สิปป์บวร แจง แครอท หายเกลี้ยงจากม็อบ 3 นิ้ว
รายการเรื่องลับมาก ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 14.40 น. ทางเนชั่น ทีวี ช่อง 22 วันนี้ (28 ม.ค. 64) "ดร.เสรี วงษ์มณฑา" สัมภาษณ์ "นายสิปป์บวร แก้วงาม" ผู้ตรวจราชการ สนง.พระพุทธศาสนาแห่งชาติ เกี่ยวกับพระรูปหนึ่งที่เข้าร่วมชุมนุม หนีไปเพราะมีความผิด ตอนนี้ตกระกำลำบาก
พระปัญญา สีสัน เป็นใคร มีที่มาที่ไปยังไง
"จริงๆ พระปัญญา สีสัน ก่อนหน้านั้น ท่านมีความชอบในลักษณะแบบนี้อยู่แล้ว เรื่องแสดงออกทางสังคม ทางการเมือง มีพฤติกรรมลักษณะนี้อยู่แล้ว ทีนี้เรื่องที่มาเป็นประเด็น และนำเข้าสู่การพิจารณาโดยเจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ ตอนขึ้นเวทีม็อบธรรมศาสตร์ วันที่ 19 ก.ค. ถ้าจำไม่ผิด ขึ้นไปตอนนั้นเหมือนขึ้นไปปาถกฐา พอเหตุการณ์เกิดขึ้น การปกครองสงฆ์จะมีพระกลุ่มนึงที่ได้รับการแต่งตั้งจากเจ้าคณะปกครอง เรียกว่าพระวินยาธิการ ดูแลวินัยพระ บางคนอาจรู้จักในนามตำรวจพระอย่างนี้เป็นต้น"
"เราก็ได้ประสานงานกับเจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ สุดท้ายได้ข้อมูลมาว่าพระรูปนี้สังกัดวัดญาณสังวรฯ จ.ชลบุรี เมื่อเป็นลักษณะนี้ เราก็ประสานตรงไปยังเจ้าคณะจังหวัดชลบุรี และประสานไปยังเจ้าอาวาส วัดญาณสังวรฯ ท่านก็มีแอ็กชั่นมากในเรื่องนี้ พอโทรศัพท์ไปปั๊บท่านก็เรียกตัวกลับ พระปัญญาก็กลับวัด แต่พอกลับวัดก็ดำเนินการตามกระบวนการ ทีนี้บังเอิญหรือช่วงจังหวะพระปัญญา ช่วงนั้นเป็นช่วงเข้าพรรษาพอดี โดยหลักพระเถระผู้ใหญ่ ท่านก็มีเมตตาเป็นที่ตั้ง ทำการใดก็ตามในช่วงพรรษา ก็ผ่อนสั้นผ่อนยาว ถือโทษแต่รอระยะเวลาให้พ้นออกพรรษาก่อน"
"แต่เนื่องจากเดิมเคยมีคำสั่งเถรสมาคม 2538 ห้ามพระภิกษุสามเณรยุ่งเกี่ยวการเมือง เขาหยุดไปหลังถูกตักเตือน และมีประเด็นกรณีการรู้เท่าไม่ถึงการณ์บ้าง ปี 61 ที่ผ่านมา มีพระอนุญาตให้นักการเมืองใช้พื้นที่ของวัดจัดปราศรัยในวัด น่าจะเกิดขึ้นที่ภาคอีสาน พอเป็นลักษณะแบบนี้เราก็นำเรื่องเข้ามหาเถรสมาคม มหาเถรสมาคมก็บอกว่าแบบนี้ไม่เหมาะ เพราะหลักการทั่วไป คำสั่งออกตั้งแต่ปี 38 แล้วว่าพระสามเณรห้ามยุ่งเกี่ยวการเมือง ก็เลยเพิ่มลงไปว่าห้ามใช้พื้นที่วัดในการชุมนุมทางการเมือง หาเสียง หรือการประชุมสัมมนาที่อาจก่อให้เกิดความแตกแยกในสังคม"
"ท่านยุ่งเกี่ยวการเมือง เจ้าอาวาสท่านก็กำหนดโทษว่าต้องหยุดตั้งแต่เดี๋ยวนี้ ห้ามยุ่งเกี่ยวการเมือง และพฤติกรรมแบบนี้ถือว่าเป็นความผิดทางวินัย ให้พระปัญญาพิจารณาตัวเอง คือให้สึกนั่นแหละ จนสุดท้ายมีการรับปากว่าเมื่อออกพรรษาแล้วจะลาสิกขา แต่ขอเวลาให้ออกพรรษา ก็ปรากฎว่าก่อนออกพรรษา พระปัญญาหนี"
หนีเรื่องวินัยพระ หรือมาตรา 112
"หนีความผิดพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ แต่ทีนี้่คนไปยึดโยงว่าเจ้าอาวาสรังแก โดน 112 แต่จริงๆ ผิดพ.ร.บ.คอมพ์ ไม่ใช่ 112"
ตอนหนีได้ข่าวว่าเปิดบัญชีขอรับบริจาคหาเงินหนี
"บุคคลที่บุคคลทั่วไปมองว่าเป็นสงฆ์ เพราะห่มผ้าเหลืองอยู่ เจ้าอาวาสท่านก็ออกคำสั่งขับพระปัญญาออก ทีนี้หลักการสงฆ์ กรณีขับออกจากวัด เขาจะถือว่าพระรูปนี้ไม่มีสังกัด ไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ก็จะไปเข้าลักษณะการกระทำความผิด หรือต้องดำเนินการให้พระรูปนี้พ้นจากความเป็นสงฆ์ ตามกฎมหาเถรสมาคม ฉบับ 21 เจอที่ไหนก็จับสึกเลย"
แล้วเขาหนีไปอยู่ไหน
"ยังไม่ทราบเลยว่าหนีไปอยู่ประเทศไหน ภายในประเทศเราร่อนหนังสือไปยังหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ในต่างประเทศ เราส่งเรื่องนี้ไปยังกระทรวงการต่างประเทศด้วย คงไม่ได้ไปอยู่วัดไทยในต่างประเทศ"
ได้ข่าวเรื่องอยู่ในค่ายผู้ลี้ภัย ตกระกำลำบาก ข้าวของถูกขโมย
"เห็นลงข่าวในสื่อสังคมออนไลน์ แต่เมื่อพระรูปนี้ไม่มีสังกัดแล้ว ท่านไปเยี่ยมประชาชนทั่วไป เพียงแต่ยังห่มผ้าเหลือง ไม่ยอมถอดเท่านั้นเอง"
"มีความเข้าใจผิดกันว่าพระรูปนี้โดนหมายเรียก ได้รับการประกันตัว ตรงนี้คือไม่กักขังนะ หลักการสำคัญคือที่พ.ร.บ.สงฆ์ระบุไว้ว่าจะพ้นจากความเป็นสงฆ์คือพระรูปนั้นต้องคดีอาญา แล้วเจ้าพนักงานสอบสวนไม่ให้ประกันตัว"
"ในกรณีพระรูปนี้ที่หนีออกไปจากเมืองไทย ไปอยู่ประเทศไหนก็ไม่รู้ แต่เมื่อไหร่ที่พระรูปนี้ไปอยู่วัดไทยในต่างประเทศ เราก็จะดำเนินการตามหลักการปกครองคณะสงฆ์ ถ้าเข้าไปแบบนั้น เขาเป็นบุคคลหนีเข้าเมือง มีความผิดอยู่แล้ว ถ้าถูกจับตัวดำเนินคดีหรือส่งกลับเมืองไทย เราก็ดำเนินการตามกระบวนการคณะสงฆ์"
ในยุโรปมีวัดไทยแทบทุกประเทศ
"มีเกือบทุกประเทศ"
ตอนนี้มีแครอท(พระ) กี่ฝักเข้าร่วมขบวนการ
"มีพระภิกษุสามเณรที่ได้ออกสื่อออนไลน์ เวลามีการชุมนุมกลุ่มคณะราษฎร์จะมีพระออกไป พระที่ออกไปร่วมกับตรงนี้ มีการเรียกร้อง เอาคิ้วฉันคืนมา กราบเรียนว่าถ้าพูดคำว่าพระ ก็จะมีข้อเปรียบเทียบว่าทำไมพระจีน พระธิเบตไม่โกน ทำไมพระไทยโกน ต้องไปดูกฎหมาย ความเป็นสงฆ์เกิดจากกฎหมายส่วนหนึ่ง ระเบียบหนึ่งก็พระธรรมวินัย อีกส่วนคือบ้านเมือง คณะสงฆ์ไทยคือผู้ที่บรรพชาอุปสมบทตามพระราชบัญญัติ พ.ศ. 2505 ปรับปรุง 2535 ถ้าสงฆ์ไทยที่เกิดจากพ.ร.บ.สงฆ์นี้ ต้องไม่คิ้ว"
