ผมไม่ได้บ้า! เฮียโต เล่าละเอียดหนีลูกชาย-สะใภ้ เมียตายยังไมรู้
รายการโหนกระแส ออกอากาศวันที่ 15 ก.พ. 66 ดำเนินรายการโดย "หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย" ผลิตในนามบริษัท ดีคืนดีวัน จำกัด ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.35 น. ทางช่อง 3 กดเลข 33 สัมภาษณ์ เฮียโต ผู้เสียหาย มาพร้อม ทนายแนน - ทนายโป้ง วางแผนให้หลบหนีออกมา ทนายสมาร์ท ทนายด้านกฎหมาย, กำนันหนู ออกมาเปิดเผยเรื่องนี้
เฮียโต : คนเดียวครับ เขาอายุ 34 ปี
เหตุการณ์เริ่มจากอะไร?
เฮียโต : เมียลูกชายใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายติดแบรนด์เนม ผมก็ให้เงินใช้ 4.7 หมื่นต่อเดือน ผมให้กันใช้ตอนเรียกมาจากบ้านเดิม จากที่อยู่บ้านพ่อตาแม่ยาย เราก็พาไปกินทุกมื้อ แฮปปี้กันหมด วันดีคืนดี มีอยู่วันนึง เมียให้เงินไปใช้หนี้กรุงเทพฯ ผมก็ไปกรุงเทพฯ แต่ไปถึงแล้วเงินขาด ลูกชายตั้งกล้องหน้าทีวี ตรงเก๊ะ เขาเปิดกล้องดูทำไมเงินหาย ก็เห็นลูกสะใภ้หยิบเงินตรงโน้นตรงนี้ทีละพัน เราก็สั่งสอนว่าถ้าอยากได้ตังค์ให้บอก
เฮียโตให้เงินเดือนลูกสะใภ้?
เฮียโต : ให้ทั้งคู่ เดือนละ 4.7 หมื่น เขาทำงานบ้านพ่อบ้านแม่เขาได้เงินเดือน เดือนละ 2 หมื่นกว่าบาท เขาไม่พอกิน ก็เรียกกลับมาอยู่กับเรา
ทำไมลูกชายถึงตั้งกล้อง?
เฮียโต : เงินผมหาย ตอนนั้นจะเอาเงิน 4 หมื่นบ้าง แสนนึงบ้านไปจ่ายค่าอุปกรณ์ไฟฟ้า เราเก็บเป็นเงินสดไปจ่าย พอไปถึงที่ต้องจ่ายเงินหายไปไหน ทีละ 2 พัน 3 พัน ก็ให้ลูกตั้งกล้องแล้วเจอเมียลูกชายโยนตังค์ตรงนั้นตรงนี้พัน มันหาว่าเราทำตก เราก็โทษเขาไม่ได้ แต่เขาเป็นคนโยนออกมาเอง หลังจากนั้นทำไมอยู่ดีๆ ผมป่วย จากที่แข็งแรง ไม่มีโรคประจำตัว ภรรยาก็แข็งแรง ตรวจทุกปีที่รพ.กรุงเทพ
พอมีอาการรู้สึกยังไง?
เฮียโต : ผมก็สะลึมสะลือ มึนไปหมด เขาก็ขังผม ช่างบอกว่าอยู่ดีๆ ทำไมสองผัวเมีย ปากลิ้นแข็งพูดไม่ได้ ห้องนอนผมก็จะเปลี่ยนล็อกข้างนอกไม่ให้ใครเข้าไปได้ เขาขังตรงนั้นให้กระโถนคนละใบ
ทำไมเขาต้องจับขัง?
เฮียโต : เขาอยากได้ตังค์นี่แหละ เมียเขา
วิธีการจับขังครั้งแรก เขาหลอกล่อยังไง?
