“หมอวรงค์” จี้ป้องกันกลุ่มนักการเมือง ใช้ครู-นักเรียนเป็นเครื่องมือ
เกิดอะไรขึ้นถึงไปหาณัฐพงษ์
กลุ่มการเมืองที่จ้องจะใช้ครูเป้าหมายเขาชัดเจน ต้องการล้มล้างสถาบัน การต่อสู้เขาออกมาชัดเจน และถูกเชื่อมโยง ผมประเมินว่าเขาจะใช้ครูและนักเรียนเป็นเครื่องมือล้มล้างสถาบัน หรือแม้แต่เชื่อมโยงเรื่องมาตรา 112 บังเอิญผมเห็นเด็กคนนึงอายุ 16 ปีที่ถูกมาตรา 112 ทำให้ผมรู้สึกไม่สบายใจ ถ้ายิ่งปล่อยทิ้งไว้สิ่งเหล่านี้จะเป็นอันตรายมากขึ้น
เขาก็พูดนะเด็กอายุ 16 เอง ใช้มาตรา 112 ได้ยังไงกฎหมายก็คือกฎหมาย การทำผิดก็ต้องทำผิด เพียงแต่ว่าการลงโทษแต่ละวัยของอายุก็จะแตกต่างกันไป
กระบวนการต่างกัน ที่หมอทำแบบนี้เพราะต้องการตัดไฟตั้งแต่ต้นลม แปลว่าอะไรเราสังเกตพฤติกรรมของกลุ่มการเมืองที่เข้าไปสู่โรงเรียนที่ต้องการปั่นหัวเด็กนักเรียน ผมมองว่าที่ผ่านมากระทรวงศึกษาและโรงเรียนตามไม่ทันการเมือง อ้างว่าเป็นสิทธิเสรีภาพ ส่วนใหญ่เท่าที่ผมฟัง ปล่อยให้แต่ละกลุ่มเข้ามาอ้างว่าเป็นสิทธิเสรีภาพของเขาหรืออ้างว่าโรงเรียนต้องวางตัวเป็นกลาง ใครเข้ามาก็ต้องให้เข้า ผมก็เลยเอารัฐธรรมนูญมาตรา 50 เข้าไปคุยกับรัฐมนตรีพูดถึงหน้าที่ของปวงชนชาวไทย ในรัฐธรรมนูญมาตรานี้ เขียนไว้ว่า บุคคลมีหน้าที่พิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
เพราะฉะนั้นใครก็ตามพูดจาตรงข้ามกับตรงนี้ ผิดมาตรา 50 เหรอผิดมาตรา 50 แต่บังเอิญมาตรา 50 ไม่ได้มีบทลงโทษ
หมอพูดคนแรกเลยนะ
มาตรานี้ไม่ได้มีบทลงโทษ แต่มันเป็นหน้าที่ของปวงชนชาวไทย เกี่ยวกับประชาชนทุกคน ยิ่งเป็นข้าราชการ ข้าราชการครู ผู้บริหารการศึกษา รวมทั้งข้าราชการในระดับอื่นๆ มันเป็นหน้าที่ในการพิทักษ์สิ่งเหล่านี้ คือสถาบันหลักของชาติ
หมอพูดเรื่องหน้าที่ หมอไม่กลัวเขาอ้างเรื่องสิทธิเหรอ
อันนี้ผมอ้างอิงตามรัฐธรรมนูญครับ คือเท่าที่ผ่านมาเราฟังบ่อยว่าเราต้องวางตัวเป็นกลาง ผมบอกว่าเฮ้ย ไม่ได้ เราจะวางตัวเป็นกลางไม่ได้ คุณต้องมีหน้าที่พิทักษ์สถาบันชาติ กษัตริย์ คุณไม่มีสิทธิ์ไปละเมิดคนอื่น เวลาฟังแล้วไม่สบายใจ คุณจะเป็นกลางไม่ได้นะคุณต้องปกป้อง อะไรทำให้สถาบันหลักชาติเสียหายต้องปกป้อง พิทักษ์ไว้
