ไอติม ปะทะ ไพบูลย์ ปิด บิ๊กเมาน์เท่น โรคระบาดหรือการเมือง!?
หน้าแรกTeeNee คลิปเด็ด ข่าว เหตุการณ์ การเมือง ไอติม ปะทะ ไพบูลย์ ปิด บิ๊กเมาน์เท่น โรคระบาดหรือการเมือง!?
รายการเรื่องลับมาก ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 14.20 - 15.00 น.ทางเนชั่นทีวี ช่อง 22 วันนี้ (14 ธ.ค.) ดร.เสรี วงษ์มณฑา สัมภาษณ์ ไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ และ ไอติม พริษฐ์ วัชรสินธุ ผู้ก่อตั้งกลุ่มรัฐธรรมนูญก้าวหน้า กรณีผู้ว่าฯ โคราช สั่งปิดสถานที่จัดงานบิ๊กเมาน์เท่น หวั่นเสี่ยงต่อการแพร่โรคติดต่ออันตราย จนทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในสังคม
ติดตามเรื่องบิ๊กเมาน์เท่นยังไงบ้าง
ไพบูลย์ : ได้รับทราบว่ามีการจัดแสดงที่ปากช่อง มีปัญหาเรื่องการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด ซึ่งเป็นธรรดา คนไปชุมนุมตั้งหลายหมื่น แล้วไปร้องเพลง แสดงออก ก็กระจายเชื้อโรคได้ เมื่อเขาใช้พ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่อ ผู้ว่าฯ ก็ออกคำสั่งไม่ให้จัด ก็เป็นไปตามกฎหมาย ขืนให้จัดไปก็เป็นเหมือนการจัดคอนเสิร์ตที่สหรัฐอเมริกา จะแพร่ระบาด ออกไปเยอะแยะมหาศาล ในไทยก็เทียบกับสนามมวยลุมพินี ถ้าภายหลังมีการแพร่ระบาดขึ้นมา ผู้ว่าฯ นครราชสีมาตายแน่ ที่เขาสั่งปิดก็เหมาะสม
ไอติมมองยังไง
ไอติม : ผมว่าเรื่องการพิจารณาว่าปิดหรือไม่ปิด คงต้องพึ่งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อดูว่าการควบคุมโรคเป็นอย่างไร แต่เข้าใจว่าในงานบิ๊กเมาน์เท่นคือมีการสังมาตรการป้องกันก่อนในวันที่ 1 และมาประเมินดูว่ามาตรการป้องกันที่เขาดำเนินการตรงตามที่มาตรการทางรัฐวางไว้หรือไม่ เรื่องการควรจัดให้มีงานแบบนี้หรือไม่ ควรต้องพึ่งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ แต่ผมคิดว่าสิ่งที่เป็นประเด็นและใจความสำคัญของเสียงวิพากษ์วิจารณ์คือเรื่องสองมาตรฐาน ที่หลายคนตั้งข้อสงสัย ผมมองว่าเป็นการตั้งคำถามในสองมิติ มิติที่หนึ่งไม่เกี่ยวกับการเมืองเลย เป็นการตั้งคำถามว่าเราจะตั้งกฎเกณฑ์อย่างไรว่าเราควรจัดได้หรือไม่ได้ เพราะมีการแชร์ภาพที่เราเห็นมีงานบางอย่างมีการรวมตัวกัน มีการร้องเพลงคล้ายๆ กัน ทำไมจัดได้ แต่ทำไมบิ๊กเมาน์เท่นจัดไม่ได้ ทำให้หลายคนย้อนภาพคิดไปถึงสมัยตอนทหารอียิปต์และทูตซูดาน ที่หลุดมาได้ เขาก็มองเรื่องสองมาตรฐานในการจัดการ ควบคุมโรค ว่าทำไมมีพ.ร.ก.ฉุกเฉินให้ประชาชนใช้อย่างเคร่งครัด ถึงขั้นโรงเรียนไม่สามารถเปิดเทอมได้ แต่ทำไมมีอีกกลุ่มถึงหลุดจากมาตรการตรงนี้ได้ เป็นเรื่องสองมาตรฐาน
คุณไพบูลย์มองยังไง
ไพบูลย์ : คงมองอย่างนั้นไม่ได้ เพราะบิ๊กเมาน์เท่นจัดที่ปากช่อง มีลักษณะเฉพาะตัว คือไปจัดในที่เปิด ไม่ได้เปิดในสถานที่ปิด อย่างนครราชสีมา ได้ร่วมกันพิจารณาแล้วว่าต้องหยุดยั้งไว้
เขามีหมอร่วมด้วยมั้ยตอนพิจารณาสั่งปิด
ไพบูลย์ : มีอยู่แล้ว เขาใช้พ.ร.บ. กรมควบคุมโรคติดต่อ หลักใหญ่คือหมอเสมอ ผู้ว่าฯ จะไปสั่งปิดเองไม่ได้อยู่แล้ว
ติดตามเรื่องบิ๊กเมาน์เท่นยังไงบ้าง