เฮียโต : เหมือนเราป่วยนอนในห้องเราสองคนผัวเมีย อยู่ดีๆ พลิกเป็นหน้ามือเป็นหลังมือ
ลูกบิดที่เปิดไปได้ถูกเปลี่ยน ธรรมดากลอนต้องปิดข้างใน แต่วันดีคืนดี ล็อกมาอยู่ด้านนอก ด้านในเปิดไม่ได้ เพราะมีคนปิดจากด้านนอก เฮียเลยคิดว่ามีคนเปลี่ยนมันแน่ ตอนนั้นเฮียเป็นไง?
เฮียโต : สะลึมสะลือ บางทีเดินหลงไปที่นั่นที่นี่ ตอนแรกหายเขาก็พามาขายของข้างล่างในห้องกระจก แต่ไม่ให้ใครพบ
ทนายโป้ง : นี่คือบ้านหลังแรก ตอนนั้นเฮียโตป่วย มีการไปนอนในห้อง ทั้งผัวทั้งเมีย จนหลานสาวไปช่วย และพาไปโรงพยาบาล กำลังจะหาหมอ ลูกชายพาตร.ไป อ้างเป็นลูกชาย มีอำนาจดูแลพ่อแม่ พาพ่อแม่ไม่ให้รักษา แล้วพาไปขังที่บ้านพ่อตาแม่ยาย
เฮียมีพยานยืนยัน ถึงการเปลี่ยนแปลงของเฮียคือช่างออด เขาบอกว่าอยู่มีอาการคล้ายๆ ไม่รู้ตัว ใส่กางเกงในตัวเดียวเดินออกมา ลิ้นแข็ง ซึ่งไม่เคยเป็นมาก่อน จากนั้นตัวเฮียและภรรยาถูกจับอยู่ในห้องบ้านตัวเอง หลานสาวรู้เรื่องได้ยังไง?
เฮียโต : สงสัยว่าทำไมไม่มา ปกติจะเอาของไปเลี้ยงช่าง หลานถามจะเข้ามาหาก็ไม่ให้ เขาจะไปเปิดลูกบิดเอาตัวผมออกไป แต่เขาไปเอาตัวกลับมา
หลานสาวเปิดประตูเข้าไปเจอเฮียโตและภรรยา จากนั้นพาเฮียโตและภรรยาไปหาคุณหมอที่รพ.แล้วเป็นยังไง?
ทนายแนน : ไปหาหมอที่รพ. ช่วงนั้นมีเคอร์ฟิว ทางหลานต้องกลับมาก่อน ประมาณวันที่ 8 มิ.ย. 63 ที่แอดมิดเข้ารพ. ทางหลานก็ได้กลับมาบ้านก่อน ทางเฮียโตก็แอดมิดที่รพ. ทางลูกชายได้แจ้งความว่าพ่อถูกลักพาตัวไป คืนนั้นเที่ยงคืนก็ไปรับเฮียโตกลับจากรพ. หมอยังไม่ทันรักษา เอาตัวออกมาทั้งคู่เลยค่ะ
เขาเอาไปไหน?
เฮียโต : ไปขังบ้านพ่อตาแม่ยาย บ้านหลังที่สอง ขังอยู่ในห้องสี่คูณแปด มีเหล็กดัดสองข้าง ตอนนี้เหล็กดัดหายไปแล้ว ตอนไปอยู่ เขาจะเปิดประตูเข้ามา เอาสลิงค์มากับข้าวชามนึง จะกินยามั้ย ไม่กินยาก็ไม่ให้ข้าวกิน จะฉีดยาอย่างเดียว เขาไม่ให้ดูเวลา วิทยุ ทีวี ไม่ให้ฟังเลย คนที่เอาเข้ากับสลิงค์ยามาคือพ่อตาแม่ยาย คู่นี้ประจำ และน้องสาวลูกสะใภ้สองคนเฝ้าประตูไม่ให้วิ่งหนี
เราอยู่สองคนผัวเมีย ตอนเขาเข้ามาเอาสลิงค์ยาอะไร?