ขบวนการเข้าไปโรงเรียน เขาเข้าไปอย่างไร
คือที่ผ่านมาคนพวกนี้เข้าไปในโรงเรียบน คือเขาอ้างว่าให้ความรู้ในโรงเรียน ให้ความรู้นักเรียน เรื่องความรู้ประชาธิปไตย พวกนี้ให้ความรู้ไปเรื่อยๆ ก็จะหมิ่นเหม่ จาบจ้วงไปเรื่อยๆ และยิ่งสังเกตที่โรงเรียนกังวลคือเรื่องการใช้กรรมาธิการ คือพวกนี้จะมีงบส.ส. ให้ความรู้เด็ก พื้นฐานมีความชอบธรรมแต่ต้องดูที่สาระ ถ้าสาระมันหมิ่นเหม่ทำลายสถาบันชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ปล่อยไว้ไม่ได้
หมอว่าเวลาที่เขาขออนุญาตไป เขาจะลงรายละเอียดไหมว่าเขาจะไปพูดอะไร
เขาไม่ลงครับอาจารย์ เขาจะอ้างว่ามีงบกรรมาธิการเพื่อจะส่งเสริมเยาวชน ส่งเสริมเด็กนักเรียนให้มีความรู้เรื่องระบอบประชาธิปไตย อ้างในรูปแบบนี้ แต่ผมถือว่าเด็กในโรงเรียน วุฒิภาวะยังไม่เหมือนผู้ใหญ่ ถ้าเขาเป็นเด็กนักศึกษาแล้วเราอาจจะยุเขาไม่ขึ้น แต่ถ้าเป็นเด็กนักเรียน วุฒิภาวะยังไม่เพียงพอ ประสบการณ์ยังไม่เพียงพอต้องอยู่ภายใต้การดูแล
บางโรงเรียนผู้บริหารจะไปฟังว่าพูดเรื่องอะไร แต่บางโรงเรียนพออนุญาตแล้วคือตามใจเลย
คือไม่ควรปล่อย เพราะเด็กนักเรียนถ้าอยู่ในโรงเรียน อยู่ในเครื่องแบบอยู่ในอันเดอร์ของครู ของผู้อำนวยการโรเงรียน เพราะฉะนั้นการจัดกิจกรรมกับเด็กนักเรียน ในโรงเรียนครูที่รับผิดชอบต้องเข้าไปดูแลภายใต้อำนาจของผอ. ถ้าดูแล้วพฤติกรรมเนื้อหาหลักสูตรที่คุณจ้องใส่พฤติกรรมทำลายล้างลงไป ทำลายทั้งชาติศาสนา และพระมหากษัตริย์ ผมว่าต้องระงับ ต้องใช้อำนาจหยุดเขานะ คือทางโรงเรียนต้องรู้ว่าโดยเนื้อหาสาระจำกัดได้แค่ไหน ถ้าอะไรก็แล้วแต่ที่ไปหมิ่นแหม่ ฉาบจ้วงไปถึงมาตรา 112 ผมว่าอันนี้อันตราย
ผมคิดว่าเราต้องเข้าใจธรรมชาติของวัย เด็กวัยมัธยมธรรมชาคิของวัยคือแอนตี้โซเชียลอยู่แล้ว จะให้ไปซ้าย เด็กก็จะไปขวา ถ้าบอกให้ไปขวาเด็กจะไปซ้าย และประสบการณ์ทางการเมืองไม่ค่อยมีเท่าไหร่ เพราะฉะนั้นการจูงใจในเรื่องเสมอภาคความเท่าเทียม สิทธิเสรีภาพ อนาคตที่ดีกว่า มันง่าย สิ่งเหล่านี้มันจะรุกคืบไปเรื่อยว่าภาษีของเรา เราต้องใช้ภาษีด้วยความเป็นธรรม ใครใช้ภาษีของเราบ้าง ปล่อยไปเรื่อยๆ เด็กจะซึมซับไปเรื่อยๆ และพวกนี้สุดท้ายมันจะนำไปสู่เครือข่าย ไปสู่โซเซียลเน็ตเวิร์ก ซึ่งเหล่านี้เป็นอันตราย เป็นสิทธิ์ของเขาที่จะทำ แต่ถ้าเขามาทำในโรงเรียนเมื่อไหร่ต้องดูแล
