อรรถวิชช์ ชี้ ใครทำรัฐประหารตอนนี้ถือว่าโง่! แจงความจริงละเอียด

มันเกิดวาทกรรมว่านี่คือกองทัพพระราชา เอาไว้ปราบประชาชน?
"ผมว่าประวัติศาสตร์ทหารที่ทำต่อประชาชนก็มีให้เห็นเหมือนกัน แต่อย่าเอามาปนกัน คนละเรื่องกัน การถวายงานอารักขาองค์ประมุขเป็นเรื่องสำคัญ ประเทศชาติเรามี 3 สี สีน้ำเงิน สีขาว สีแดง น้ำเงินคือสีองค์พระมหากษัตริย์ เป็นองคืประกอบของชาติ ถ้าไม่มีสีนี้ ไม่มีพระมหากษัติรย์ ไม่มีชาติไทย การถวายงานอารักขาองคืประมุขเป็นเรื่องปกติ แม้แต่ประธานาธิบดี เขาก็มีกองงาน ซึ่งดูแลประธานาธิบดีโดยเฉพาะเหมือนกัน ผมว่ากระดุมเม็ดนี้สำคัญนะ น้องๆ ฟังนะ เราฟังซึ่งกันและกัน บางคนเชื่อแค่ว่ามนุษย์เท่าเทียมกัน แต่ยังไงคนก็ไม่เท่าเทียมกันโดยธรรมชาติ เกิดมาสูงต่ำดำขาวก็ไม่เท่ากัน ผมว่าไปทีละประเด็นก่อน ถ้าเข้าใจว่าคนไม่เท่ากัน และคนมีความแตกต่างกัน ต้องเคารพซึ่งกันและกัน และเคารพในหน้าที่ซึ่งมันแตกต่าง ถ้าเข้าใจตรงนี้ก่อน สังคมไม่ทะเลาะกัน"

ตอนนี้เริ่มมีการพูดว่าเขามาชุมนุมซ้อมรัฐประหาร มีกลิ่นอายอะไรเหรอ ถึงขั้นพูดว่าต้องฝึกทำคาร์บอมสกัดทหาร?
"ผมคิดว่าสิ่งที่ทำให้ม็อบน้องๆ ด้อยประสิทธิภาพลงไป คือการไปพูดเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่สิ่งที่น้องๆ เพิ่มประสิทธิภาพได้คือการพูดเรื่องประชาธิปไตย พอคนจะไปเพื่อประชาธิปไตยแต่ไปไม่ได้เพราะรักพระเจ้าอยู่หัว ตอนนี้อยู่ยากนะ ถ้าเราบอกว่ารักประชาธิปไตย เราจะกลายเป็นชังชาติหรือเปล่า หรือเราบอกว่าเรารักพระเจ้าอยู่หัวเราจะกลายเป็นขวาสุดโต่งหรือเปล่า เป็นไดโนเสาร์ สลิ่มหรือเปล่า ซึ่งผมมองว่ามันธรรมชาติมากเลยนะ ที่จะรักพระเจ้าอยู่หัวและประชาธิปไตยพร้อมกัน แต่กลุ่มน้องๆ คนจะเริ่มถอยไปเรื่อยๆ การให้ข้อมูลเป็นสิ่งสำคัญ เวลาน้องพูดเรื่องพระเจ้าอยู่หัว น้องใส่มาเต็มที่ แต่ฝั่งที่จะไปแก้ไม่ค่อยกล้าแก้ เพราะอย่าลืมว่าเวลาไขข้อความเดิมต่อมันผิดกฎหมายนะ"

เวลาเราบอกว่าคนพวกนั้นล่วงล้ำก้ำเกิน ไม่สามารถไปซ้ำสิ่งที่พวกเขาล่วงล้ำก้ำเกินได้ แล้วจะชี้แจงยังไง?
"อันนี้คือความยาก ขณะที่โลกโซเชียลมีเดีย เห็นใครเห็นมัน เจนไหนก็อยู่ในกลุ่มที่เจนตัวเองยากเห็น"

ปัญหาคือเขาไม่เปิดรับเรา เราไม่ได้ไม่พยายาม เราโพสต์ข้อความทำรายการวิทยุ เขียนบทความในหนังสือพิมพ์ แต่เขาไม่เปิดรับ ทำไงดี?
"ผมว่าต้องใจเย็นๆ หน่อยในการให้ข้อมูล พยายามหน่อยครับ ยากก็ต้องให้ มันจำเป็น"