ไพบูลย์ : ได้รับทราบว่ามีการจัดแสดงที่ปากช่อง มีปัญหาเรื่องการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด ซึ่งเป็นธรรดา คนไปชุมนุมตั้งหลายหมื่น แล้วไปร้องเพลง แสดงออก ก็กระจายเชื้อโรคได้ เมื่อเขาใช้พ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่อ ผู้ว่าฯ ก็ออกคำสั่งไม่ให้จัด ก็เป็นไปตามกฎหมาย ขืนให้จัดไปก็เป็นเหมือนการจัดคอนเสิร์ตที่สหรัฐอเมริกา จะแพร่ระบาด ออกไปเยอะแยะมหาศาล ในไทยก็เทียบกับสนามมวยลุมพินี ถ้าภายหลังมีการแพร่ระบาดขึ้นมา ผู้ว่าฯ นครราชสีมาตายแน่ ที่เขาสั่งปิดก็เหมาะสม
ไอติมมองยังไง
ไอติม : ผมว่าเรื่องการพิจารณาว่าปิดหรือไม่ปิด คงต้องพึ่งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อดูว่าการควบคุมโรคเป็นอย่างไร แต่เข้าใจว่าในงานบิ๊กเมาน์เท่นคือมีการสังมาตรการป้องกันก่อนในวันที่ 1 และมาประเมินดูว่ามาตรการป้องกันที่เขาดำเนินการตรงตามที่มาตรการทางรัฐวางไว้หรือไม่ เรื่องการควรจัดให้มีงานแบบนี้หรือไม่ ควรต้องพึ่งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ แต่ผมคิดว่าสิ่งที่เป็นประเด็นและใจความสำคัญของเสียงวิพากษ์วิจารณ์คือเรื่องสองมาตรฐาน ที่หลายคนตั้งข้อสงสัย ผมมองว่าเป็นการตั้งคำถามในสองมิติ มิติที่หนึ่งไม่เกี่ยวกับการเมืองเลย เป็นการตั้งคำถามว่าเราจะตั้งกฎเกณฑ์อย่างไรว่าเราควรจัดได้หรือไม่ได้ เพราะมีการแชร์ภาพที่เราเห็นมีงานบางอย่างมีการรวมตัวกัน มีการร้องเพลงคล้ายๆ กัน ทำไมจัดได้ แต่ทำไมบิ๊กเมาน์เท่นจัดไม่ได้ ทำให้หลายคนย้อนภาพคิดไปถึงสมัยตอนทหารอียิปต์และทูตซูดาน ที่หลุดมาได้ เขาก็มองเรื่องสองมาตรฐานในการจัดการ ควบคุมโรค ว่าทำไมมีพ.ร.ก.ฉุกเฉินให้ประชาชนใช้อย่างเคร่งครัด ถึงขั้นโรงเรียนไม่สามารถเปิดเทอมได้ แต่ทำไมมีอีกกลุ่มถึงหลุดจากมาตรการตรงนี้ได้ เป็นเรื่องสองมาตรฐาน
คุณไพบูลย์มองยังไง
ไพบูลย์ : คงมองอย่างนั้นไม่ได้ เพราะบิ๊กเมาน์เท่นจัดที่ปากช่อง มีลักษณะเฉพาะตัว คือไปจัดในที่เปิด ไม่ได้เปิดในสถานที่ปิด อย่างนครราชสีมา ได้ร่วมกันพิจารณาแล้วว่าต้องหยุดยั้งไว้
เขามีหมอร่วมด้วยมั้ยตอนพิจารณาสั่งปิด
ไพบูลย์ : มีอยู่แล้ว เขาใช้พ.ร.บ. กรมควบคุมโรคติดต่อ หลักใหญ่คือหมอเสมอ ผู้ว่าฯ จะไปสั่งปิดเองไม่ได้อยู่แล้ว
ได้ตามมั้ย คืนวันที่ 12 ก่อนเขาสั่งปิดวันที่ 13 เขาทำตามที่สัญญาไว้หรือเปล่า เรื่องการคัดกรอง การใส่หน้ากาก
ไอติม : ก็ได้ยินอยู่บ้าน ถ้าพูดอย่างเป็นธรรมและเป็นกลาง ก็จะได้ยินเสียงจากงาน 2 มิติ บางกลุ่มบอกว่าจะมีการดำเนินการตามมาตรการที่วางไว้อย่างรัดกุม ถึงขนาดที่ว่าคิวในการเข้างานยาวมาก เพราะมีการป้องกันหลายขั้นตอน แต่มีบางส่วนบอกว่ามีความหละหลวมบ้าง ซึ่งข้อเท็จจริงผมไม่ทราบว่าเป็นอย่างไร แต่ก็อย่างที่บอกประเด็นสำคัญคือถ้าจะมากำหนดกฎเกณฑ์ว่างานแบบนี้จะจัดไม่ได้ ก็ขอให้เป็นมาตรฐานที่คงไว้ใช้สำหรับทุกงาน เพราะถ้าเกิดเอาแต่ละปัจจัยที่คุณไพบูลย์พูดมา จัดกลางแจ้งหรือภายใน มีการร้องเพลง ตะโกน เปล่งเสียงหรือไม่ ก็ขอให้เป็นมาตรฐานเดียวกันทุกงาน
คุณไพบูลย์ไม่ได้บอกว่าสองมาตรฐาน แต่บอกว่าสองบริบท
