แม่รับไม่ได้ ตร.ฆ่าลูกสาวเผานั่งยาง ถูกตั้งข้อหาเบา จี้โทษประหาร

ภาวิณีย์ : "คนเดียวค่ะ แม่ทราบเพราะน้องที่อยู่กับลูกสาวโทรไปหาแม่ ช่วงนั้นแม่พักอยู่บ้านหลาน โทรไปสี่ทุ่มกว่า บอกว่าพี่ฝนหายตัวไป"
เมย์ : "วันนั้นเป็นวันที่ 11 มี.ค. ตอนสี่ทุ่ม โทรมาบอกว่าพี่ฝนหายไปไหนไม่รู้"

ที่อยู่เป็นบ้านพักหรืออะไร?
เมย์ : "บ้านพักตร. 2 ชั้นค่ะ ถ้าจากลักษณะห้องนอนมีห้องเดียวคือด้านบน แต่ด้านล่างกั้นห้องให้เป็นห้องนอน"

อยู่กี่คน?
เมย์ : "ก่อนเกิดเหตุอยู่สองคน น้องนุ่น คนสนิทและตัวพี่ฝน เป็นน้องที่อยู่ด้วยกัน"

เป็นบ้านใคร?
เมย์ : "เป็นบ้านพักนายปิยะค่ะ เป็นตร. เป็นผู้ต้องหา และเป็นแฟนพี่ฝน พี่ฝนอยู่ข้างล่างค่ะ น้องนุ่นอยู่ข้างบน"

ปิยะไม่ได้อยู่ที่นี่?
เมย์ : "เขาพักอยู่ที่อื่น เราไม่แน่ใจว่าพักที่ไหน แต่ได้ยินว่าไปพักที่โรงฝึกสุนัข"

นุ่นโทรมาบอกว่าฝนหายไป?
เมย์ : "ใช่ค่ะ ปกตินุ่นพักด้วยกัน สายๆ ทุกวัน พี่ฝนต้องปลุกนุ่นให้ตื่นไปซื้อของขายของ แต่วันนั้นผิดสังเกต พี่สาวไม่เรียก นุ่นไปเรียกพี่แล้วก็ไม่ขาน ก็ปีนประตูดู พอไม่เห็นก็เอามีดมาแหย่กลอนให้หลุด ก็ไม่เจอใครแล้ว"

เขาปีนดู ไม่เจอ?
เมย์ : "ใช่ค่ะ หลังจากนั้นน้องเขาก็รอพี่ฝนอยู่สักพัก จะออกหน้าบ้านกไม่ได้ เหมือนมีคนเอากุญแจไปล็อกหน้าบ้าน น้องเลยออกทางหลังบ้าน น้องเก็บข้าวของพี่ฝนบางส่วนออกไป เพราะหายแต่ตัว รองเท้าก็ไม่ได้ใส่ไป โทรศัพท์ก็ไม่ได้เอาไป มันเป็นความผิดปกติ หายไปแต่ตัว รถก็จอดอยู่ที่เดิม กุญแจรถก็อยู่ กระเป๋าเงินก็อยู่ครบ ไม่หายไปเลย"

คุณทำยังไง?
เมย์ : "เรามาวันรุ่งขึ้น เรานอนคิดอยู่ว่าทำไมพี่สาวไปแต่ตัว ตอนเช้ามาเราเริ่มทำงานไม่มีสมาธิ เลยขอลากลับและไปตามหาพี่สาว จนมาถึงอยุธยา 5 โมงเย็นเพื่อแจ้งความ ตอนมาเราไม่ได้แจ้งปิยะ แต่เราให้ป้าโทรไปหลอกถามปิยะว่ารู้มั้ยฝนหายตัวเขา เขาบอกว่ารู้แต่ไม่มีเวลาตามหา เพราะยังทำงานอยู่"

ภาวิณีย์ : "โทรไปถามเขาบอกไม่รู้หายไปไหน ยังไม่ได้ไปตาม เขาคบกัน 2-3 ปี เรื่องทะเลาะบ่อยมาก มีการตบตีกัน แต่ละครั้งฝนเข้าแจ้งความตลอด แต่ไกล่เกลี่ยกัน แล้วก็กลับมาคบกันอีก"

ทะเลาะกันเรื่องอะไร?
ภาวิณีย์ : "หึงหวงค่ะ เด็กรอบๆ ข้างจะรู้กันดี มีภาพถูกทำร้ายครั้งล่าสุด ส่วนใหญ่ทะเลาะเรื่องหึงหวง เรื่องอื่นไม่มีค่ะ"