ที่เขาออกมาแบบนี้ จูงใจแบบนี้ มันเหมือนคอมมิวนิสต์ในสมัยก่อนไหมที่ต้องกดคนลงและบอกว่าจะมายกเธอขึ้น เธอยากจน เธอเสียเปรียบ ไม่ทัดเทียม ฉันจะมายกเธอขึ้น เธอต้องกำจัดคนพวกนั้น มันใช่สไตล์เดียวกันไหมมันคือแนวคอมมิวนิสต์เลยอาจารย์ ให้เข้าใจว่าคนถูกกดขี่ คนถูกเอาเปรียบ คนถูกกดทับ คนถูกจำกัดเรื่องภาษีไม่เท่าเทียมกัน อะไรก็แล้วแต่ คือพยายามให้มีความรู้สึกคนถูกรังแก คนถูกเอาเปรียบแล้วตัวเขาคือพระเอก เป็นเทวดามาช่วยกันปลดปล่อย อันนี้คือพฤติกรรมที่เขาทำ
คุณหมอบอกว่าเรื่องของโซเซียลมีเดียเป็นเสรีภาพเป็นเรื่องของเรา แต่ปรากฎเขาใช้ตรงนี้ขยายฐานเขาได้เยอะมาก เพราะว่าเห็นเด็กหลายคนบอกว่า ไม่ไปไม่ได้เดี๋ยวเพื่อนบูลลี่เราต้องยอมรับว่าเขาเป็นเจ้าพ่อ ไม่ว่าจะเป็นทวิตเตอร์ เฟซบุ๊ก อินสตาแกรม การปั่นแฮชแท็กมีผลมาก เราต้องยอมรับว่าการปั่นแฮชแท็ก ไม่ได้เป็นการเกิดขึ้นโดยคนปกติ มันเป็นai เด็กตามไม่ทัน ที่ผมพูดได้เต็มปาก อย่างข้อความคำว่าหยุดคุกคามประชาชน เป็นบัญชีที่เกิดในประเทศ 1.4 แสนบัญชี แต่เป็นบัญชีที่มาจากต่างประเทศ 7 ล้าน 9 แสน 2 หมื่น 8 พันบัญชี มันไอโอนะ เด็กๆ เจอแฮชแท็กมันเป็นกระแส มันจึงไม่แปลกที่โซเซียลเขาแรงมาก แต่ชีวิตจริงจะอีกแบบนะ
ทีนี้การที่หมอไปที่กระทรวงศึกษา หมอมองว่าผู้บริหารโรงเรียนเวลานี้ปล่อยปละละเลยเกินไปหรือเปล่า
ถูกต้อง ผมต้องย้ำเลยว่าคุณจะมาอ้างในความเป็นกลางไม่ได้ คุณต้องยืนในการปกป้องสถาบันหลักชาติ เพราะว่าหน้าที่ของคุณตามรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ว่าคุณต้องปกป้องชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ผมต้องเรียกร้องเขาไป 5 ข้อ
ไหนลองไล่ 5 ข้อมาให้ฟังหน่อยสิครับผมมองว่าข้อที่ 1 กระทรวงต้องชัดเจนในทุกระดับ ตั้งแต่ ผอ.โรงเรียน ระดับเขตการศึกษา ระดับศึกษาธิการจังหวัด คุณต้องชัดเจน ชัดเจนว่าคุณต้องมีหน้าที่ในการปกป้องหลักสถาบันของชาติ