ไอติม : ก็มีอีกหลายงานเหมือนกันที่จัดกลางแจ้ง ถ้าเราจะบอกว่างั้นออกกฎออกมา ถ้างานต่อไปนี้จัดกลางแจ้งไม่ได้ จัดในห้องได้ ก็ต้องดำเนินการเหมือนกัน
งานบางอันอาจมีเรื่องการคัดกรอง หน้ากากเข้ามาเกี่ยวข้องหรือเปล่า
ไอติม : ก็ต้องไปดูว่าการคัดกรองเป็นอย่างไร แต่เราจะเห็นภาพที่ออกมาจากงานบิ๊กเมาน์เท่น มีการเว้นระยะห่าง มีการวางเชือกไม่ให้คนอยู่ติดกัน
ไอติมยืนยันว่าสองมาตรฐาน คุณไพบูลย์จะว่ายังไง
ไพบูลย์ : ผมว่าก็เป็นไปตามข้อเท็จจริง จะว่าสองมาตรฐาน อีกอันคืออะไร แต่อันบิ๊กเมาน์เท่น ถ้าเอาคลิปมาดูชัดอยู่แล้ว ตอนใส่หน้ากากเข้าไปผมก็เห็น แต่ตอนเล่นถอดหน้ากากแล้วตะโกนโหวกเหวก มันแพร่เชื้่อ ผมยังชมว่าการชุมนุมเขายังใส่หน้ากากของเขาอยู่ ใส่ด้วยปิดหน้าตัวเองหรือเปล่าไม่รู้(หัวเราะ) แต่เขาก็ยังใส่ แต่ไปคอนเสิร์ตจะใส่ยังไง มันผิดวิสัย ก็ต้องไปเอาคอนเสิร์ตแบบเดียวกันมาดูกัน อย่าไปเอาการชุมนุมอะไรต่างๆ ที่เกิดขึ้น ถ้าสองมาตรฐานต้องเทียบในบริบทเดียวกัน ในประเภทเดียวกันทุกอย่าง ผมยืนยันว่าการชุมนุมที่เคยเห็นมา บางแห่งจัดในพื้นที่ปิด มีการควบคุมได้ดี มาตรวจดู ก็ไม่ได้ว่าอะไร
ไอติม : ขอชี้แจงว่าผมไม่ได้ยืนยันว่าสองมาตรฐาน แต่เป็นสิ่งที่คนอื่นเขาตั้งคำถาม พอมีบริบทที่เหมือนระลอกสองจะกลับเข้ามาในประะเทศไทย ก็เพียงแต่หวังว่ามาตรฐานนี้จะถูกบังคับใช้ในทุกๆ กรณี เพราะมีการตั้งคำถามว่าการปิดบิ๊กเมาน์เท่นเพราะมีเรื่องการเมืองมาแอบแฝงด้วยหรือเปล่า
มองว่าโยงการเมืองมั้ย
ไอติม : ผมว่าปฏิเสธไม่ได้ว่าหลายปีที่ผ่านมา ประเทศเรามีเรื่องสองมาตรฐานในเรื่องการเมืองค่อนข้างเยอะ ถ้าย้อนกลับไปตั้งแต่การร่างรัฐธรรมนูญ 60 ขณะที่กลุ่มนึงออกมาป่าวประกาศว่าเขียนรัฐธรรมนูญเพื่อตนเอง แต่กลุ่มที่ออกมารณรงค์คัดค้าน กลับถูกดำเนินคดีนับสิบนับร้อยคน พอเขียนรัฐธรรมนูญมาแล้ว เรามีสว. 250 คนที่ถูกแต่งตั้งโดยคสช. โดยคณะกรรมการสรรหา 10 คน มี 3 คนแต่งตั้งพี่น้องตัวเองเข้ามา อีกคนแต่งตั้งตัวเองเข้ามาเลือกพรรคการเมืองที่เสนอหัวหน้าคสช.เป็นนายกฯ มันมีปัญหาเรื่องสองมาตรฐานมานานพอสมควร บางคนก็เลยมองว่าเอ๊ะ การสั่งปิดบิ๊กเมาน์เท่น มีเรื่องการเมืองมาเกี่ยวข้องหรือเปล่า เพราะในงานมีการแสดงออกทางการเมืองโดยศิลปิน หรือการชูสามนิ้วที่เป็นสัญลักษณ์การเมืองในปัจจุบัน
ไพบูลย์ : ผมไม่รู้จะพูดยังไง ย้อนไปเยอะ หลายมาตรฐานอยู่แล้ว แต่มาตรฐานผมก็สแตนดาร์ดเดียว คือทำเพื่อความถูกต้อง เรื่องการชุมนุมที่เกิดขึ้น ที่บิ๊กเมาน์เท่น แม้มีสัญลักษณ์ทางการเมือง ถ้าถามว่าเพราะมีสัญลักษณ์ทางการเมืองก็เลยไปปิด งั้นการชุมนุมวันที่ 10 ธ.ค. ที่ผ่านมา ก็เห็นขออนุญาตชุมนุม ยิ่งแสดงสัญลักษณ์ทางการเมืองมากมาย ทำไมเขาให้ชุมนุม เป็นเรื่องโรคระบาดเพียวๆ เลยแต่คนพยายามบิดเบือน หาเรื่องโจมตีอยู่แล้ว