เฮียโต : ไม่บอก บอกแค่ว่าจะหายอย่างโน้นอย่างนี้ แต่นี่กินแล้วผมร่วงเอาๆ ผอมโซ เมียก็บอกว่าอย่ากินเลย ผมก็ขอร้องอย่าให้เมียกินเลยเพราะกินนิดเดียวก็ใจสั่น ยายต้อย แม่ยายก็บอกว่าถ้าเมียไม่กินก็ต้องกินแทน แล้วก็บีบปากฉีดเข้าไปในปาก
กินแล้วอาการเป็นยังไง?
เฮียโต : สลบหลับตึง ผมก็สันนิษฐานว่ายาสลบหมู
มีคลุกในข้าวมั้ย?
เฮียโต : คลุกในข้าวตอนหลัง กินแล้วขมปี๋เลย กินแป๊บเดียวก็สลบแล้ว กินมาม่าชามนึง เมียบอกอย่าเพิ่งกิน ดำปี๋ ถ้ากินเยอะตามมันเราตายไปแล้ว เราแกล้งๆ กินทีละน้อยๆ แล้วก็นั่งขี้เยี่ยวใส่ถุงดำ กองเป็นภูเขา เขาถึงมาขนออกไป ล่าสุดสามเดือนมันไปก่อสร้างคุกใหม่ให้ผม
เขาย้ายเฮียไปห้องน้ำทำไม?
เฮียโต : ลูกสะใภ้โทรมาด่าว่าเมื่อไหร่จะตายโหงตายห่าสักที ผมก็ไม่รู้วันเดือนปี มันด่าแบบนี้แล้วก็ไปดูแลแทน มันเอามีดกรีดกำแพงให้เมียผมใจสั่น แล้วต้มน้ำร้อนมาเป็นหม้อๆ สาดเข้ามา ผมหนีไปอยู่กลางก็เอาวิกซอลอีก
สิ่งที่เฮียพูดเรื่องจริงใช่มั้ย?
เฮียโต : จริงๆ จำจนตายในชีวิตผม ผมแกล้งบ้าแกล้งใบ้ไปงั้น ถ้าสู้มันก็สู้ไม่ไหว
เขาแยกเฮียมาอยู่ห้องน้ำเล็กๆ ติดกับภรรยา?
เฮียโต : มันสร้างห้องน้ำสองห้อง แยกผมกับภรรยา
ตามข่าวเฮียบอกว่าภรรยาอยู่ห้องนึง ตัวเฮียอยู่อีกห้องนึง หลังจากนั้นเฮียตะโกนคุยกับเมียตลอดเวลา?
เฮียโต : ก็ถามเขาเรียกเขา เขาขังเราแล้ว ทุกทีอยู่ด้วยกัน สภาพตอนนั้นเมียอาการปกติหมด เขาไม่ได้กินข้าวก็ไม่มีแรง ปีนไม่ได้ เพราะขึ้นที่สูงไม่ได้
เฮียโต : เขาก็เครียดมาก พ่อตาแม่ยายบอกจะปล่อยแต่ไม่ปล่อยซะที
ตอนนั้นลูกสะใภ้กับลูกชายเฮียอยู่ที่ไหน?
เฮียโต : ก็อยู่ในนั้น อยู่ข้างนอก ไม่ได้เข้ามา
เขาทำแบบนี้เพื่ออะไร?
เฮียโต : หวังสมบัติผม ลูกชายผมขนทรัพย์สินไปทำที่โน่นหมดเลย เขาเอาทุกสิ่งทุกอย่างที่มีอยู่ เงินก็เอาไปเป็นร้อยล้าน ไปอยู่ที่นั่นก็ให้เราเซ็น เราก็ไม่รู้ให้เซ็นอะไร
ทนายแนน : สลิปคือเราฟ้อง เอกสารทางสาร ลูกชายโอน
โอนยังไง?
เฮียโต : แอปฯ โทรศัพท์ โอนทีละ 5 แสน
ทนายแนน : กดไป 66 ล้าน เราตรวจสอบหลังลูกชายร้องให้เฮียแกเป็นผู้เสมือนไร้ความสามารถ ตัวเขาเป็นผู้พิทักษ์
เฮียหลุดรอดมาได้ยังไง?
