จะแรงกว่าเดิมล้านเท่า! ปารีณาแฉ80นักการเมืองครอบครองที่ดินรัฐ

วันนี้โอเคหรือยัง?

เอ๋ : ดีขึ้นมากๆ ค่ะ

ตอนศาลประกาศออกมา เห็นว่าช็อกมาก?

เอ๋ : ช็อกมาก ตัวชาและร้องไห้หนักมากค่ะ

ไม่คิดว่าจะถึงขั้นถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองเหรอ?

เอ๋ : ก็เป็นคดีแรกของประเทศไทย ไม่มีใครทราบเรื่องนี้อยู่แล้ว พอตัดสิทธิ์มาก็เป็นเรื่องที่น่าตกใจ ก็ต้องทำใจ และน้อมรับคำพิพากษาอยู่แล้วค่ะ

ในคดีคุณเอ๋ ที่โดน ถ้าจำไม่ผิด เป็นเรื่องที่ดินสปก. ไม่เกี่ยวกับรุกป่า?

เอ๋ : ไม่เกี่ยวค่ะ ไม่แยกกันค่ะ มันเป็นที่ดินผืนเดียวกัน คือที่ดินฟาร์มไก่นี่แหละค่ะ เดิมทีมีการแจ้งกับปปช.ว่าเรามีการครอบครองทำประโยชน์ในพื้นที่ ภบท. 5 แล้วต่อมาคุณวีระ สมความคิด ก็ไปแจ้งความดำเนินคดีข้อหาบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ เราก็เข้าสู่กระบวนยุติธรรมอย่างรวดเร็ว แล้ววันนี้ศาลมีคำพิพากษาตัดสิทธิ์ทางการเมือง เนื่องจากที่ดินแบ่งเป็นสองประเภท มี 600 กว่าไร่ กับประมาณ 40 กว่าไร่ 600 กว่าไร่คือที่สปก. ส่วน 40 กว่าไร่ศาลใช้คำว่าที่ดินว่างเปล่า แปลว่าสามารถออกโฉนดได้

665 ไร่ แต่จากข้อมูลตอนแรกบอกว่ามีถึง 1,700 ไร่ แต่โดนไป 665 แล้วอีกพันกว่าไร่ล่ะ?

เอ๋ : มันมีแค่นั้นแหละค่ะ คืออย่าลืมว่าที่ดินภบท. 5 ไม่ได้เป็นเหมือนโฉนดหรือนส.3 ที่จะมีขอบเขตอะไรที่ชัดเจน มันก็เป็นการเดินสำรวจคร่าวๆ ไม่มีขอบเขตที่ชัดเจน แต่ว่าในส่วนทำไมมันเยอะขึ้นมาเยอะ เพราะเอกสารภบท. 5 ไม่เหมือนโฉนด มันเป็นใบยาวๆ ทุก 4 ปีจะเปลี่ยนตัวเลขข้างบน เวลาเราไปยื่นดันไปยื่นซ้ำ แล้วไปยื่นตอนเขาสำรวจปีนี้ 4 ปีถัดมาก็กลายเป็นว่ายื่นเอกสารซ้ำ แต่อย่าลืมว่าตอนยื่น ดิฉันไม่ได้ยื่นว่าเป็นทรัพย์สินของดิฉัน แค่แจ้งต่อปปช.ว่าเป็นที่ดินที่ดิฉันครอบครองทำประโยชน์ไว้ ไม่ได้เอามูลค่าที่ดินไปบวกรวมกับทรัพย์สินดิฉันด้วย

คำว่าตัดสิทธิ์ทางการเมืองของปารีณา ความหมายคือจบแล้ว จบสิ้นเลย คุณเป็นส.ส.ไม่ได้ตลอดชีวิต?

เอ๋ : ไม่ได้อะไรเลย

แล้วจะทำอะไร?

เอ๋ : ไม่ทำค่ะ ก็จะเป็นประชาชนคนนึง ขอเป็นพลเมืองคนนึงที่จะทำหน้าที่แบบปารีณาต่อไป ทำอาชีพที่เอาไว้ทำมาหากิน ดำรงชีพ คงเป็นเกษตรกรเหมือนเดิม ดิฉันทำอย่างอื่นไม่ค่อยเก่ง อยากขายของออนไลน์ อยากทำหลายอย่าง ดิฉันโทรไปหาเพื่อนเยอะ ไม่รู้จะทำอะไร บอกตรงๆ ว่าตอนนี้เหมือนเป็นการเริ่มต้นชีวิตใหม่ เป็นการตายแล้วเกิดใหม่ ชาติที่แล้วดิฉันเป็นเหมือนนักการเมืองเป็นเกษตรกร ชาตินี้เกิดใหม่ในชีวิตใหม่ๆ จะไม่ยุ่งเกี่ยวการเมืองแล้ว

คิดบวก?