ไอติม : ก็ได้ยินอยู่บ้าน ถ้าพูดอย่างเป็นธรรมและเป็นกลาง ก็จะได้ยินเสียงจากงาน 2 มิติ บางกลุ่มบอกว่าจะมีการดำเนินการตามมาตรการที่วางไว้อย่างรัดกุม ถึงขนาดที่ว่าคิวในการเข้างานยาวมาก เพราะมีการป้องกันหลายขั้นตอน แต่มีบางส่วนบอกว่ามีความหละหลวมบ้าง ซึ่งข้อเท็จจริงผมไม่ทราบว่าเป็นอย่างไร แต่ก็อย่างที่บอกประเด็นสำคัญคือถ้าจะมากำหนดกฎเกณฑ์ว่างานแบบนี้จะจัดไม่ได้ ก็ขอให้เป็นมาตรฐานที่คงไว้ใช้สำหรับทุกงาน เพราะถ้าเกิดเอาแต่ละปัจจัยที่คุณไพบูลย์พูดมา จัดกลางแจ้งหรือภายใน มีการร้องเพลง ตะโกน เปล่งเสียงหรือไม่ ก็ขอให้เป็นมาตรฐานเดียวกันทุกงาน
คุณไพบูลย์ไม่ได้บอกว่าสองมาตรฐาน แต่บอกว่าสองบริบท
ไอติม : ก็มีอีกหลายงานเหมือนกันที่จัดกลางแจ้ง ถ้าเราจะบอกว่างั้นออกกฎออกมา ถ้างานต่อไปนี้จัดกลางแจ้งไม่ได้ จัดในห้องได้ ก็ต้องดำเนินการเหมือนกัน
งานบางอันอาจมีเรื่องการคัดกรอง หน้ากากเข้ามาเกี่ยวข้องหรือเปล่า
ไอติม : ก็ต้องไปดูว่าการคัดกรองเป็นอย่างไร แต่เราจะเห็นภาพที่ออกมาจากงานบิ๊กเมาน์เท่น มีการเว้นระยะห่าง มีการวางเชือกไม่ให้คนอยู่ติดกัน
ไอติมยืนยันว่าสองมาตรฐาน คุณไพบูลย์จะว่ายังไง
ไพบูลย์ : ผมว่าก็เป็นไปตามข้อเท็จจริง จะว่าสองมาตรฐาน อีกอันคืออะไร แต่อันบิ๊กเมาน์เท่น ถ้าเอาคลิปมาดูชัดอยู่แล้ว ตอนใส่หน้ากากเข้าไปผมก็เห็น แต่ตอนเล่นถอดหน้ากากแล้วตะโกนโหวกเหวก มันแพร่เชื้่อ ผมยังชมว่าการชุมนุมเขายังใส่หน้ากากของเขาอยู่ ใส่ด้วยปิดหน้าตัวเองหรือเปล่าไม่รู้(หัวเราะ) แต่เขาก็ยังใส่ แต่ไปคอนเสิร์ตจะใส่ยังไง มันผิดวิสัย ก็ต้องไปเอาคอนเสิร์ตแบบเดียวกันมาดูกัน อย่าไปเอาการชุมนุมอะไรต่างๆ ที่เกิดขึ้น ถ้าสองมาตรฐานต้องเทียบในบริบทเดียวกัน ในประเภทเดียวกันทุกอย่าง ผมยืนยันว่าการชุมนุมที่เคยเห็นมา บางแห่งจัดในพื้นที่ปิด มีการควบคุมได้ดี มาตรวจดู ก็ไม่ได้ว่าอะไร
ไอติม : ขอชี้แจงว่าผมไม่ได้ยืนยันว่าสองมาตรฐาน แต่เป็นสิ่งที่คนอื่นเขาตั้งคำถาม พอมีบริบทที่เหมือนระลอกสองจะกลับเข้ามาในประะเทศไทย ก็เพียงแต่หวังว่ามาตรฐานนี้จะถูกบังคับใช้ในทุกๆ กรณี เพราะมีการตั้งคำถามว่าการปิดบิ๊กเมาน์เท่นเพราะมีเรื่องการเมืองมาแอบแฝงด้วยหรือเปล่า
มองว่าโยงการเมืองมั้ย
ไอติม : ผมว่าปฏิเสธไม่ได้ว่าหลายปีที่ผ่านมา ประเทศเรามีเรื่องสองมาตรฐานในเรื่องการเมืองค่อนข้างเยอะ ถ้าย้อนกลับไปตั้งแต่การร่างรัฐธรรมนูญ 60 ขณะที่กลุ่มนึงออกมาป่าวประกาศว่าเขียนรัฐธรรมนูญเพื่อตนเอง แต่กลุ่มที่ออกมารณรงค์คัดค้าน กลับถูกดำเนินคดีนับสิบนับร้อยคน พอเขียนรัฐธรรมนูญมาแล้ว เรามีสว. 250 คนที่ถูกแต่งตั้งโดยคสช. โดยคณะกรรมการสรรหา 10 คน มี 3 คนแต่งตั้งพี่น้องตัวเองเข้ามา อีกคนแต่งตั้งตัวเองเข้ามาเลือกพรรคการเมืองที่เสนอหัวหน้าคสช.เป็นนายกฯ มันมีปัญหาเรื่องสองมาตรฐานมานานพอสมควร บางคนก็เลยมองว่าเอ๊ะ การสั่งปิดบิ๊กเมาน์เท่น มีเรื่องการเมืองมาเกี่ยวข้องหรือเปล่า เพราะในงานมีการแสดงออกทางการเมืองโดยศิลปิน หรือการชูสามนิ้วที่เป็นสัญลักษณ์การเมืองในปัจจุบัน
ไพบูลย์ : ผมไม่รู้จะพูดยังไง ย้อนไปเยอะ หลายมาตรฐานอยู่แล้ว แต่มาตรฐานผมก็สแตนดาร์ดเดียว คือทำเพื่อความถูกต้อง เรื่องการชุมนุมที่เกิดขึ้น ที่บิ๊กเมาน์เท่น แม้มีสัญลักษณ์ทางการเมือง ถ้าถามว่าเพราะมีสัญลักษณ์ทางการเมืองก็เลยไปปิด งั้นการชุมนุมวันที่ 10 ธ.ค. ที่ผ่านมา ก็เห็นขออนุญาตชุมนุม ยิ่งแสดงสัญลักษณ์ทางการเมืองมากมาย ทำไมเขาให้ชุมนุม เป็นเรื่องโรคระบาดเพียวๆ เลยแต่คนพยายามบิดเบือน หาเรื่องโจมตีอยู่แล้ว