มาตรา 50 มาคุยกันเอามาตรา 50 มาคุยกัน ดังนั้นถ้าคุณชัดเจนอันนี้แล้ว หากมีกลุ่มการเมืองที่จ้องจะมาให้ความรู้เด็กนักเรียน คุณมีสิทธิ์พิจารณาได้ว่า อันนี้ไม่ให้เข้าได้ ไม่ใช่ยังปล่อยให้เข้าแล้วมาล้างสมองเด็ก หริอถ้าให้เข้ามาแล้วก็อ้างว่ามีงบประมาณจากสภา ก็แล้วแต่ คุณต้องมอนิเตอร์ คุณต้องติดตาม หากเขามาล้างสมองเด็ก คุณต้องสั่งยุติได้ ข้อที่สองคือเรื่องครู ครูก็อันตราย เพราะฉะนั้นกระทรวงต้องชัดเจนกับแนวคิดของครู ถ้าใครมีแนวคิดล้มล้าง จะปล่อยเสรีภาพไม่ได้ เรื่องที่สาม
คุณต้องปรับปรุงหลักสูตรให้เด็กมีความสำนึกหรือสืบสานในการเป็นชนชาติไทย นั่นคือประวัติศาสตร์ นั่นคือหน้าที่พลเมือง นั่นคือศีลธรรม ข้อสี่คือคุณมีงบประมาณเยอะอยู่แล้ว คุณก็จัดรณรงค์สิ ทำให้เด็กตื่นตัว มีความเข้าใจความสำคัญของชาติประวัติศาสตร์ชาติ คุณจัดเอง คุณมีงบประมาณไปให้เขาจัด ข้อหาสำคัญมาก คือถ้ายังเกิดเหตุการณ์อย่างที่ที่แพร่ เด็กตบมือร้องเพลงเชียร์ ต้องจัดการ อดีตแล้วไปแล้วไม่เป็นไร แต่จากนี้ไปปีใหม่นี้ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ ผอ.ต้องรับผิดชอบ
วันนี้คุณเป็นกลางไม่ได้เรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่การเมืองคุณเป็นกลางได้ พรรค ก. พรรค ข. คุณให้สิทธิ์เท่าเทียมได้ แต่เรื่องการปกป้องสถาบันคุณห้ามเป็นกลาง
เมื่อหมอยื่นไปแล้ว หมอคาดหวังว่าจะเกิดอะไร
เราหวังเห็นการเปลี่ยนแปลง เราไม่อยากเห็นภาพเด็กตกเป็นเครื่องมือ มานั่งตบมือร้องเพลงเชียร์ มาทำการแสดงล้อเลียนเบื้องสูง เห็นแล้วรับไม่ได้ ถ้าเกิดในโรงเรียน ในเครื่องแบบนักเรียน ผอ.ต้องรับผิดชอบ
หมอบอกว่าเด็กล้อเลียน ใช้วาจาต่างๆ วิเคราะห์หน่อยทำไมเด็กกล้าทำ
ผมว่าเด็กไม่เข้าใจ คือพูดภาษากำลังภายใน ไม่เห็นโลงศพ ไม่หลั่งน้ำตา เพราะเด็กไม่เข้าใจ คนพวกนี้จึงมีกลุ่มเป้าหมายมาที่เยาวชน เด็กพวกนี้ไม่เข้าใจว่าเวลาคุณทำผิดกฎหมายมันอันตราย มันเสียอนาคต มันติดคุก แล้วท้าทายด้วย ไม่แปลกที่กระแสวัยรุ่น เอาเลยๆ
เป็นไปได้มั้ยคนบอกเด็กว่าทำไปเถอะไม่เป็นไรหรอก เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ
เป็นไปได้ เพราะเด็กตามไม่ทัน เด็กไม่เข้าใจสิ่งเหล่านี้เขาวางเป้าหมายไปที่เด็กเพราะเด็กยั่วยุได้ง่า