"มีหลายคนเขียนและมีหลายคนอ้างตามที่ทราบ มีการเล่ากันว่าครั้งหนึ่งเคยเกิดการสังคายานา พระไตรปิฏกก ปรากฎมีเรื่องเสื่อมเสียเกิดขึ้น ไปทำเรื่องไม่เหมาะกับความเป็นสงฆ์ พอมีเรื่องเสื่อมเสีย หาจำเลยไม่ได้ พระไทยก็บอกพระต่างประเทศ พระต่างประเทศก็บอกพระไทย จนสุดท้ายไม่รู้จะทำยังไง คณะสงฆ์ก็ออกกุศโลบายว่าถ้าเป็นพระของเรา ต้องไม่ถกเถียง ต้องให้ชัดเจน งั้นคณะสงฆ์ไทยโกนคิ้ว อีกมุมนึงคือสมัยก่อนพอไม่โกนคิ้ว ผู้สาวมาบ้างยักคิ้วหลิ่วตา อีกมุมก็มองว่าในเมื่อพระธรรมวินัย ให้พระปลง สละกิเลส ฉะนั้นคิ้วก็เป็นส่วนหนึ่ง ก็เอาออก นี่คือความเป็นมาที่เล่าต่อกันมา"
ที่ตะโกนว่าเอาคิ้วคืนมา ที่เขียนเอาไว้ในระเบียบ ไม่มีทาง เป็นไปไม่ได้"แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย เหตุผลมี 3 ประการ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า ได้ปรารถไว้ท้ายพ.ร.บ.สงฆ์ ว่าพระภิกษุสงฆ์ให้เคารพหลัก 3 อย่าง หนึ่งหลักพระธรรมวินัย สองหลักกฎหมายบ้านเมือง หลักที่สามเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้โดยตรง หลักจารีตประเพณี ฉะนั้นจุดตรงนี้ เวลานี้คณะสงฆ์ไทยก็ยังปฏิบัติตามหลัก 3 ประการนี้ เลือกอย่างหนึ่งอย่างใดไม่ได้"
"เดิมการศึกษาเรียนอยู่เฉพาะสำนักพระภิกษุสงฆ์ จะเรียนรู้เรื่องจารีตประเพณีสงฆ์ แต่ปัจจุบันการศึกษาเปิดกว้างมาก ถ้าไปดูลึกๆ ปรากฎว่าสามเณรและพระหนึ่งรูป เขาเรียนในมหาวิทยาลัยชื่อดังนะครับ ทีนี้จะไปโยนความผิดให้มหาวิทยาลัยได้มั้ย ไม่ได้หรอก มันอยู่ทึ่คน แต่พระเหล่านั้นควรรู้สถานะ แม้นห้องพักไม่มีกระจก แต่เดินไปไหนคนยังเรียกพระ เรียกสามเณร เสียงสะท้อนเหล่านั้นน่าจะเตือนสติได้ว่าเราอยู่อีกสมณะนึง จะไปทำพฤติการณ์แบบคนทั่วไปไม่ได้ ถ้าอยากทำแบบคนทั่วไปต้องสละผ้าเหลือง"
การเรียนมหาวิทยาลัยชื่อดัง กับการเรียกร้องเอาคิ้ว เกี่ยวกันยังไง
"ในกระบวนการเรียนการสอน อาจมีการกระตุ้นการแสดงออก การจัดที่อยู่อาศัยของพระภิกษุสามเณรพอไปอยู่ในสถาบันการศึกษา ก็ทำเหมือนคนทั่วไป พอเป็นลักษณะแบบนี้ ทำให้พระภิกษุสามเณรเหล่านั้นลืมไปว่าอยู่ในผ้าเหลือง หรือกลัวคนอื่นไม่ยอมรับ เดี๋ยวหาว่าไม่ทันสมัย ก็เอากับเขาด้วย อย่างนี้เป็นต้น เพราะที่ออกมาในสื่อเป็นแค่สามเณร อีกรูปเป็นพระแต่อายุยังน้อยอยู่"
ตอนนี้แครอทเยอะมั้ย
"ถ้าตามข้อมูลมี 8 รูป บางรูปมาครั้งสองครั้งหายไปเลย อีก 2 รูปขึ้นเวทีทุกครั้งก็ว่าได้ เรารับคำสั่งมหาเถรสมาคม เราก็ได้ประสานงานเจ้าคณะผู้ปกครอง ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาต้นสังกัดสามเณรหนึ่งรูป ที่อยู่จังหวัดพะเยา สามเณรที่บอกเอาคิ้วฉันคืนมานั่นแหละ ซึ่งท่านเจ้าอาวาสน้อยเนื้อต่ำใจมาก ว่าท่านส่งให้มาเรียนหนังสือ ทำไมมาประพฤติปฏิบัติอย่างนี้ ท่านก็ออกหนังสือเรียกตัวกลับ เพื่อไปอบรมนิสัยใหม่ ปรากฎว่าสามเณรรูปนี้ไม่กลับ พอไม่กลับปั๊บ ท่านก็ออกหนังสือขับออกจากวัด การขับออกจากวัด เนื่องจากจะกลายเป็นสามเณรไม่มีสังกัด ไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ก็จะดำเนินการอีกช่องทางหนึ่ง ให้สามเณรพ้นจากความเป็นสงฆ์ นอกจากสามเณรหาวัดอยู่ได้ มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง"