ยืนยันว่าเขาปิดด้วยเรื่องโรคระบาดไม่เกี่ยวกับการเมือง
ไพบูลย์ : เพียวๆ ไม่เกี่ยวเลย มันไม่ได้สะเทือนอะไระเลย เป็ด 3 นิ้ว ทำไปเถอะ ไม่ได้มีปัญหา แต่การแพร่ระบาดไวรัสโควิดไม่ใช่เรื่้องเล็กๆ นะ ถ้าคุมไม่อยู่มันแพร่ไป มันไปทั้งประเทศนะ เพราะคนมาจากทั้งประเทศ ผมยืนยันเลย แล้วผู้ว่าฯ เขาต้องรับผิดชอบ สาธารณสุขจังหวัด กลไกลการควบคุมโรคระบาดที่เขารับผิดชอบอยู่ ที่ไหนเคยจัดแบบนี้
มองเรื่อง 3 นิ้วกับเป็ดในงานเป็นยังไง
ไอติม : ผมไม่ได้กล่าวหานะว่าที่มีการสั่งปิดเป็นเพราะเรื่องการเมือง แต่สิ่งที่ผมพยายามวิเคราะห์และฉายภาพให้เห็น คือพอมีการใช้สองมาตรฐานกับกลุ่มที่สนับสนุนและไม่สนับสนุนรัฐบาลที่ผ่่านมา มันเลยเปิดช่องโหว่ ทำให้เกิดการวิจารณ์ได้ ผมไม่ได้ไปสรุปแทน ว่าเขาสั่งปิดเพราะอะไร อาจสั่งปิดเพราะโรคระบาดล้วนๆ ก็ได้ แต่พออดีตมีแบบนี้ เลยเปิดช่องโหว่ให้สามารถถูกโจมตีได้ ผมก็เลยมาเชิญชวนว่าถ้าเราไม่อยากให้มีช่องโหว่ตรงนี้ หลังจากนี้ต้องเซ็ตการเมืองให้เหมือนกันในทุกกรณี ปฏิบัติกับผู้ชุมนุมทุกฝ่ายให้เหมือนกัน ไม่เปิดช่องโหว่ตรงนี้
มองเรื่องการชู 3 นิ้วกับการเอาเป็ดเข้าไปเป็นเรื่องการเมืองมั้ย
ไพบูลย์ : ไม่เป็น เพราะน้อยมาก คนตั้งหลายหมื่นคน เป็ดกับสามนิ้วโชว์ก็ไม่มีผลต่อสังคมไทยแล้ว
แต่ก็มีการสะท้อนถึงการอุ้มฆ่าด้วย
ไพบูลย์ : กล่าวหากันไป ผมว่าแกนนำม็อบไม่มีมุกจะเล่นแล้ว ตอนนี้การชุมนุมเหมือนการจัดคอนเสิร์ต เขามาแสดง ไม่มีเนื้อหาอะไรที่จะแสดงแล้ว ก็ไปปั่นเรื่องอะไรก็ไม่รู้ รัฐประหารรอบแรก ตอนนี้มาปั่นเรื่องอุ้มฆ่า แต่คอนเสิร์ตโรงนี้เป็นเด็กเลี้ยงแกะไปหมดแล้ว เอะอะบิ๊กเบิ้มๆ มันไม่มีอะไร หลอกลวงเขาไปวันๆ การชุมนุมที่สำคัญคือผู้มาชุมนุม หลอกกันไปหลอกกันมา จนตอนหลังเขาไม่มาแล้ว มาก็น้อยลง
มองยังไงกับเรื่องการแบกศพขึ้นเวที เหมือนจะให้เห็นว่าเป็นเรื่องการอุ้มฆ่าหรือเปล่า
ไอติม : สัญลักษณ์ทางการเมืองเมื่อวาน จริงๆ ก็ไม่ได้มีแค่เรื่องนี้ ผมเข้าใจว่า บางวง ก็มีการชู 3 นิ้ว หรือใส่เสื้อแสดงสัญลักษณ์อื่นๆ ด้วย ผมว่ามองภาพใหญ่ก่อน ว่าศิลปะการแสดง การจัดคอนเสิร์ตเชื่อมโยงกันยังไง อย่างแรกผมมองว่าการจัดคอนเสิร์ตครั้งนี้เป็นบวก เป็นสิทธิเสรีภาพศิลปินที่จะเลือกหรือไม่เลือกแสดงออกทางการเมือง เขาอยากแสดงความคิดเห็นทางการเมืองก็เป็นสิทธิของเขา เขาก็ต้องรับผิดชอบกับผลที่ตามมา แล้วผมว่าในต่างประเทศ ในโลกสากล ก็เห็นศิลปินหลายแวดวงที่ใช้เวทีการแสดง แสดงออกทางการเมืองด้วย สองเป็นเรื่องที่ดี ที่เราเห็นการแสดงออกผ่านเพลง หรือช่องทางศิลปะมากขึ้น สมัยผมเป็นทหารเกณฑ์ในค่ายทหาร ผมจำได้เลยว่าเพื่อนไม่ค่อยสนใจการเมืองเท่าไหร่ มาสนใจครั้งแรกคือเพลงประเทศกูมี มาถามว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร มันก็เป็นทางที่ทำให้ประชาชนเข้าถึงการเมืองมากขึ้น ถ้าอยากเห็นประชาชนสนใจการเมืองมากขึ้น ก็มองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ดี