พระคลังข้างที่คือสมบัติส่วนพระองค์ ไม่ใช่สมบัติประเทศ แต่คณะราษฎรไปจัดการเปลี่ยแปลงสมบัติส่วพระองค์อย่างไร?
"ให้เป็นกรม 1 กรม ในราชการส่วนกลาง การจัดการก็ว่ากันไปด้วยกฎหมายเพราะออกกฎหมายกำกับ ทีนี้ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ เป็นกฎหมายใหม่ ปี 2479 แบ่งเป็น 3 ประเภท คือทรัพย์สินส่วนพระองค์ หมายความว่าที่เป็นของท่าน ที่มีใครให้มาก่อนหน้านี้ก็เป็นของพระองค์แท้ๆ อันที่สองเขาเรียกส่วนสาธารณะสมบัติ คนนิยามคือจอมพลป.นะ ส่วนสาธารณะสมบัติคืออะไร คือพระราชวัง ส่วนที่สามคือส่วนพระมหากษัตริย์ ตัวในหลวงท่านมีของที่สืบจากตระกูลท่านมา อันที่ 3 คือมรดกบูรพกษัตริย์พระองค์อื่น คนเป็นกษัตริย์เท่านั้นจะได้ใช้อันนี้ พอมายุครัชกาลที่ 9 ปี 2491 มีการเปลี่ยนแปลงกฎหมายฉบับนี้อีกครัง ในหลวงร.9 ท่านเอากลับมาบริหาร เอากลับจากที่จอมพลป.เอาไปยังไง ท่านเอากลับมาบริหารที่เรียกว่าส่วนทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ เพราะจากเดิมที่เป็นส่วนงานราชการภายในที่มีนายกรัฐมนตรีกำกับดูแลท่านเอามาตั้งเป็นนิติบุคคลต่างหาก"

เทียบเท่ากับสวนลุม เพราะท่านทรงมองเห็นว่าสวนลุมแน่นเกินไปแล้ว จำเป็นต้องมีพื้นที่เพิ่ม?

"ที่คลุมเครือๆ ไปอยู่กับพระองค์ท่าน เป็นหน่วยงานราชการตั้งอยู่ ท่านก็พระราชทานให้นะ บางส่วนเป็นทหาร บางส่วนเป็นตำรวจ รวมถึงมหาวิทยาลัยราชภัฎ สวนดุสิต สุนันทา จากที่เช่าก็เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ได้โฉนดไปชัดเจนไปเลย ผมรู้ว่าความกังวลของน้องๆ คืออะไร เรียนย้ำอีกครั้ง ในตัวกฎหมายฉบับนี้มีแบ่งทรัพย์เป็นสองกองไว้แล้ว อย่าไปกังวลนะ ในกฎหมายมีทรัพย์ในพระองค์ส่วนหนึ่ง นี่กฎหมายใหม่เลยนะ ถึงแม้เป็นชื่อพระองค์ท่าน พระองค์ท่านสวมหมวกสองใบ ทรัพย์ในพระองค์ท่านส่วนหนึ่ง กับทรัพย์ส่วนพระมหากษัตริย์อีกส่วนหนึ่ง แล้วกฎหมายพวกนี้ไม่เหมือนคนธรรมดา พระองค์ท่านออกตราเป็นกฎหมาย อย่ากังวลนะครับ ใน 2475 เราไม่รู้ว่าราชสกุลไหนจะขึ้นมาเป็นกษัตริย์ มหิดลมั้ย บริพัทรมั้ย ยุคลมั้ย แต่ตอนนี้ความเข็มแข็งสายตระกูลมหิดลชัดเจนนะครับ ว่าใครจะขึ้นยังไง วิธีการทำในวันนั้นกับวันนี้ไม่เหมือนกัน แต่ไม่ต้องกังวลอีก เพราะในทางบัญชีมันแยกครับ แม้หน่วยงานมีการรวม แต่บัญชีแยก เกิดว่ามีอุบัติเหตุจริงๆ ในอนาคตยังไงก็แล้วแต่ยังแยกได้อยู่ดี ว่าอันไหนเป็นส่วนพระมหากษัตริย์ อันไหนเป็นส่วนในพระองค์"

ครั้งนึงเขาบอกเขามาซ้อมต่อตานรัฐประหาร ตกลงจะเกิดจริงเหรอ?
"ผมว่าถ้าเกิดก็เป็นการฆ่าตัวตายทางการเมือง ถ้าทำก็โง่เลย เพราะการชุมนุมขณะนี้จำกัดหมวดนะ อย่างผมไม่ชอบการทำรัฐประหาร แต่ถามว่าผมจะไปร่วมชุมนุมมั้ย ผมไม่ไปเด็ดขาด เพราะผมรักพระเจ้าอยู่หัว รักสถาบัน แต่ถ้าเกิดมีการผสมโรงกลับเข้าไปอันนี้ยุ่งนะ ขอร้องอย่าทำ"