เมย์ : "นุ่นบอกว่าตอนลงมาหาพี่ฝน มีการสลับผ้าปูที่นอน ผ้าปูเก่าหายไป ที่นอนมีการปูใหม่ และไม่มีรอยคนนอน ยังตึงๆ อยู่ น้องเขาก็ไม่รู้พี่สาวหายไปแบบผิดปกติ เขาก็นอนทับที่นอน นอนรอ แล้วปรากฎว่าหัวไหล่เขาเปียก เหมือนมีน้ำเหมือนล้างคราบอะไรสักอย่าง พอเปิดดูมีเหมือนคราบที่ถูกล้าง ที่นอนก็เปียก ก็วงกว้างอยู่ แม้แต่วันที่ไปแจ้งความ เราไปจับมันก็ชื้นอยู่"

ตอนไปแจ้ง ตร.มาที่เกิดเหตุมั้ย?
เมย์ : "เราไปดูครั้งแรกไม่มีเจ้าหน้าที่มา เราไม่รู้จะเก็บหลักฐานอะไร จนเราตัดใจขับรถออกมา เราถึงเห็นเจ้าหน้าที่ตร.เดินเข้ามา บอกว่านายให้มาช่วยดู ถึงมาเก็บหลักฐานถ่ายรูปในบ้านพัก"

แฟนฝน คือปิยะ ไปยืนฟังอยู่ด้วย?
เมย์ : "ใช่ค่ะ"

ฝนหายไปคืนนึง เมื่อคืนผู้ชายที่ใส่แมสก์ใส่หมวก คือเพิ่งฆ่าฝน เอาฝนไปเผา พอตอนเช้าทำทีป็นกลับมาคุยกับตร.กับแม่ ซึ่งเป็นแม่คนที่เขาฆาตกรรม โดยตัวเองไม่รู้สึกรู้สา?
เมย์ : "ค่ะ"

เขามีพิรุธมั้ย?
เมย์ : "วันที่เราไปแจ้งความ ทุกคนตามหากุญแจห้อง ซึ่งน้องบอกกุญแจห้องมีดอกเดียวคือพี่ฝน แล้วตอนออกมาออกหน้าบ้านไม่ได้ ก่อนมาแจ้งความ เราให้น้องเข้าไปในตัวบ้านแล้วถ่ายภาพ อยากให้ถ่ายอีกครั้ง แต่น้องบอกว่าเข้าไปไม่ได้ โดนล็อกจากข้างใน ปิยะเขาบอกเขาเป็นคนล็อกประตูเอง เขาล็อกได้ไงถ้าเขาไม่มีกุญแจ เขาเอื้อมไปล็อกได้ไง"

คิดมั้ยว่าปิยะทำ?
เมย์ : "เราคิดตั้งแต่แรก แต่เราไม่คิดว่าจะทำให้พี่เราเสียชีวิต"
ภาวิณีย์ : "เขาหลบสายตา ไม่มองหน้าแม่เลย ปกติเขาจะคุยปกติ ไม่เหมือนแบบนี้ แต่อันนี้หลบสายตา แม่สังเกต แต่เราไม่ได้แสดงอาการว่าสงสัย เพราะเราพูดอะไรไม่ได้"

บางภาพเขามีอาการให้สังเกตเป็นภาษากาย?
เมย์ : "ใช่ค่ะ"
ทนายรณณรงค์ : "ผมก็ไม่เข้าใจ ราชการที่ทำแบบนี้ ชอบไปตีเนียน พอฆ่าลูกเขาก็มาคุยกับพ่อแม่ตามปกติ"

เมย์ : "มิได้เจตนาให้ผู้อื่นเสียชีวิต ทำลายอำพรางคดีปิดบังสาเหตุเกี่ยวกับการตาย"
ทนายรณณรงค์ : "ลงว่าไม่ได้เจตนาฆ่า เจตนาแค่ทำร้ายร่างกาย ทำให้ถึงแก่ความตาย ขัดแย้งกันหลายอย่าง"

ฝั่งโน้นบอกเขาถูกทำร้ายก่อน เลยพลั้งมือฆ่า?
ทนายรณณรงค์ : "เขาเป็นตร. ก็คงรู้ว่าอ้างป้องกันตัว"

น้องเมย์ไปหาข้อมูลจากเหตุอาชญากรรม แล้วเจอคดีนึงเหมือนกัน เป็นคดีอะไร?
เมย์ : "เป็นคดีเด็กที่ยังเป็นเยาวชน บีบคอแล้วเผานั่งยางแฟน เขาถูกตั้งข้อหาเจตนาฆ่า อำพรางศพ เหตุการณ์เหมือนกัน แต่ทำไมกับปิยะตั้งข้อหาไม่เหมือนกัน"

ทนายรณณรงค์ : "เบื้องต้นพนักงานต้องให้ความเป็นธรรมญาติคนตาย ไม่ใช่ผู้ต้องหา ต้องแจ้งเจตนาฆ่าไปก่อน เขาถึงไปสู้ในศาล แบบนี้เหมือนการตัดตอน สำนวนไม่หนักแน่นพอ ก็ลงโทษมากกว่านี้ไม่ได้"