การแสดงออกครั้งนี้ ทำให้ผู้ว่าฯ ไปพิจารณามั้ย
ไพบูลย์ : ผมว่าไม่ใช่ เรื่องเพลงก็เห็นด้วยที่นำการเมืองมาใช้ในเพลง แต่ผมชอบเพลงหนักแผ่นดินนะ เพราะมีความหมาย ทำให้เรารักพระเจ้าอยู่หัว ทำให้เรารู้สึกภาคภูมิใจในความเป็นไทย รักชาติ รักสถาบัน
เรื่องเข้าใจการเมืองผ่านเพลง คุณไอติมเสนอเพลงประเทศกูมี คุณไพบูลย์ถูกใจหนักแผ่นดิน เมื่อเกิดกรณีบิ๊กเมาน์เท่น หลายคนเป็นห่วงว่าจะเป็นการสร้างความแตกแยกหรือเปล่า
ไอติม : ผมว่าถ้ารัฐบาลออกมาชี้แจงชัดเจน ว่างานแบบไหนสามารถจัดได้ แบบไหนจัดไม่ได้ และปฏิบัติเหมือนกันทุกงาน ไม่ว่าจะมีการแสดงสัญลักษณ์ทางการเมือง หรือผู้จัดจะเป็นใคร ผมว่าประชาชนรับได้ และจะสามารถวางแผนกิจกรรมที่จะเกิดขึ้นในช่วงเทศกาลปลายปีนี้ได้ด้วย ถ้าความขัดแย้งทางการเมือง ผมว่าามันเกิดจากการวางกติกาที่ไม่เป็นกลาง วันนี้เราก็เห็นสองมาตรฐาน ถ้ายกการเมืองคล้ายๆ กีฬา ตราบใดที่กติกาเป็นกลาง ใครแพ้ใครชนะก็ยอมรับได้ แล้วจะเป็นสันติภาพที่แท้จริง ทำให้คนที่เห็นแตกต่าง อยู่ร่วมกันได้ในสังคมโดยไม่แตกแยก
ไพบูลย์ : เพียวๆ ไม่เกี่ยวเลย มันไม่ได้สะเทือนอะไระเลย เป็ด 3 นิ้ว ทำไปเถอะ ไม่ได้มีปัญหา แต่การแพร่ระบาดไวรัสโควิดไม่ใช่เรื่้องเล็กๆ นะ ถ้าคุมไม่อยู่มันแพร่ไป มันไปทั้งประเทศนะ เพราะคนมาจากทั้งประเทศ ผมยืนยันเลย แล้วผู้ว่าฯ เขาต้องรับผิดชอบ สาธารณสุขจังหวัด กลไกลการควบคุมโรคระบาดที่เขารับผิดชอบอยู่ ที่ไหนเคยจัดแบบนี้
มองเรื่อง 3 นิ้วกับเป็ดในงานเป็นยังไง
ไอติม : ผมไม่ได้กล่าวหานะว่าที่มีการสั่งปิดเป็นเพราะเรื่องการเมือง แต่สิ่งที่ผมพยายามวิเคราะห์และฉายภาพให้เห็น คือพอมีการใช้สองมาตรฐานกับกลุ่มที่สนับสนุนและไม่สนับสนุนรัฐบาลที่ผ่่านมา มันเลยเปิดช่องโหว่ ทำให้เกิดการวิจารณ์ได้ ผมไม่ได้ไปสรุปแทน ว่าเขาสั่งปิดเพราะอะไร อาจสั่งปิดเพราะโรคระบาดล้วนๆ ก็ได้ แต่พออดีตมีแบบนี้ เลยเปิดช่องโหว่ให้สามารถถูกโจมตีได้ ผมก็เลยมาเชิญชวนว่าถ้าเราไม่อยากให้มีช่องโหว่ตรงนี้ หลังจากนี้ต้องเซ็ตการเมืองให้เหมือนกันในทุกกรณี ปฏิบัติกับผู้ชุมนุมทุกฝ่ายให้เหมือนกัน ไม่เปิดช่องโหว่ตรงนี้
มองเรื่องการชู 3 นิ้วกับการเอาเป็ดเข้าไปเป็นเรื่องการเมืองมั้ย
ไพบูลย์ : ไม่เป็น เพราะน้อยมาก คนตั้งหลายหมื่นคน เป็ดกับสามนิ้วโชว์ก็ไม่มีผลต่อสังคมไทยแล้ว
แต่ก็มีการสะท้อนถึงการอุ้มฆ่าด้วย
ไพบูลย์ : กล่าวหากันไป ผมว่าแกนนำม็อบไม่มีมุกจะเล่นแล้ว ตอนนี้การชุมนุมเหมือนการจัดคอนเสิร์ต เขามาแสดง ไม่มีเนื้อหาอะไรที่จะแสดงแล้ว ก็ไปปั่นเรื่องอะไรก็ไม่รู้ รัฐประหารรอบแรก ตอนนี้มาปั่นเรื่องอุ้มฆ่า แต่คอนเสิร์ตโรงนี้เป็นเด็กเลี้ยงแกะไปหมดแล้ว เอะอะบิ๊กเบิ้มๆ มันไม่มีอะไร หลอกลวงเขาไปวันๆ การชุมนุมที่สำคัญคือผู้มาชุมนุม หลอกกันไปหลอกกันมา จนตอนหลังเขาไม่มาแล้ว มาก็น้อยลง
มองยังไงกับเรื่องการแบกศพขึ้นเวที เหมือนจะให้เห็นว่าเป็นเรื่องการอุ้มฆ่าหรือเปล่า