เอ๋ : ใช่ค่ะ ก็เหมือนพลเรือน ประชาชนคนนึง ประกอบอาชีพนี่แหละค่ะ

วันนี้คิดบวก เหมือนตายแล้วเกิดใหม่ ตอนถูกตัดสิทธิ์ เขาบอกที่ราชบุรี มีการจุดประทัดไล่ เขาดีใจหรือฉลองหรือยังไง ข้อเท็จจริงเป็นยังไง?

เอ๋ : จริงๆ ต้องขอบคุณคนจุดประทัด คุณกบ เสื้อสีขาว เป็นคนขับรถของคู่แข่งดิฉันเอง ตรงนี้เป็นตำบลเขาชะงุ้ม เขาจุดฉลองค่ะ เขาอ้างว่าจะได้ประชาธิปไตยคืน จะได้ส.ส.คนใหม่ คือตอนนั้นที่ดิฉันเห็นคลิป บอกไว้เลยว่าตั้งแต่ตัดสิทธิ์มา ดิฉันร้องไห้ แล้วหยุดร้องไห้ แล้วก็ร้องไห้ วนๆ อยู่อย่างนี้ทั้งวันทั้งคืน แล้วไม่นอนหลับ ไม่กินข้าวเท่าไหร่ แต่พอเห็นคลิปนี้ มันเหมือนคนนอนอยู่ในโลงศพตายอยู่แล้วก็ตื่นขึ้นมา เดี๋ยวนี้เวลาไปงานอย่างไปทำบุญที่วัด เจอเสียงประทัดแล้วตื่นเลยเหมือนกัน เป็นอะไรที่ปลุกใจตลอด ก็เป็นเสียงที่เยาะเย้ยเรา ตอนแรกกะว่าจะอยู่เป็นพลเมืองเงียบๆ แต่พอมีการเยาะเย้ยเกิดขึ้นก็เปลี่ยนใจแล้ว ประกาศเลยว่าดิฉันจะกลับมาแรงกว่าเดิมล้านเท่า ตอนนี้ฟื้นแล้วค่ะเพราะเสียงประทัด จากทุรนทุรายร้องไห้ ต้องทำใจหนักมาก ดิฉันไม่เคยวิพากษ์วิจารณ์อะไรนะคะ ดิฉันน้อมรับคำพิพากษา แค่ต้องทำใจแค่นั้นเอง ต้องผ่านพ้นไปให้ได้ เสียงประทัดเยาะเย้ยทำให้ดิฉันฟื้นเร็ว

คุณอยู่ในแวดวงการเมืองมาเกินครึ่งชีวิต?

เอ๋ : แน่นอนค่ะ เพราะเรียนจบจากอเมริกามาก็อยู่กับชาวบ้านแล้วค่ะ

วันนี้ไม่ได้เป็นส.ส. ไม่ได้อยู่กับการเมือง จะไม่ทุรนทุรายเหรอ?

เอ๋ : ก็ต้องให้ทนายดูคำพิพากษานิดนึงว่าดิฉันทำอะไรได้บางไม่ได้บ้าง เพราะดิฉันไม่ใช่นักกฎหมาย แต่เบื้องต้นดิฉันตั้งใจจะเป็นพลเรือนในแบบดิฉันต่อไป

คุณพ่อว่าไง?

เอ๋ : ยังไม่ได้คุยกันค่ะ

ช้ำมั้ย?

เอ๋ : ไม่ทราบค่ะ เพราะไม่ได้คุยกับใคร ไม่ได้เจอกับใคร

คุณเก็บตัวเลยเหรอ?

เอ๋ : ไม่ได้เก็บมากเท่าไหร่ ตอนนี้เริ่มฟื้นแล้วค่ะ สภาพจิตใจดีขึ้น 90 เปอร์เซ็นต์ได้แล้ว

พรรคต้นสังกัดว่าไงบ้าง?

เอ๋ : ไม่ได้คุยกันค่ะ ดิฉันไม่ได้เกี่ยวข้องกับพรรคพลังประชารัฐอีกต่อไป หลังคำพิพากษาดิฉันถูกยกเลิกความเป็นสมาชิกโดยกฎหมายอัตโนมัติเลย ดิฉันไม่เกี่ยวกับพรรคพลังประชารัฐแล้วค่ะ

สีสันก็หายไปเหมือนกัน คุณคือสีสันทางการเมือง มีทั้งคนรัก คนไม่ชอบ คนที่เกลียด คละเคล้าไปหมด ล่าสุดมีประเด็นคนอื่นก็ควรโดนด้วย คุณเอ๋กำลังรวบรวมข้อมูลที่จะมีการร้องบุคคลบางท่านในลักษณะที่เหมือนคุณเอ๋โดน?

