เมียหลวง ฟ้อง เมียน้อย แต่แพ้!! พ้อสุดช้ำจะมีทะเบียนสมรสไปทำไม?
รายการ "ถามสุดซอย" ทุกวันพฤหัสบดี-ศุกร์ ออกอากาศเวลา 14.50 - 15.40 น. ทางช่องเนชั่น ช่อง 22 ดำเนินรายการโดย "เอิ๊ก พรหมพร ยูวะเวส" และ "นภัส ธีรดิษฐากุล" วันนี้ (11 มี.ค.) ได้เปิดใจสัมภาษณ์ "ฝน" เมียหลวง ที่ตัดสินใจฟ้องเมียน้อยแต่แพ้!! มาพร้อม "ทนายเจมส์ นิติธร แก้วโต"
ฝน : "ปี 56 ค่ะ มีลูกสองคน สามีรับราชการ"
จับได้เขาไปมีเมีย?
ฝน : "เพิ่งจับได้ตอนปี 62 ค่ะ ตั้งแต่ย้ายมาเขาเริ่มไปคุยงานกับผู้ใหญ่ ไปได้สักพักนึงเราคิดว่าเขาจ่ายเงินโน่นนี่นั่น ไปเลี้ยงเขา เราก็บอกเขาว่าถ้าจะออกไป ขอครั้งละพัน เราไม่คิดว่าเขาจะให้ ทั้งอาทิตย์ 7 วัน 7 พัน ไปทุกวัน"
ตอนเขาให้เงินเรา เคยสงสัยมั้ย?
ฝน : "หนูก็สงสัย แต่คิดว่าผู้ชายมีสังคม ไม่คิดว่าเขาจะไปเจอแบบนี้ เราเชื่อใจ เราโทรตามเขารับ กลับบ้านตามเวลา ถ้าบอกหกทุ่มก็หกทุ่ม เราไม่อยากไปห้าม พอหลังๆ เริ่มหนัก ติดต่อไม่ได้ ปิดเครื่อง จากหกทุ่มเป็นตีสอง จากตีสองเป็นตีสาม จนหนักเข้าไม่กลับเลย ตอนเช้าหนูตื่นยังไม่เจอเขาเลย"
ได้สืบมั้ย?
ฝน : "ไม่ได้สืบ ตอนนั้นพูดตรงๆ หนูอยู่กับลูก เราก็ถาม เขาก็ตอบสเต็ปเดิม ไปคุยงาน ไปกินกับผู้ใหญ่ คุยกันถึงเช้า หนูก็บอกว่าไม่ใช่แล้วนะ เธอมีคนใหม่หรือเปล่า เขาบอกว่าไม่มี"
มาจับได้ตอนไหน?
ฝน : "พ.ค. 63 ประมาณ 6 เดือนจับได้ ผู้หญิงคนนี้กดไลค์แฟนหนู หนูก็เลยเอะใจ ก็เลยเปิดไปดู ภาพแรกที่เห็นคือไปถ่ายรูปวิวหน้าบ้านเช่าเรา ถ่ายรูปหน้าบ้านเช่าที่เราเคยอยู่ ตอนแรกใจหายแว๊บ ทำไมมันเหมือนกัน ไปไล่ดูก็เห็นภาพเขาไปทำบุญ มีผู้ชายอยู่ด้านหลัง เขาปิดหน้าไว้ เป็นภาพไปทำบุญวันเกิด และเขียนว่าแฮปปี้เบิร์ธเดย์นะ พ่อแม่ลูก แฮปปี้เบิร์ธเดย์ผู้ชายแต่ปิดหน้า แต่หนูจำผมผู้ชายหนูได้"
ฝน : "หนูโทรไปถามเลย เขาเงียบ ก็ถามว่าคนนี้คือใคร มันท้องด้วยใช่มั้ย มันคือเมียน้อยใช่มั้ย เพราะเขาลงว่าพ่อแม่ลูก ลูกยังอยู่ในท้อง"
แฟนเราตอบยังไง?