ไอติม : สัญลักษณ์ทางการเมืองเมื่อวาน จริงๆ ก็ไม่ได้มีแค่เรื่องนี้ ผมเข้าใจว่า บางวง ก็มีการชู 3 นิ้ว หรือใส่เสื้อแสดงสัญลักษณ์อื่นๆ ด้วย ผมว่ามองภาพใหญ่ก่อน ว่าศิลปะการแสดง การจัดคอนเสิร์ตเชื่อมโยงกันยังไง อย่างแรกผมมองว่าการจัดคอนเสิร์ตครั้งนี้เป็นบวก เป็นสิทธิเสรีภาพศิลปินที่จะเลือกหรือไม่เลือกแสดงออกทางการเมือง เขาอยากแสดงความคิดเห็นทางการเมืองก็เป็นสิทธิของเขา เขาก็ต้องรับผิดชอบกับผลที่ตามมา แล้วผมว่าในต่างประเทศ ในโลกสากล ก็เห็นศิลปินหลายแวดวงที่ใช้เวทีการแสดง แสดงออกทางการเมืองด้วย สองเป็นเรื่องที่ดี ที่เราเห็นการแสดงออกผ่านเพลง หรือช่องทางศิลปะมากขึ้น สมัยผมเป็นทหารเกณฑ์ในค่ายทหาร ผมจำได้เลยว่าเพื่อนไม่ค่อยสนใจการเมืองเท่าไหร่ มาสนใจครั้งแรกคือเพลงประเทศกูมี มาถามว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร มันก็เป็นทางที่ทำให้ประชาชนเข้าถึงการเมืองมากขึ้น ถ้าอยากเห็นประชาชนสนใจการเมืองมากขึ้น ก็มองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ดี
การแสดงออกครั้งนี้ ทำให้ผู้ว่าฯ ไปพิจารณามั้ย
ไพบูลย์ : ผมว่าไม่ใช่ เรื่องเพลงก็เห็นด้วยที่นำการเมืองมาใช้ในเพลง แต่ผมชอบเพลงหนักแผ่นดินนะ เพราะมีความหมาย ทำให้เรารักพระเจ้าอยู่หัว ทำให้เรารู้สึกภาคภูมิใจในความเป็นไทย รักชาติ รักสถาบัน
เรื่องเข้าใจการเมืองผ่านเพลง คุณไอติมเสนอเพลงประเทศกูมี คุณไพบูลย์ถูกใจหนักแผ่นดิน เมื่อเกิดกรณีบิ๊กเมาน์เท่น หลายคนเป็นห่วงว่าจะเป็นการสร้างความแตกแยกหรือเปล่า
ไอติม : ผมว่าถ้ารัฐบาลออกมาชี้แจงชัดเจน ว่างานแบบไหนสามารถจัดได้ แบบไหนจัดไม่ได้ และปฏิบัติเหมือนกันทุกงาน ไม่ว่าจะมีการแสดงสัญลักษณ์ทางการเมือง หรือผู้จัดจะเป็นใคร ผมว่าประชาชนรับได้ และจะสามารถวางแผนกิจกรรมที่จะเกิดขึ้นในช่วงเทศกาลปลายปีนี้ได้ด้วย ถ้าความขัดแย้งทางการเมือง ผมว่าามันเกิดจากการวางกติกาที่ไม่เป็นกลาง วันนี้เราก็เห็นสองมาตรฐาน ถ้ายกการเมืองคล้ายๆ กีฬา ตราบใดที่กติกาเป็นกลาง ใครแพ้ใครชนะก็ยอมรับได้ แล้วจะเป็นสันติภาพที่แท้จริง ทำให้คนที่เห็นแตกต่าง อยู่ร่วมกันได้ในสังคมโดยไม่แตกแยก
คุณไพบูลย์มองยังไง ถ้ามีการจัดการทางคอนเสิร์ต ออกแกไนเซอร์ก็ดี ศิลปินก็ดี จะแตกแยกมั้ยถ้าไปจัดการตามกฎหมายกับเขา
ไพบูลย์ : การดำเนินการตามกฎหมายที่บัญญัติไว้ว่าเป็นความผิด เขียนเป็นกลไกไว้ กฎหมายก็ไม่ได้เพิ่งออก เพื่อไปเล่นงานคนกลุ่มนั้น ออกมาหลายปีแล้ว ออกมาเพื่อประโยชน์สาธารณะ กรณีพ.ร.บ.โรคติดต่อ ให้อำนาจแต่ละจังหวัด คณะผู้ว่าฯ เป็นผู้พิจารณา บิ๊กเมาน์เท่นเขาก็ใช้อำนาจตามกฎหมาย เมื่อสั่งให้หยุดก็ยังอุทธรณ์อยู่
จะแนะนำผู้เกี่ยวข้องยังไง กับการที่เราต้องจัดการกาชาด และเคาท์ดาวน์ปีใหม่ เพื่อไม่ให้เป็นสองมาตรฐาน
ไอติม : ผมว่าน่าจะดึงแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งน่าจะรู้ดีที่สุดว่ามาตรการแบบไหนเหมาะสมควบคุมสถานการณ์โรคระบาด รอบที่สองที่จะเข้ามา และระบุให้ชัดว่าอะไรจัดได้ อะไรจัดไม่ได้ และบังคับใช้แบบนี้ อาจมีการเตือนระยะหนึ่งก่อน ให้ผู้จัดงานวางแผนได้ ช่วยคิดมาตรการเยียวยา คนจ่ายค่าตั๋วไปแล้ว และวางกฎเกณฑ์ให้ชัด เยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบให้ชัดเจน และบังคับใช้ให้เหมือนๆ กันกับทุกๆ งาน โดยคำนึงถึงเรื่องสุขภาพ และเรื่องเศรษฐกิจด้วย ควบคู่กันไป