เอ๋ : บอกตรงๆ ตอนนี้ดิฉันประกาศในเฟซบุ๊กว่าดิฉันจะเป็นพลเมืองดี ถ้าใครมีข้อมูลอะไรที่ไม่ดีกับประเทศชาติหรืออะไรก็ตามแต่ ให้ส่งไปรณีย์มาตามที่อยู่ในเฟซบุ๊ก มีคนส่งมาเยอะ อย่างสมัยก่อนที่โดนคดีถือหุ้นสื่อ โดนประมาณ 40 กว่าคนทุกพรรคพร้อมกัน แล้วเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมและหลุดออกมาเป็นล็อตๆ ไป แต่ครั้งนี้มีคนแจ้งที่ดินครอบครองเอกสารที่ไม่มีเอกสารสิทธิ์ครอบครองที่ดินของรัฐเข้าไปจำนวนมหาศาล ทั้งแจ้งและไม่แจ้ง ปปช.ทราบแล้วด้วย ดิฉันเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมคนเดียว แต่ทางปปช.อ้างว่ามีสำนวนครบถ้วน แต่จริงๆ การแจ้งนักการเมืองเข้าไปครอบครองที่ดินรัฐ โดยปปช.ก็สมควรแล้ว

มีกี่คนที่ลิสต์ไว้?

เอ๋ : เห็นปปช.บอกประมาณ 80 รายที่มีปัญหาเรื่องที่ดิน ทีนี้ศาลพิพากษาเขียนไว้รัดกุมมากนะคะ ในเรื่องการบังคับใช้กฎหมาย กฎหมายควรบังคับใช้กับทุกคน

ของคุณไปโดนผิดจริยธรรมร้ายแรง?

เอ๋ : ค่ะ

แล้วจะไปถึงอาญา?

เอ๋ : อาญาคนละศาลค่ะ น่าจะไม่ถึงแล้ว เพราะศาลฎีกาพิพากษาที่ดินทั้งหมดที่เป็นปัญหาออกเป็น 2 ประเภท คือ 600 กว่าไร่เป็นสปก. และ 40 กว่าไร่เป็นที่ดินว่างเปล่า หรือที่ดินที่ออกโฉนดได้ด้วยซ้ำ

คุณเอ๋โดน คนอื่นก็ต้องโดนด้วย เป็นบรรทัดฐาน?

เอ๋ : ปปช.เขาควรปฏิบัติหน้าที่ตรงไปตรงมา อย่างคดีดิฉันใช้กรอบระยะเวลาในการพิจารณาค่อนข้างรวดเร็ว คนอื่นก็ควรอยู่ในกรอบกฎหมายเดียวกัน ไม่ใช่ดำเนินคดีหรือเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเพียงแต่ผู้เดียวในประเทศ มันไม่ได้

มีบทบาทให้คุณ เป็นกูรูเกี่ยวกับการเมือง ดีมั้ย?

เอ๋ : ได้ค่ะ ได้หมดค่ะ ให้คุณหนุ่มบอกมา เดี๋ยวทำได้หมด แต่จะเป็นการวิเคราะห์ตามประสบการณ์ดิฉันค่ะ

กังวลใจมั้ย คุณเองต้องใช้ชีวิตเหมือนกลับมาอยู่ในวงการการเมืองไม่ได้อีกแล้ว คุณเองอยู่กับการเมืองมาตลอดชีวิต จะทำให้คุณเก็บกด ซึมเศร้ามั้ย?

เอ๋ : ตอนแรกยอมรับได้รับผลกระทบแรงมาก เพราะเราเกิดมาในครอบครัวนักการเมือง และมาเป็นนักการเมือง แล้วไม่ให้สมัครอะไรแล้ว มันกระทบจิตใจแน่นอน แต่เพราะเสียงประทัดทำให้เราฟื้นขึ้นมา รู้สึกเหมือนถูกเหยียบย่ำแล้วลุกขึ้นมา

เอ๋ : ต้องหาเงินไปสร้างฟาร์มค่ะ

ตอนนี้คุณไม่มีตังค์เหรอ?

เอ๋ : มันต้องใช้ตังค์เยอะมหาศาลค่ะ

ทำไมล่ะ คุณมีที่ดินอีกพันไร่หรือเปล่า?

เอ๋ : ตรงนั้นคืนไปหมดแล้ว คืนไปพร้อมอสังหาริมทรัพย์

เขายึดอะไรคุณไปบ้าง?