ฝน : "ไม่ได้ตอบอะไร เขาเงียบ แต่ถามว่ารู้แล้วจะเอายังไง ตอนนั้นคิดแค่เรื่องเงิน ว่ามันเอาเงินไปเลี้ยงเมียน้อย เราจะเอาเงินมาเลี้ยงลูกเรา ก็ขอเพิ่มขึ้น พอรวบรวมหลักฐาน เขาพาไปกินไปเที่ยวต่างจังหวัด กินอาหารอย่างดี เห็นจากในรูปที่ผู้หญิงลง ผู้หญิงคนนั้นไม่รู้จัก ไม่เคยติดต่อกัน"
ภรรยาอีกคน เคยโพสต์ภาพเงินยั่วยุคุณฝน?
ฝน : "เขาโพสต์ประมาณว่าตัวเองไม่ได้ทำงาน แต่มีเงินเข้าเป็นแสนสองแสน มันเป็นเหมือนสเตทเมนต์ เราเห็นเราก็เจ็บใจ โมโหมาก มั่นใจว่าเป็นเงินแฟน เพราะเขาไม่ได้ทำงานอะไร แค่ขายเหล้าขายเบียร์ จบม. 3"
หลังจากนั้นเราได้ไปพูดกับสามีมั้ย ตอนนั้นคิดจะหย่าจะเลิกมั้ย?
ฝน : "ตอนนั้นไม่ได้คิดจะหย่า คือพอจับได้ ก็บอกให้เขากลับไปเคลียร์กับเมียน้อยแล้วมาอยู่กับเรากับลูก แต่เขาบอกว่าเขาเดินมาไกลแล้ว เขากลับไปไม่ได้ แต่ดันมาเคลียร์กับเรา"
เขาแต่งงานกันด้วยเหรอ?
ฝน : "แต่งงานค่ะ แม่หนูดันเจอ แล้วโทรมาบอกหนู นอกจากจะรู้ว่ามีเมียน้อย มีลูกช้ำใจแล้ว ยังเห็นรูปแต่งงานเขาอีก"
ได้พูดกับพ่อแม่ฝ่ายชายมั้ย ว่าทำไมเป็นแบบนี้?
ฝน : "น้องสาวเป็นคนคุย เขาบอกแม่มาเจอตอนท้องไปแล้ว แม่เขาตอบ แต่หนูมีหลักฐานว่าก่อนหน้านั้นเขาเจอกันแล้ว ตั้งแต่ยังไม่ท้อง แม่รู้มาตลอดทั้งที่ยังไม่ท้อง จนเมื่อเดือนต.ค. จำปีไม่ได้ เขาพาแม่มากินข้าว แล้วเขาเอาลูกเรากับเราไปกินด้วย เขาบอกว่าเขาเสียใจ เราก็บอกว่าที่แม่โพสต์ลงหลังจากที่หนูรู้ แม่เขาโพสต์รูปเมียน้อยกับผู้ชายขึ้นบ้านใหม่ หน้าเฟซเขาหราเลย แม่เขาก็พูดเองว่าตั้งใจโพสต์รูปเมียน้อยให้หนูดู ตั้งใจให้หนูเห็นหรือเปล่าก็ไม่รู้ (เสียงสั่นเครือ)"
แม่สามีไม่ชอบเรา เลยไปเชียร์คนใหม่เหรอ?
ฝน : "ไม่แน่ใจค่ะ เพราะก่อนหน้านั้นเราอยู่กันปกติ เพิ่งจะมีช่วงกลางๆ นี่เอง"
ไปฟ้องศาลตอนไหน?