มีอะไรห่วงใย เรื่องคนไปเที่ยวเคาท์ดาวน์หรือกาชาด
ไพบูลย์ : ก็ทำตามมาตรการที่กำหนด แต่ประเด็นขอย้อนว่าบิ๊กเมาน์เท่น ปล่อยไว้ไม่ได้ ถ้าปล่อยไว้ งานเคาท์ดาวน์ก็จะมีปัญหา สองมาตรฐาน ตอนนี้โทษตามมาตรา 52 ไม่ได้มีแค่ปรับแสนนึงนะ แต่ทั้งจำทั้งปรับ จ่ายค่าปรับไม่พ้นนะ โทษจำคุกยังอยู่ ส่วนถามว่าฝ่าฝืนมั้ย ฝ่าฝืนอยู่แล้วเพราะมติอุทธรณ์ออกมา 5 โมงเย็น แต่คุณยังฝ่าฝืนจัดไปจนถึง 4 ทุ่ม ผิดกฎหมายอยู่แล้ว การควบคุมโรคในเทศกาลต่อไป ก็อยู่ที่มาตรการจังหวัด และเจ้าหน้าที่ต้องดำเนินคดีกับบิ๊กเมาน์เท่นให้เป็นตัวอย่าง เดินตามกฎหมายเป๊ะๆ ไป อย่าไปหย่อนยาน หรือไปกลัวเรื่องการเมืองสองมาตรฐานที่ว่า ทำให้ดู หลังจากนั้นปีใหม่ใครทำแบบนี้ก็เอาเหมือนเดิม มันจะได้จบ บ้านเมืองจะได้เดินได้ หรือเชื้อโควิดจะได้คุมได้ นี่เป็นประโยชน์สาธารณะ
ไพบูลย์ : การดำเนินการตามกฎหมายที่บัญญัติไว้ว่าเป็นความผิด เขียนเป็นกลไกไว้ กฎหมายก็ไม่ได้เพิ่งออก เพื่อไปเล่นงานคนกลุ่มนั้น ออกมาหลายปีแล้ว ออกมาเพื่อประโยชน์สาธารณะ กรณีพ.ร.บ.โรคติดต่อ ให้อำนาจแต่ละจังหวัด คณะผู้ว่าฯ เป็นผู้พิจารณา บิ๊กเมาน์เท่นเขาก็ใช้อำนาจตามกฎหมาย เมื่อสั่งให้หยุดก็ยังอุทธรณ์อยู่
จะแนะนำผู้เกี่ยวข้องยังไง กับการที่เราต้องจัดการกาชาด และเคาท์ดาวน์ปีใหม่ เพื่อไม่ให้เป็นสองมาตรฐาน
ไอติม : ผมว่าน่าจะดึงแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งน่าจะรู้ดีที่สุดว่ามาตรการแบบไหนเหมาะสมควบคุมสถานการณ์โรคระบาด รอบที่สองที่จะเข้ามา และระบุให้ชัดว่าอะไรจัดได้ อะไรจัดไม่ได้ และบังคับใช้แบบนี้ อาจมีการเตือนระยะหนึ่งก่อน ให้ผู้จัดงานวางแผนได้ ช่วยคิดมาตรการเยียวยา คนจ่ายค่าตั๋วไปแล้ว และวางกฎเกณฑ์ให้ชัด เยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบให้ชัดเจน และบังคับใช้ให้เหมือนๆ กันกับทุกๆ งาน โดยคำนึงถึงเรื่องสุขภาพ และเรื่องเศรษฐกิจด้วย ควบคู่กันไป
มีอะไรห่วงใย เรื่องคนไปเที่ยวเคาท์ดาวน์หรือกาชาด
ไพบูลย์ : ก็ทำตามมาตรการที่กำหนด แต่ประเด็นขอย้อนว่าบิ๊กเมาน์เท่น ปล่อยไว้ไม่ได้ ถ้าปล่อยไว้ งานเคาท์ดาวน์ก็จะมีปัญหา สองมาตรฐาน ตอนนี้โทษตามมาตรา 52 ไม่ได้มีแค่ปรับแสนนึงนะ แต่ทั้งจำทั้งปรับ จ่ายค่าปรับไม่พ้นนะ โทษจำคุกยังอยู่ ส่วนถามว่าฝ่าฝืนมั้ย ฝ่าฝืนอยู่แล้วเพราะมติอุทธรณ์ออกมา 5 โมงเย็น แต่คุณยังฝ่าฝืนจัดไปจนถึง 4 ทุ่ม ผิดกฎหมายอยู่แล้ว การควบคุมโรคในเทศกาลต่อไป ก็อยู่ที่มาตรการจังหวัด และเจ้าหน้าที่ต้องดำเนินคดีกับบิ๊กเมาน์เท่นให้เป็นตัวอย่าง เดินตามกฎหมายเป๊ะๆ ไป อย่าไปหย่อนยาน หรือไปกลัวเรื่องการเมืองสองมาตรฐานที่ว่า ทำให้ดู หลังจากนั้นปีใหม่ใครทำแบบนี้ก็เอาเหมือนเดิม มันจะได้จบ บ้านเมืองจะได้เดินได้ หรือเชื้อโควิดจะได้คุมได้ นี่เป็นประโยชน์สาธารณะ
ชมคลิป
VV
V
V
VV
V
VV
VV
VVVV
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!" ประกาศ "
ร่วมแสดงความคิดเห็น