เฮียโต : ทะเลาะกันเรื่องสมบัติ สองปีสร้างอยู่ที่โน่นใหญ่โตเลยนะ มันทะเลาะกันเรื่องสมบัติ แบ่งไม่ลงตัว ทะเลาะกับพ่อตาแม่ยาย มันพาผมขึ้นรถมากับมัน พาหลานกับเมียมา ไปอยู่อีกหมู่บ้านนึงที่เขาซื้อไว้ ผมก็ไม่รู้หรอก เข้าไปก็อยู่ตรงนั้นแหละ ลูกชายบอกให้ทำตัวดีๆ ทีแรกผมก็ไม่รู้ว่าเมียผมตาย ผมถามหลานว่าอาม่าไปไหน เขาบอกกู้ภัยมาห่อศพไปเผาแล้ว ก็ถามว่าตั้มแม่มึงอยู่ไหน โทรคุยหน่อย เขาบอกแม่ตายแล้ว เผาไปแล้ว ลอยอังคารไปแล้ว ทำใจซะ งานศพก็รู้ใหญ่มั้ย เขาจัดกันเอง
ทนายแนน : ที่เช็กมา มีคนไปร่วมงาน 7 คน ที่ไปร่วมงานศพเมียเฮีย
สาเหตุเมียตายเขาบอกว่าอะไร?
เฮียโต : ผูกคอตาย มารู้ทีหลัง
เชื่อมั้ยว่าเมียผูกคอตาย?
เฮียโต : ไม่เชื่อ เขาคุยกันว่าแขวนคอตาย เราเคยดูรายการริวจิตสัมผัส ดูทุกวันเขาบอกฆ่าตัวตาย วิญญาณจะอยู่ตรงนี้ไม่ได้ผุดไม่ได้เกิด เขาก็เชื่อผม ผมพูดอะไรเขาก็เชื่อ ไม่เชื่อเพราะเมียผมไม่มีแรง จะไปแขวนคอได้ไง เชือกก็ไม่มีในห้อง เหลือแต่ตัวสองคน ให้แพมเพิสอาทิตย์ละสองตัว เดินไม่ไหวหรอก ขี้เยี่ยวเล็ดหมดแล้ว
มีคนพยายามเบี่ยงประเด็นบอกว่าเฮียเป็นอัลไซเมอร์?
เฮียโต : ผมไม่ได้เป็น ผมจำได้ทุกอย่าง ถ้ากินตามมันผมต้องตาย ไม่ได้เป็น ผมจำได้ทุกอย่าง
ดูจากการตอบคำถาม ไม่ใช่อัลไซเมอร์ ถามไปก็ตอบเหมือนเดิม ดูจากข่าว เฮียก็ตอบแบบนี้?
เฮียโต : ผมโดนแบบนี้ ผมจำจนตาย อยู่ในสมอง
เฮียหลุดรอดมาได้ยังไง?
ทนายแนน : หลานสาวเฮียได้ติดต่อแนนมา พี่ก้อย ที่ไปช่วยตอนแรก ได้ติดต่อมาว่าเกิดเหตุแบบนี้กับเจ๊ก ส่งคลิปส่งรูปมาให้ดูทุกอย่าง ก็เลยปรึกษาพี่โป้งว่าเคสนี้จะเป็นยังไง
ก้อย : น้าจิ๋มนอนอยู่กับพื้นไม่ได้สติ เฮียโตถามอะไรก็เบลอๆ พูดไม่รู้เรื่อง ขนาดเอาตัวน้าจิ๋มลงมาข้างล่างก็ยังอ่อนปวกเปียก ไม่รู้เรื่อง ไม่ได้สติ เฮียโตก็พูดพร่ำไปเรื่อย ไม่มีสติสัมปชัญญะ เหมือนเมายา
เหตุการณ์ครั้งที่สอง ได้รับจดหมายเฮียโตมั้ย?