ฝน : "ประมาณก.ค.หรือส.ค. ปี 63 หนูรวบรวมหลักฐานทั้งหมดและไปปรึกษาทนายว่าต้องใช้หลักฐานอะไรบ้าง มีฟ้องหย่า ฟ้องชู้ ค่าเลี้ยงดูลูก ค่าเลี้ยงดูตัวเอง สินสมรส ค่าเสียหายทั้งหมดทนายทำให้น่าจะหลายล้าน เฉพาะเมียน้อย 1.5 ล้าน ค่าเลี้ยงชีพอีกเดือนละ 1.5 หมื่น ของลูกคนละ 1.5 หมื่น"
ฝน : "ยังไม่ได้ทำเป็นหนังสือชัดเจน เพียงแค่เราไปคัดลอก สรุปคร่าวๆ คือ หนึ่งสินสมรส ทอง เขาให้การว่าหนูเอาทอง 4 บาทแลก เอาตู้เย็น ทีวีมาให้หนู เขาก็สรุปว่าทองเป็นของผู้ชาย ต้องคืน ส่วนรถซื้อมาด้วยกัน ให้เปลี่ยนชื่อเป็นชื่อหนู แล้วให้หนูผ่อนเอง เป็นของเราต่อ สามบัญชีทั้งหมดทั้ง 3-4 บัญชีที่หนูฟ้องไป ก็ให้แบ่งครึ่ง เป็นสินสมรส ส่วนลูกให้หนูดูแล ค่าเลี้ยงดูลูกให้คนละ 8 พันจนจบปริญญาตรี"
ตรงไหนที่ทำให้คุณแพ้?
ฝน : "ผู้หญิงเขาบอกว่าถ้าเขารู้ว่าผู้ชายมีลูกมีเมียอยู่แล้ว เขาก็จะเลิก เขาพูดแค่นี้ เขาอ้างว่าเขาไม่รู้ว่ามีเราอยู่แล้ว"
ศาลตัดสินให้คุณแพ้ คำว่าแพ้คือยังไง?
ฝน : "ให้ยกฟ้องผู้หญิงคนนี้ เพราะผู้หญิงคนนี้มาแบบถูกต้อง"
กรณีคุณไปฟ้องว่าเป็นชู้ ศาลยกฟ้องข้อหานี้?
ฝน : "เขาบอกว่าเขามาแบบถูกต้อง บอกว่าเราย้ายไปแล้ว หย่ากันแล้ว เราไม่ได้หย่า แยกกันอยู่ แต่หนูไม่คิดจะแยกกันอยู่ เรารอแค่เขามาง้อเราแค่นั้น ด้วยเหตุนี้ ศาลเลยยกฟ้องเรื่องนี้"
ทนาย : "อย่าใช้คำว่ามาโดยถูกต้อง ศาลอาจไม่มีคำนี้อยู่ อาจจะใช้คำอื่น มาโดยถูกต้องยังไม่เคยเห็นตัวบทกฎหมายเขียนแบบนั้น อาจเป็นคำอื่น แต่น้องอาจสรุปคลาดเคลื่อน โดยปกติแล้ว หลักกฎหมาย การที่จะมีความผิดเรื่องการฟ้องชู้ และสามารถทำให้สามีหรือภรรยาที่ชอบด้วยกฎหมาย ฟ้องชู้เรียกค่าทดแทนได้ ต้องเป็นประเด็น 2 เหตุผลหลัก หนึ่งต้องรู้ก่อนเขามีภรรยาโดยชอบด้วยกฎหมายอยู่แล้ว ชู้ต้องรู้ก่อน สองเมื่อรู้แล้วต้องไม่แอบกินกัน ต้องแสดงตนโดยเปิดเผยว่ามีสัมพันธ์กับสามีชาวบ้าน ถ่ายรูปลงโซเชียล หรือไปเที่ยวที่ต่างๆ นอนค้างอ้างแรมด้วยกัน ไปทานอาหาร เช่าห้องพัก ซื้อบ้านอยู่ด้วยกัน ใช้ชีวิตตามปกติโดยเปิดเผย แบบนี้เรียกว่าแสดงตนโดยเปิดเผย ถ้าขาดอย่างใดอย่างหนึ่ง ไม่ถือว่าเป็นชู้ครับ"
กรณีผู้หญิงคนนี้บอกว่าไม่รู้ว่าสามีคุณฝนมีภรรยาอยู่แล้ว?