เอ๋ : เดิมทีหน่วยงานรัฐเองก็ไม่ทราบว่าเป็นพื้นที่อะไรมีการถกเถียงกันระหว่างสปก.กับป่าไม้ เถียงกันไปเถียงกันมาจนไปหากฤษฎีกา จนสุดท้ายเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ลองดูสภาพสิคะ รัฐยังไม่รู้เลยว่าที่ตรงนี้เป็นป่าหรือสปก. เถียงกันไม่เลิกเลย แล้วประชาชนจะรู้ได้ยังไง แล้วนี่เป็นปัญหาแผนที่ ที่พลเอกประยุทธ์เคยพูดว่าควรจะใช้วันแม็ป แต่นี่ป่าไม้ใช้มาตราส่วน 1 ต่อ 4 แสนไร่ สปก. ใช้ 1 ต่อ 1 แสนไร่ เวลาเขาทำแผนที่ร่วมกัน เขาใช้ 1 ต่อ 5 หมื่น ดังนั้นมันถึงเป็นปัญหาพื้นที่ ว่านี่ที่ฉัน นี่ที่เธอ

คุณจะบอกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม?

เอ๋ : ไม่ใช่ค่ะ คือมันต้องชัดเจนว่าที่ดินนี้เป็นที่ดินอะไร ซึ่งตัวดิฉันก็ไม่รู้ไง ต้องชัดเจนตรงนี้เพื่อความเป็นธรรมให้ดิฉันด้วย เพราะอย่าลืมว่ามันคือพื้นที่ว่างเปล่า มันออกโฉนดได้ ดิฉันก็คืนหมด เพราะพอทราบว่าเป็นสปก. ดิฉันก็ทำหนังสือส่งมอบคืนอสังหาริมทรัพย์ของดิฉันให้ไปเลย

คุณพูดแบบนี้ดูน่าสงสารมาก คุณกำลังเรียกคะแนนความสงสารมั้ย ว่าตอนนี้ไม่มีอะไรเหลือเลย?

เอ๋ : ดิฉันจะเรียกทำไม ไม่ได้สมัครอะไรแล้ว นี่คือชีวิตจริง เป็นเรื่องจริงที่สังคมรับทราบ ไม่ได้โกหกแม้แต่เรื่องเดียว ดิฉันเลี้ยงไก่จริง เป็นส.ส.มา 4 สมัย18 ปีจริงๆ ไมได้โกหกเลย วันนี้คืนหมดแล้ว

ต้องหาเงินมาสร้างฟาร์มไก่?

เอ๋ : ค่ะ ได้เท่าไหร่ดิฉันก็ใส่ ได้หลักพัน ได้หลักหมื่นก็ถมเข้าไป ให้เป็นดินขึ้นมา อะไรก็ได้

ปารีณา ไกรคุปต์ คุณต้องหาเงินหลักพันเหรอ?

เอ๋ : หลักพัน หลักหมื่น หลักแสน หลักล้านเอาหมด รถก็ขายไปคันนึงแล้ว ได้ 4.5 แสนบาท อันนั้นก็เอาไปใส่ในฟาร์มเลย ดิฉันไม่หมิ่นเงินน้อยไม่คอยวาสนา

แล้วเงินเก่าล่ะ?

เอ๋ : เงินเก่าก็ใช้เรื่อยๆ อย่าลืมว่าต้นปีมีดอกเบี้ยของที่กู้เก่า ธกส. มาสร้างฟาร์มเก่าที่คืนไป อันนั้นดิฉันจ่าย 1.6 ล้าน กรมธรรม์ลูกชาย 2.3 ล้าน ต้นปี 4 ล้าน อันนี้ผ่านมาแล้ว 3 ปีไม่มีรายได้เลย เป็นเงิน 12 ล้าน ถ้าเราอยู่อย่างนี้ ไม่มีรายได้ มีแต่รายจ่ายออกไปแล้วอื่นๆ อีกล่ะคะ

ทุกวันนี้มีคู่ใจมั้ย?

เอ๋ : อย่าไปมีเลย ดิฉันก็แย่พอแล้วค่ะ แค่นี้ลูกคนเดียวก็ลำบากแล้ว

มีแฟนมั้ย?

เอ๋ : ไม่มีค่ะ ตอนแรกคิดว่า 5-6 ปีจะมี ขอให้ดิฉันสงบก่อน

ชอบผู้ชายแบบไหน?

เอ๋ : ชอบคนใจดี ชอบคนมีอายุเยอะๆ สัก 10 ปีก็ดี มันอบอุ่น ชอบ รวยจนก็ได้ ขอแค่เป็นคนใจดี พูดเพราะๆ สุภาพบุรุษ