ก้อย : ได้รับค่ะ ก่อนได้รับไปรษณีย์โทรมาถามก่อนว่าเฮียเป็นยังไง ได้ข่าวเฮียมั้ย เราก็บอกว่าไม่ได้ข่าวมาสองปีแล้ว เขาบอกไปเจอมาเราถามคำแรกว่าแกสติดีมั้ย เขาบอกดี คุยรู้เรื่องทุกอย่าง อีกวันแกก็ใช้โทรศัพท์ไปรษณีย์ติดต่อมาทางหนู หนูยังมีคลิปอยู่เลย เขาก็พูดเหตุการณ์อย่างที่บอกนี่แหละ สักพักแกก็ส่งจดหมายมาให้เรา เราก็เริ่มปรึกษาทนายแล้วว่าจะเอาออกยังไงถึงไม่ผิด เพราะเราไม่ค่อยรู้เรื่องเสมือนผู้พิทักษ์เขาทำอะไรได้บ้าง ถ้าเราทำผิดเดี๋ยวน้าจะกลับไปโดนอีกมั้ย เขาเขียนรายละเอียดให้เราดูหมด ตรงกับที่เขาคุยกับเราทางโทรศัพท์ เราเลยต้องหาทางช่วย พอเราได้จดหมายก็ติดต่อทนายว่าเราจะช่วยเขาได้ระดับไหน และเริ่มพาไปรักษาตัว
มุมคุณก้อย ในฐานะเป็นหลานสาวเฮียโต เชื่อสิ่งที่เฮียโตพูดร้อยเปอร์เซ็นต์มั้ย?
ก้อย : ร้อยเปอร์เซ็นต์ค่ะ เพราะหนูอยู่กับเขาตั้งแต่ก่อนมีเรื่อง จนมีเรื่อง และได้ออกมา คิดว่าเชื่อค่ะ
มีคนพยายามบอกว่าเฮียโตเป็นอัลไซเมอร์?
ก้อย : ไม่ใช่ คนทำงานทุกวัน ปีนเสาไฟ คำนวณไฟฟ้า ไม่มีทางเป็นไปได้ แล้วเป็นทั้งสองคน แป๊บเดียวอยู่ดีๆ เป็นเลย จากคนแข็งแรงขายของ ปีนเสาไฟ ทั้งสองคนผัวเมียทำได้หมด แต่ระยะเวลาไม่กี่เดือน เริ่มป่วยและเป็นพร้อมกันสองคน เราก็ต้องมองอีกอย่างนึง พยายามดู พยายามช่วย พยายามแนะนำ ป่วยคนเดียวทำไมไม่พาไปหาหมอ ป่วยคนที่สองก็ไม่คิดจะพาไปหาหมอ เขาไม่กระตือรือร้น
อยากฝากบอกอะไรลูกชายและลูกสะใภ้เฮียโต?
ก้อย : ออกมาพูดความจริง ทำไม่ทำก็ว่ากันอีกที สิ่งที่คุณกระทำเราเห็นทั้งหมด ตั้งแต่ต้นที่คุณย้ายเข้ามาอยู่ในบ้าน จนมีเรื่องและตอนนี้ หนูเห็นทั้งหมด เราก็ไม่อยากจะเชื่อ แต่สิ่งที่เราเห็นมันบ่งบอก ตอนนี้พยายามหาหลักฐานมาชี้กันเลยใครทำใครไม่ทำ ก็อยากให้น้องมาพูดมาคุยกับพ่อ คุยไปเลย
ทนายเดชาบอกว่าเรื่องนี้ระวังโอละพ่อ ให้ฟังความอีกข้างนึงด้วย รวมทั้งมีคนพบเห็นเฮียโตเดินอยู่ทั่วไปต่างๆ นานา มันคือยังไง?
เฮียโต : ผมเดินอยู่หมู่บ้านหลังที่สาม ขาก็ยืนจะไม่ได้แล้ว ผมก็แกล้งเดินออกกำลังกายจนมันไว้ใจ ผมเดินไปหาโทรศัพท์ บ้านตรงข้ามยังไม่เชื่อผมเลย ผมเล่าเหตุการณ์ ผัวเขาบอกว่าเรื่องครอบครัวอย่าไปยุ่ง จนผมเดินไปถึงซอย 14 ขอโทรศัพท์ติดต่อก้อยตลอด คนรู้จักผมหมด หลายคน
โอละพ่อได้มั้ย?