ทนาย : "อันนี้ต้องไปสืบให้เห็นว่ารู้หรือไม่รู้ ฝั่งเรามีหลักฐานอะไรที่ไปแสดงว่าเขารู้ว่าเราเป็นหญิงมีสามี จุดอ่อนในคดีนี้ที่เห็นคือพี่ผู้หญิงไม่ได้กลับไปที่บ้านเลย ตรงนี้อาจเป็นช่องโหว่อย่างหนึ่งที่ทำให้เขาไม่รู้จริงๆ นะ หรืออาจโดนผู้ชายหลอกก็เป็นไปได้"
สามีถึงรู้อยู่เต็มอก มีเมียอยู่ ไม่ช่วยเหรอ?
ทนาย : "ในสังคมไทยไปหลอกกันเยอะแยะ ผู้ชายไปหลอกผู้หญิงก็มี พอไปหลอกเขาแล้ว พูดตรงๆ เหมือนเสียตัวไปแล้ว หลวมตัวไปแล้ว รักไปแล้ว ก็เลยตามเลย ไม่รู้จะทำยังไง ศาลก็ปกป้องคนที่สาม พอขึ้นสู่ชั้นศาล หน้าที่นำสืบตกกับโจทก์ คุณกล่าวหาเขาต้องนำพยานหลักฐานมานำสืบให้ได้ชัดเจนว่าเขารู้ว่าคุณคือภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย กรณีที่ผมเจอ พอเขาจับได้ปุ๊บ เขาทักไปหา โทรไปหา ฉันคือภรรยาโดยชอบนะ ถ้าเขารู้แล้วไม่ถอย อันนี้แสดงว่าเขาต้องการแสดงตนโดยเปิดเผย ต้องการแย่งคุณ ทั้งที่รู้คุณมีทะเบียนสมรสอยู่"
ฝน : "หนูไม่ได้ติดต่อผู้หญิง หนูพุ่งไปที่ผู้ชายอย่างเดียว ให้เขาไปเคลียร์กับผู้หญิง แต่หลังจากที่ผู้หญิงเขารู้ เขาส่งประชดประชันเรา เราไม่มีเงินจะกิน เขาก็โพสต์ของกิน เขารู้ว่าเราไปส่องเขา โพสต์ในหน้าฟีดของเขา แล้วเราไปส่อง"
เขาเคยติดต่อมาโดยตรงมั้ย?
ฝน : "ไม่ค่ะ มีแต่ด่าในไลน์ของเขา โพสต์ลอยๆ กระทบเรา เพื่อให้เรามาส่อง เพราะผู้ชายบอกว่าเราเห็นในไลน์เขาแล้ว ก่อนหนูตัดสินใจฟ้อง หนูให้โอกาสเขาแล้ว ให้เขาเลือกเรา กลับมาอยู่กับเรากับลูก ด้วยการพูดกับเขา ให้เขาไปจัดการ เพราะถ้าเขาไม่ทำเรื่องนี้จะไม่เกิด แต่เขาไม่เอาเรา ถ้าเราไปเปิดเผยต่อหน้าเมียน้อยเขาไม่เอาเรา ที่หนูคิดคือหนูอาย ผัวเราไม่เอาเรา"
วันที่เจอกันตอนขึ้นศาล เห็นว่ามีคำให้การของผู้ชายที่คุณรับไม่ได้ คือเรื่องอะไร?