พฤติกรรมของเขาเหมือนยั่วยุให้เกิดการทำรัฐประหาร?
"คงต้องการให้เกมเปลี่ยน เพราะถ้าพลเอกประยุทธ์ลาออกหรือหลุดไปซะก็คงทำให้เกมเปลี่ยน ซึ่งยาก ผมว่าท่านนายกฯ เอง ยังไงก็ต้องไปให้พ้นฝั่งให้ได้ เพราะบ้านเมืองมันอยู่ในช่วงล่อแหลม ผมกลับมองว่ามันแปลกนะ ก่อนเกิดม็อบสถานะพลเอกประยุทธ์ก็ร่อแร่เหมือนกันนะ เพราะเศรษฐกิจเองมันไม่เข้าเป้า แต่พอเรื่องนี้ ท่านต้องอยู่ก่อน ท่านต้องเคลียร์เรื่องนี้ก่อน เพราะไม่งั้นบ้านเมืองระส่ำระสาย ก็แปลกนะ บางทีตั้งใจอีกอย่างแต่ได้อีกอย่าง"

กรณีพลเอกเปรมก็เคยมีเรื่องนี้เกิดขึ้น?
"มันมีโอกาสที่จะหลุด มีโอกาสที่ท่านไม่หลุดจากตำแหน่งจะสูงกว่า ต่างจากเอกชนจ่ายค่าจ้าง เพราะรับจากเอกชนก็ต้องเกรงใจเขา แต่อันนี้มาจากหลวง ซึ่งท่านย้ายจากบ้านพิษณุโลก มาอยู่ร. 1 ผมว่าเรื่องนี้ประเด็นยิบย่อย"

ทำไมเวลานี้เขาถึงพูดคำว่ารัฐประหารบ่อยมาก มีกลิ่นอายตรงไหน มีความจริงเชิงประจักษ์ตรงไหน นอกเหนือจากฮ.บินต่ำ?
"ผมไม่เชื่อเด็ดขาดว่ามีการทำรัฐประหาร ถ้าทำรัฐประหาร เป็นการฆ่าตัวตายชัดๆ ของคนทำรัฐประหาร ผมเชื่อว่าปลูกอะไรก็ได้กินอันนั้น กลไกกฎหมายบ้านเมืองมีอยู่ ก็ให้มันเป็นไปตามขั้นตอน อย่าลัดขั้นตอนให้มีปัญหาอีก"

เขาบอกจะยกระดับ จะยกไปตรงไหน?
"ก็ต้องระวังนะครับ และฝากผู้ปกครองด้วย ปลูกอะไรก็ได้อันนั้น ตอนหลังมีเรื่องคดีตามมาด้วย ไปทำสิ่งไม่ควรก็มีเรื่องตามมา เวลาไปเหยียบย่ำสถาบัน มันมีภัยอย่างอื่นที่จะตามมาโดยเราไม่รู้ตัวนะ เช่นเรางงเดินอยู่ถนน เราอาจโดนทำร้ายได้ เพราะเราไปเหยียบย่ำน้ำใจเขา เราเดินหาเสียงอยู่ดีๆ ก็ถูกโห่ไล่ได้ เพราะเราไปเหยียบย่ำน้ำใจเขา แล้วการปลูกฝังความเกลียดชังแบบนี้ มันจบที่รุ่นเราตรงไหนครับ มันคือการไปต่อแล้วต่ออีก ขัดแย้ง รุนแรง รัฐประหาร เลือกตั้ง เป็นวงจรอุบาทว์ เจอตั้่งแต่ยุคคุณพ่อ รุ่นอาจารย์ ถ้าอยากจบที่รุ่นเรา ทำให้ถูกที่ถูกทาง สู้ให้ถูกทาง อย่าไปยุ่งกับสถาบัน"

คิดว่าเรื่องนี้จะจบยังไง?
"ถ้ายังโจมตีสถาบันแบบนี้ ผมคิด่วาจะแผ่วลงตามลำดับและขั้นตอนตามกฎหมายจะถูกดำเนินการ เกิดคดีหลังการชุมนุม เรื่องไหนคิดว่าเป็นเรื่องหลักของมวลชนก็สู้ตรงนี้ แต่เรื่องไหนที่คิดว่าย่ำยีจิตใจคนอื่นเรื่องการหมิ่นสถาบัน