พล.ต.ท.อำพล : "เหมือนอย่างที่พูดสักครู่ บอกไปแล้วว่าต้องให้ความเป็นธรรมกับผู้ที่ตาย เดี๋ยวจะแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม ก่อนส่งฟ้องเราต้องดูหลักฐานทุกอย่างและให้ความเป็นธรรมญาติคนตายด้วย คุณจะมาอ้างไม่มีเจตนาไม่ได้ ถ้าไม่มีเจตนาจะตายได้ยังไง ก็สั่งพนักสอบสวนไปแล้ว วันนี้ต้องไปเพิ่มเติม คุณไปบอกกับศาลโน่นว่าไม่มีเจตนา"

"คุณทนายพูดถูกต้องแล้ว ตอนแรกเราฟังรวมๆ แต่ไม่ได้จบแค่วันเดียว วันนี้แจ้งไปแล้ว คนตายจะไม่มีเจตนาได้ยังไง เป็นไปไม่ได้ เรื่องไม่เจตนา พลั้งมือ คณไปชี้แจงกับศาลโน่น แต่ได้สอบสวนไปแล้ว ผมเชื่อว่ายังไงเขาก็เจตนา ถ้าไม่เจตนาจะตายได้ยังไง ญาติไม่ต้องห่วง ผมก็ไม่ยอมอยู่แล้ว ไม่ใช่ฟังความข้างๆ แล้วมาพูดกัน เรื่องนี้ไม่มีใครเห็นเหตุการณ์ คนทำมีแค่สองคน ถ้าไม่มีเจตนาจะตายยังไง"

"ไม่ต้องเป็นห่วง ไม่ยอมเด็ดขาด ผมให้ความเป็นธรรม ส่วนเขาจะมีหลักฐานอ้างอิงอะไรก็ไปว่กันในศาล กราบขอโทษญาติไปสองรอบแล้ว ไม่มีเบี้ยวเด็ดขาด จะดูแล และหาทุนให้กับลูกด้วย สงสารมาก ลูก 5 ขวบ แม่คนตายก็ไม่ได้มีรายได้อะไร กำลังรวบรวมทุนไปมอบทุนให้อีกครั้ง อันนี้เป็นความตั้งใจจริงๆ "

"แล้วผมก็ถือว่ามันเป็นลูกน้องผม ผมเป็นลูกพี่ ดูแล้วไม่ได้เสียความรู้สึกด้วย ถึงเป็นเรื่องผัวเมียอะไรก็แล้วแต่ ทางญาติสบายใจ ไม่ต้องห่วง ก่อนฟ้องผมต้องไปดูอีกที ไม่มีขาดตกบกพร่อง"

พล.ต.ท.อำพล : "กระจ่างตั้งแต่วันแรกแล้ว เราต้องเอาความถูกต้องไว้ก่อน คุณอยากสู้ก็ว่ากันไป"

วันนี้รู้สึกยังไง กรมตร.มีมาตรการยังไง มักมีข่าวตร. ก่อเหตุฆ่าคน ยิงแฟนตัวเอง บีบคอแฟนตัวเอง บางทีเอาปืนออกไปยิงคนขายก๋วยเตี๋ยวเหมือนตร.เริ่มมาก่อเหตุเอง?
พล.ต.ท.อำพล : "ตร.ต้องยอมรับ อยากให้ลองตามดูว่าตร.อยู่กับปัญหาและเครียด ปีๆ นึงฆ่าตัวตายหลายคน ปัญหานี้เป็นปัญหาที่ผู้บังคับบัญชาก็แก้อยู่กับความเครียด ความกดดัน แต่ละเรื่องเข้ามา พนักงานสอบสวนถูกร้องเรียน ติดคุก มันทำให้สภาพจิตใจตร. ต้องได้รับการเยียวยา ผบ.ตร. "พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข" พยายามพูดเสมอเราต้องดูแลลูกน้องใกล้ชิด ซึมเซามั้ย มีปัญหาเรื่องเงิน มีหนี้สินมั้ย ตร.มักเป็นแบบนี้ ไปเซ็นค้ำประกันกู้เงินแล้วหนี ผมช่วยชีวิตลูกน้องไป 2-3 คนแล้วจะฆ่าตัวตาย ไปค้ำประกันเป็นแสน เราก็ต้องมานั่งปลอบ มันเป็นแบบนี้"

ตอนนี้ประชาชนหวาดระแวง ตร.พกปืนไป?
พล.ต.ท.อำพล : "ขอบคุณมาก ผมย้ำไปแล้ว ถ้าไม่จำเป็นไม่ให้ปกปืน เบิกแล้วต้องคืนหลวง เกิดโมโหใครเดี๋ยวจะเปรี้ยงปร้าง มันจะไม่ดี เสียในฐานะที่เราดูแล"

ทนายรณณรงค์ : "อยากรู้ว่าท่านคิดว่าลูกน้องท่านเขาทำคนเดียวหรือเปล่า"
เมย์ : "ไม่คิดว่าทำคนเดียวค่ะ