ฝน : "ศาลถามว่าเรากับแฟนเลิกติดต่อกันเมื่อไหร่ ผู้ชายบอกว่าก็มีไปมาหาสู่กัน ทำหน้าที่ปกติ เขาบอกเหมือนซื้อกิน พูดต่อหน้าศาลแบบนี้ ไม่ได้ทำด้วยใจ พูดง่ายๆ ว่าเหมือนซื้อกิน"
คำพูดแบบนี้ดูแรง?
ทนาย : "ฝั่งนี้ฟ้องว่าหย่า ศาลพิพากษาว่าให้หย่าแล้ว ต้องแยกเป็นสองส่วน กรณียกย่องหญิงอื่นเยี่ยงภรรยา คุณมีสิทธิ์ฟ้องหย่าได้ ผมมองว่าคุณชนะแล้ว แต่การที่คุณไปฟ้องชู้ ต้องสืบให้เห็นสองอย่าง เขารู้ว่าเป็นชายที่มีภรรยาอยู่แล้ว กับเขาแสดงตนโดยเปิดเผยว่ามีความสัมพันธ์กับสามีคนอื่น ต้องหาหลักฐานสองอย่าง"
ฝน : "หนูมีหลักฐานหมด"
ยังอยากอยู่ต่อหรืออยากเลิก?
ฝน : "ไม่อยู่แล้วค่ะ"
ที่ฟ้องชู้จุดประสงค์คืออะไร ฟ้องให้อับอายหรือเรียกค่าเสียหาย?
ฝน : "ฟ้องให้รู้ว่าที่ทำไปมันไม่ใช่นะ ฟ้องให้ผู้ชายรู้สึกบ้าง พอศาลตัดสินอย่างนี้ให้เขาชนะ แล้วหนูจะมีทะเบียนสมรสไปเพื่ออะไร (เสียงสั่นเครือ)"
ทนาย : "ทะเบียนสมรสมันศักดิ์สิทธิ์ด้วยหลักของกฎหมายอยู่แล้ว แต่ในพฤติการณ์ที่คุณทำกันสองฝั่ง ถ้าผมเข้าใจเอง มันอาจเป็นการวางแผนของผู้ชายเองหรือไม่ในการให้คุณออกไปแล้วรับคนใหม่เข้ามา มันมีแบบนี้ในสังคมจริงๆ เพราะฟังดูเขาบอกว่าให้อีกฝั่งออกไปเกิน 1 ปี แล้วเขาจะฟ้องหย่า เหมือนเขาวางแผนไว้แล้ว เขารู้ข้อกฎหมายว่าการที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจงใจทิ้งร้างอีกฝ่ายเกินปี ฝ่ายที่ถูกทิ้งร้างสามารถยื่นฟ้องศาลเพื่อฟ้องหย่าได้ นั่นคือเขาวางแผนมาตั้งแต่ต้นแล้ว ปกติแล้วเคสที่ผู้ชายไปหลอกผู้หญิงมีอยู่บ่อยๆ คือบอกว่าแต่งจริงแต่หย่าแล้ว โดยผู้หญิงไม่ได้ขอดูใบหย่า มีคลาสสิกกว่านั้นบอกว่าเลิกกันแล้ว แต่อยู่กันเพราะไม่อยากให้กระทบกระเทือนความสัมพันธ์พ่อแม่ลูก ไม่อยากให้ลูกเสียใจ อยู่ด้วยกันแต่ไม่ได้นอนด้วยกัน แยกห้องนอนอยู่ อันนี้่ประโยคคลาสสิกกว่า เจอบ่อย ถ้าเขาเลิกกันจริงๆ เขาต้องกล้าพาคุณไปหาพ่อแม่ พาไปหาลูกของคุณ พาไปหาภรรยาคนเก่า เพื่อให้รู้ดำรู้แดงกันไป ถ้าเขากล้าพาไป แสดงว่าเขาเลิกกันจริงๆ แต่ถ้าเขาไม่กล้าพาไป แสดงว่าหมกเม็ดอะไรอยู่"
