือบอกคนอื่นต่อว่าอย่าไปฉีดวัคซีนนะ เพราะจริงๆ แล้วอย่างที่บอกยังมีความปลอดภัยสูง ไม่ว่าลูกใครก็ตามถ้าได้รับวัคซีน สามคำสำคัญที่อยากให้ท่องเป็นสูตร ใครไข่ไข้ ต้องไม่แพ้ยา มีภูมิต้านทานดีพอ และไม่ใช่โรคที่มีภูมิต้านทานต่ำ จนรับวัคซีนหรือรับเชื้ออะไรเพิ่มไม่ได้ ไข่คือห้ามแพ้ไข้ และถ้ามีไข้สูงห้ามฉีด เช็กตัวเอง"
แล้วจากเคสนี้?
หมอสิทธา : "ไม่น่าจะเกิดจากการแพ้ยา ฉีดวัคซีนตัวนี้ไม่น่าจะเป็นคนแพ้เจ้าวัคซีนมะเร็งปากมดลูก แต่คิดว่าอาจมีเชื้ออะไรมาก่อนที่ทำให้มีไข้ แล้วไปรับวัคซีนเพิ่มเติม ทำให้ร่างกายเกิดการต่อต้าน มีการติดเชื้อมากขึ้น แล้วทำให้กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ กล้ามเนื้อหัวใจติดเชื้อได้นั่นเอง"
ทนาย : "ให้คำแนะนำมากกว่า ต้องชื่นชมคุณพ่อคุณแม่ว่าเป็นนักต่อสู้ เขาดำเนินการด้วยตัวเองเกือบทุกขั้นตอน ในช่วงนี้เป็นเรื่องการร้องขอความเป็นธรรม มีการแจ้งความร้องทุกข์ไปแล้ว อยู่ในระหว่างรอผลว่าเป็นความผิดหน่วยงานใด ก็เข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายต่อไป"
ช้าเพราะอะไร?
ทนาย : "เรื่องการร้องขอความเป็นธรรม ความชัดเจนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะหน่วยงานสาธารณสุขหรือสาธารณสุขจังหวัด ไม่ทราบว่าเหตุใดถึงล่าช้า หน่วยราชการเองก็ต้องยอมรับว่าล่าช้าจริง ผมถือว่านานเกินไป เป็นทุกข์ของราษฎรคนหนึ่ง"
เป็นลูกคนเดียวแล้วเสียชีวิตมาเกือบ 90 วัน เอาผิดใครไม่ได้เลย?
ทนาย : "เอาผิดใครได้หรือไม่ได้ ไม่ใช่คำตอบ ความชัดเจนควรมีให้พ่อแม่ ผู้สูญเสียได้แล้ว อาจหาข้อเท็จจริงให้เป็นที่ชัดแจ้งว่าหน่วยงานไหนหรือใครต้องรับผิดชอบ เราไม่ได้หมายความว่าต้องไปปรักปรำเอาผิดใคร แต่ถ้ามันผิดก็ต้องมีคนผิด ขอให้ถูกต้องและชัดเจน แต่ไม่มีการทำอะไรสักอย่าง เมื่อมีการร้องเรียน ควรตั้งกรรมการสอบตั้งนานแล้ว ถ้าไม่ออกสื่อก็ไม่ทำอะไร ออกสื่อไปหลายรอบแล้วก็ไม่ทำอะไร"
ศพน้องไม่ได้ทำพิธีทางศาสนาเลย?
พ่อ : "ยังอยู่ที่วัด เฝ้ากันอยู่ทุกคืน ทางเราอยากให้ลูกได้ความเป็นธรรมก่อนเผาศพ"
แม่ : "เราบอกลูกทุกวัน ยังไงจะเอาความเป็นธรรมมาให้น้อง ให้เร็วที่สุด ถึงเดินเรื่องตลอด"
ตอนนี้ใครน่าจะออกมาฟันธงได้ ว่าหน่วยงานไหนบกพร่อง?
ทนาย : "อยากให้มีหน่วยงานกลาง แพทย์สภาส่วนตัวผมไม่ค่อยประทับใจ คณะกรรมการบางคน เคยให้สัมภาษณ์และเคยให้ในเคสอื่นที่ผมเป็นทนาย เอียงไปทางคุณหมอด้วยซ้ำ ออกมาเพื่ออะไรผมก็ไม่ทราบ ผมเลยคิดว่าควรมีแพทย์ส่วนหนึ่ง และมีหน่วยงานอื่นประกอบกันบ้าง แต่ท่านไม่ทำอะไรไงครับ แต่นี่เขาไม่รู้ต้องรออีกนานแค่ไหน เอาง่ายๆ 80 กว่าวันที่ผ่านมา รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขไม่อยู่ ใครควรมีอำนาจแทนบ้าง หนังสือที่ไปถึงรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขก็อยู่บนโต๊ะท่าน ท่านไม่อ่าน คนอื่นอ่านแทนได้มั้ย สิ่งเหล่านี้คือชาวบ้านเดือดร้อน แล้วท่านรับปากว่าจะมาช่วยดูแลความเป็นอยู่ของประชาชน ศพหนึ่งศพ หรือหนึ่งวิญญาณเขาก็รออยู่"