ถ้าตีความว่าเด็กเชื่อในสิ่งที่เขาพูด
ต้องยอมรับว่าหนึ่ง เด็กเราอ่านน้อย ประสบการณ์น้อยจริงๆ ประสบการณ์ทางการเมืองที่ซับซ้อน ขนาดนักการเมืองด้วยกันเองยังตามไม่ทันเลย นับประสาเด็กมัธยม ตามไม่ทันนักการเมือง
มองยังไงเขาว่ามีส.ส.คนนึงพูดว่ายังจัดการกับเด็กอายุ 16 อยู่เลย เป็นการจัดการของรัฐบาลที่แย่มาก
ส.ส.พวกนี้ทำให้เด็กเสียคน มันก็เหมือนผู้ใหญ่ให้ท้าย แต่จริงๆ ผู้ใหญ่พวกนี้กำลังหลอกเด็ก เด็กก็ไม่เข้าใจ โดยส่วนตัวผมเข้าใจความรู้สึกของเด็ก มันสนุก ท้าทาย มันเท่ เป็นข่าวแล้วตัวเองเท่มาก เป็นธรรมชาติของวัย แต่เราต้องจัดการผู้ใหญ่
เป็นความใจร้ายอำมหิตของผู้ใหญ่ เด็กถูกหมายเรียกมาตรา 112 กันเป็นแถว
ถ้าหมอทำแบบนี้ แล้วคนเชื่อหมอ ออกมาตรการตาม 5 ข้อนั้นออกไปจะยิ่งเป็นกระแสตีกลับเป็นมูมเมอแรงมั้ย จะยิ่งทำให้เขาแรงใหญ่เลย
ไม่หรอก เชื่อว่าการที่แรงมาเพราะไม่มีคนจัดการ ถ้าอะไรเป็นเหตุเป็นผลจะเอาอยู่ ถ้าเป็นการกลั่นแกล้งเขาเมื่อไหร่เขาจะมีพลังขึ้นมาทันที
แต่ตอนนี้เขาเล่นเรื่อง 112 กันเต็มที่เลยนะ ที่แพร่ก็แปรรูปเป็น 112 ส.ส.ก็อ้างเรื่อง 112 นักวิชาการก็อ้างเรื่อง 112
รู้มั้ยเพราะอะไรเขาพยายามโจมตี 112 เพราะเรายึดมั่นการปกครองระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ในเมื่อเขาต้องการล้มสถาบัน เขาต้องดูว่าอะไรเป็นเสาค้ำยันสถาบัน มาตรา 112 เป็นกฎหมายที่ออกแบบมาเพื่อปกป้องคุ้มครองสถาบันพระมหากษัตริย์ และย้ำว่าสังคมไทยกฎหมายคุ้มครองบุคคลสำคัญรวมทั้งประชาชนมีทุกระดับ ประมุขแห่งรัฐก็มีกฎหมายคุ้มครอง ผู้แทนรัฐต่างประเทศ เจ้าหน้าที่รัฐ ประชาชน คนพวกนี้เขาต้องการล้มสถาบันถึงเล่นมาตรา 112 มันจึงไม่ใช่เรื่องแปลก ผมเชื่อว่า 99 เปอร์เซ็นต์ไม่ได้มีผลอะไรกับประชาชน นอกจากคนจ้องทำลายล้าง จ้องล้มเท่านั้นเอง ถ้าคุณบริสุทธิ์ใจคุณไม่เดือดร้อน แต่คุณเดือดร้อนเพราะคุณคิดจ้องทำลายล้าง
อเมริกาเทบรรดาแกนนำฮ่องกง จะทำให้เขาคิดได้บ้างมั้ย จะไปลี้ภัยก็ไม่ได้ ตอนนี้ติดคุกก็ดี หนีออกนอกประเทศก็ดี กำลังขึ้นศาลก็ดี สิ่งเหล่านี้ถ้าคุยกับเด็กเราจะทำให้เขาเชื่อได้ไง