"ณ เวลานี้หาตัวไม่เจอ"
"เป็นวัดที่สังกัดอยู่วัดนึงที่จ.ศรีสะเกษ พระรูปนี้เรียนอยู่เหลืออีก 4 วิชาจะจบปริญญาตรี เจ้าอาวาสท่านก็มีหนังสือเรียกตัวกลับ ซึ่งพระรูปนี้กลับ ก็ไปทำบันทึกเอาไว้ว่าต่อแต่นี้ไป เมื่อคำสั่งประกาศมหาเถรสมาคมห้ามเอาไว้สูงสุดแบบนี้ต้องปฏิบัติตาม ก็สัญญา แต่ปรากฎว่าพอสัญญาก็ไปขึ้นเวทีเช่นเดิม พอไปขึ้นเวทีเช่นเดิม ทางคณะสงฆ์เจ้าคณะผู้ปกครองก็ประชุมหารืออีกรอบ มีพระภิกษุใจดีมีเมตตาสูงบอกว่าเอาแบบนี้แล้วกัน ออกหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษร เรียกตัวว่ากล่าวตักเตือนชัดเจนอีกครั้ง เห็นแก่อนาคตเขา เพราะเหลืออีก 4 วิชาจะจบแล้ว หลังมีการตักเตือนเป็นลายลักษณ์อักษร พระรูปนั้นก็ไม่ได้มีพฤติกรรมแบบนั้น ก็เงียบไป ไม่ไปขึ้นเวทีต่อ ส่วนรูปอื่นๆ ก็รับแนวนโยบายมหาเถรสมาคม ก็ได้มีการทบทวนคำสั่งปี 38 ประกาศปี 61 และมติมหาเถระปี 63 ร่อนไปยังจังหวัดต่างๆ ให้ผู้อำนวยการสำนักพุทธจังหวัดประสานงานกับเจ้าคณะโดยตรงกับสองฝ่าย ให้พระภิกษุสงฆ์ปฏิบัติอย่างเคร่งครัด 8 รูปที่ว่าตอนนี้ก็สงบไปแล้ว"
มีพระรูปนึงที่ถกเถียงกับคนนั้นคนนี้ตลอดเวลา พระมหาไพรวัลย์ อันนี้ทางคณะสงฆ์มองพฤติกรรมพระมหาไพรวัลย์ยังไง
"จริงๆ ท่านเป็นพระที่มีองค์ความรู้ ท่านเป็นเปรียญ 9 ประโยค ถือว่าสูงสุดในการศึกษาพระธรรมวินัย เขาเรียกเปรียญธรรม ในการแสดงความคิดเห็นของท่าน ท่านอาจเป็นคนรุ่นใหม่ ด้วยสังคม ผู้คนให้การยอมรับ จนบางทีท่านลืมไป การที่คนไปขอความเห็นจากท่าน บางทีนอกเหนือจากกิจของสงฆ์ บางครั้งอาจลืมตัวไป ถามมาก็ตอบไป แต่จริงๆ ท่านเป็นพระมีความรู้ความสามารถ ในส่วนคณะสงฆ์ทำอย่างไร เราเป็นหน่วยงานสนองงานคณะสงฆ์ การพิจารณาลงโทษ ว่ากล่าวตักเตือน ตามเหตุ ตามผล ตามปัจจัยที่เกิดขึ้น เป็นเรื่องเจ้าคณะผู้ปกครอง ที่ท่านต้องดำเนินการ การพิจารณาลงโทษภาคทัณฑ์ว่ากล่าวตักเตือน เป็นเรื่องเจ้าอาวาสวัด เป็นตำแหน่งเดียวที่มีอำนาจและหน้าที่บัญญัติไว้ในกฎหมาย"
พระมหาไพรวัลย์อยู่วัดสร้อยทอง บทบาทเจ้าอาวาสวัดสร้อยทองต้องทำยังไง
"ก็ต้องพิจารณาตามเหตุตามผลที่เกิดขึ้น เป็นเรื่องระหว่างเจ้าอาวาสกับพระลูกวัด สามารถว่ากล่าวตักเตือนเหมือนคนในครอบครัว ก็คุยกันได้ แต่ถ้าเจ้าอาวาสไม่ดำเนินการ ท่านไม่ทำตามประมวลกฎหมายอาญาโดน 157 ได้นะครับ เพราะเป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญาที่บัญญัติไว้ในพ.ร.บ.สงฆ์ อำนาจ หน้าที่ก็มีอยู่ ถ้าท่านไม่ทำ ก็เพิกเฉย ละเลย"