ทนาย : "ถ้าพูดถึงลักษณะคดี เวลาจับได้ส่วนใหญ่กระโตกกระตากหมด ไก่ตื่นหมด ใจเย็นๆ เชือดนิ่มๆ รวบรวมพยานหลักฐานให้เยอะซะก่อน ถ้าผมเป็นคุณ จะไปถามว่ารู้มั้ยว่าฉันเป็นภรรยาที่จดทะเบียน ไปสอบถามเลย ส่วนใหญ่หลุดหมด ส่วนใหญ่ผู้หญิงจะออกตัวก่อน ซึ่งหลุดจากปากแน่นอน แล้วจะเอายังไง ฉันคือภรรยาที่ชอบด้วยกฎหมาย ถ้ามีบทสนทนาอะไรแบบนี้มันค่อนข้างชัดว่ารู้ว่ามีภรรยาที่ชอบด้วยกฎหมายอยู่ แต่ยังไปแสดงตนโดยเปิดเผยว่าฉันคือภรรยาใหม่ ยิ่งบางคน เรื่องการเรียกค่าทดแทน บางคนไม่อยู่ในมุมตัวเอง บางทีเอามือถือผู้ชาย ถ่ายภาพตัวเองส่งให้เมียหลวงด้วย โพสต์เฟซโพสต์อะไร ถ้ายิ่งเป็นแบบนี้ ยิ่งเสียค่าทดแทนเยอะ เพราะศาลมองว่าคุณไม่สำนึกกับการกระทำผิดของคุณเลย บางทีไปเยาะเย้ยถากถางเขาเยอะๆ ศาลก็จะมองว่าคุณยิ่งไปสร้างความเจ็บช้ำน้ำใจให้เขาหรือเปล่า เขาเสียสามีไปแล้ว คุณยังไปแขวะเขา"
มีอะไรเรียกร้องเพิ่มได้มั้ย หรือไปต่อยังไงดี?
ทนาย : "ถ้าศาลพิพากษามาอย่างนี้ มีนิดนึงที่คุณไม่ได้ขอเขาไป หรือขอแล้วศาลอาจไม่ให้ก็ได้ คือเรื่องค่าการศึกษา ค่าใช้จ่ายอื่นๆ เวลาคดีทั่วไป เขาจะขอค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตร ค่าอุปการะเลี้ยงดูภรรยาเนื่องจากการขาดสามีไป ทำให้เขายากจนลง ก็เรียกได้ ค่าเล่าเรียน ค่าศึกษา ค่าอื่นๆ ที่เกี่ยวกับการศึกษา และกรณีที่ผู้ชายไปยกย่องหญิงอื่นเยี่ยงภรรยา กฎหมายก็เปิดช่องให้เรียกค่าเสียหายเพิ่มเติมได้อีก แต่เราไม่รู้ฟ้องเขาไปหรือเปล่า ซึ่งตอนนี้มันขอเพิ่มไม่ได้แล้ว เพราะมันฟ้องไปแล้ว คุณต้องนำสืบให้ศาลท่านเห็นว่าคุณยากจนลงยังไง ลำบากยังไง ถ้าไม่ได้ไปบอกท่านหรือมีพยานหลักฐานชัดเจน ท่านก็ไม่สามารถพิพากษาได้"
"คดีครอบครัวโดยทั่วไป การที่ศาลท่านพิพากษา ให้ชำระค่าเลี้ยงดูมารดาหรือบุตรก็ตาม ถ้าเป็นค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรแล้วสามีหรือบิดาไม่ยอมจ่ายตามคำสั่งศาล สามารถร้องให้ศาลออกหมายขังได้นะครับ อันนี้พิเศษกว่าคดีทั่วไป คดีทั่วไปเนี่ย เงินเดือนข้าราชการต้องห้ามยึดหรืออายัด แต่คดีครอบครัวเป็นข้อยกเว้น ยึดหรืออายัดได้"