เราต้องแยกเด็กที่เป็นมวลชนกับแกนนำ มวลชนผมไม่ค่อยกังวลใจเท่าไหร่ วันนี้สนใจเรื่องนี้ก็สามนิ้วไปเรื่อยๆ วันนี้อาจเจอดาราคนนี้ประสบความสำเร็จเป็นไอดอลเขาก็สนใจ ถ้ารัฐบาลมีอะไรใหม่ๆ ดึงดูดเขาจะเปลี่ยนใจเขาได้ สิ่งที่อาจารย์พูดน่าจะเป็นแกนนำ ถ้าให้ความรู้ออกไปแกนนำน่าจะหวั่นไหว
แกนนำมีความหวังว่าถ้ารัฐบาลจัดการกับเขาในที่สุดเขาจะได้ลี้ภัยไปอเมริกา
ผมว่ารัฐบาลน่าจะได้บทเรียนจากหลายฝ่าย อยู่แบบนี้ก็ดีแล้ว อย่าไปใช้ความรุนแรง อย่าทำอะไรเข้าทางเขา อย่าใช้ความรุนแรง แต่กฎหมายต้องใช้ ใช้กฎหมายกับความจริงสองอย่าง ผมวิเคราะห์การต่อสู้เขาว่า ณ วันนี้ม็อบเขาจาก 2-3 หมื่นเดือนก.ย. วันนี้เหลือแค่หลักร้อย คุณนัดคนไปพารากอน แต่งตัวแบบที่คุณต้องการ คนไปแค่ 4 คน เพราะมวลชนที่จะไปกับคุณลดน้อยลง และย้ำกับรัฐบาล อย่าใช้ความรุนแรง ยุทธศาสตร์เขาต้องการให้ฝ่ายปกป้องรัฐบาลทนไม่ได้ ใช้ความรุนแรง
แต่นายกฯ ประกาศต้องใช้กฎหมายทุกมาตราอย่างเต็มที่
นายกฯ ไม่มีสิทธิ์ไม่ใช้มาตราไหน นายกฯ ก็อยู่ภายใต้กฎหมาย
เขาบอกจะมาอีกเบิ้มๆ
เห็นจะมาเบิ้มๆ ทุกรอบ (หัวเราะ) ตอนนี้มันเลยความจริงไปแล้ว แต่เขามีอะไรไม่ถูกต้อง เราก็เอาความจริงไปตีแผ่ วันนี้ประชาชนเป็นคนไปร้องดำเนินคดี จนรัฐบาลต้องมาดำเนินการ
ในแง่การที่เขาโดนคดีแต่ไม่หยุดเพราะอะไร
ผมว่าลึกๆ เขาเริ่มกลัว แต่ก่อนไม่คิดว่าจะมีแรงต้านจากประชาชนขนาดนี้ แต่การกระทำแต่ละครั้งก็ต่างกรรมต่างวาระ ตัวแกนนำที่ทำแต่ละครั้ง ผมเชื่อว่า ณ วันนี้เขาหวั่นไหวแล้ว อเมริกาก็ไม่ชัดเจนในการปกป้องเขา ลูกพี่เขาแต่ละคนถูกแฉเยอะ เลือกตั้งแพ้ราบคาบต่างจังหวัดต่างๆ ล่าสุดเรื่องเรือยอชต์ คุณให้เด็กไปร้องภาษีกูๆ แต่คุณไปจดที่คุก คุณไม่ยอมเสียภาษที่ประเทศ
อันนี้หรือเปล่าทำให้เกิดความขัดแย้ง
ก็หลายอย่าง ประชาธิปไตยหรือคอมมิวนิสต์ มันมั่วไปหมดแล้ว ส่วนหนึ่งผู้สนับสนุนไม่เอา ไอดอลที่อยู่เบื้องหลังก็ถูกแฉมากยิ่งขึ้น เงิน 20 ล้านที่จะไปเอาสมบัติพระมหากษัตริย์ก็ถูกแฉออกมา เรือยอชต์ก็ถูกแฉว่าไม่ยอมเสียภาษีที่ประเทศไทย หลายอย่างทำให้ลดศรัทธามวลชน
ที่มีคนบอกว่าปล่อยโควิดออกมาเพื่อกีดกันไม่ให้มีม็อบหลังปีใหม่
มันไม่คุ้มเลยนะอาจารย์ ผมเชื่อว่าวันนี้ม็อบไปไม่ได้แล้ว ไม่ต้องใช้โควิด