ทนายสมาร์ท : เรื่องการตั้งข้อสังเกตก็เป็นไปได้ แต่ข้อเท็จจริงก็อีกส่วนนึง ทนายเดชาอยู่ภายนอก ไม่รู้ข้อเท็จจริงทั้งหมด อาจได้ข้อมูลมาจากการเสพสื่อต่างๆ อาจมีสายรายงานท่าน ให้ข้อมูลอย่างนี้ๆ ทีนี้ก็ต้องถามว่าคนบอกเรื่องราวท่านฟัง เขารู้จริงมั้ย รู้รายละเอียดแค่ไหน ถ้าคนไม่ทำงานตรงนี้จริงเขาจะรู้รายละเอียดเหรอ พอเรื่องไปถึงศาลเราจะรู้กันเองว่าเรื่องจริงหรือไม่จริง ต้องถามทนายเดชาว่าการที่ท่านออกมาพูดตอนนี้ข้อมูลที่ท่านได้มาแน่นพอมั้ย และจากใคร
ทนายโป้ง : สลิปโอนเงินนั่นคือเราฟ้องแล้วว่าลูกชายทำการลักทรัพย์พ่อ โอนเงินไป 60 กว่าล้าน เราฟ้องไปแล้ว มันจะเป็นเรื่องโอละพ่อไม่ได้ เพราะเราดำเนินคดีอาญาด้วย เหลือแค่ชั้นสืบพยานว่าใครผิดใครถูก
ลูกชายไปร้องว่าพ่อเสมือนไร้ความสามารถ เขาก็สามารถเซ็นอะไรออกมาได้ใช่มั้ย?
ทนายโป้ง : ทำได้ แต่เพื่อดูแลพ่อ ไม่ใช่โอนจนหมดเลย
ทนายสมาร์ท : ผู้เสมือนไร้ความสามารถกับผู้พิทักษ์ ผู้พิทักษ์เพียงแต่มีหน้าที่ให้ความยินยอม ในการที่ผู้เสมือนไร้ความสามารถ ทำนิติกรรมบางอย่างที่กฎหมายกำหนด แต่ถ้ากฎหมายไม่ได้กำหนด แต่ผู้เสมือนไร้ความสามารถทำเองได้ทั้งหมด จะต่างกับผู้อนุบาล อันนั้นเขาทำแทนผู้ไร้ความสามารถ
ทนายโป้ง : เขาแค่ใช้แอปฯ โทรศัพท์ เขามีโทรศัพท์เครื่องเดียวของเฮียโตแล้วไปที่ธนาคาร เขาก็โอนได้เลย ไม่ได้ขออนุญาตศาล ไม่ได้ใช้เพื่อการดำรงชีพของเฮียโต ไม่ใช่เลย
ทนายสมาร์ท : ไปแก้บัญชี ทำให้เขามีสิทธิ์
ไปช่วยกันออกมายังไง ถึงมานั่งอยู่ตรงนี้ได้?
ทนายแนน : หลานสาวติดต่อแนนมา แนนก็ปรึกษาพี่โป้งว่าเราจะเอายังไงกันดี กลัวถูกทำร้ายด้วย
ทนายโป้ง : เขาขู่ถ้าเอาตัวไปโดยเขาไม่ยินยอม เขาจะแจ้งความ ทุกคนก็กลัวตรงนี้ และรู้ว่าเขามีคำสั่งผู้พิทักษ์ เราก็ปรึกษากัน ก็มีคนประสานให้ไปพบผู้กำกับแสนภูดาษ ก็เรียนปรึกษาท่าน ว่าจะแก้ปัญหายังไง ถ้าเอาตัวเฮียโตออกมาแล้วเขาแจ้งความว่าเราลักพาตัว ผกก.ก็บอกว่าเราไม่เจอเฮียโต ไม่ทราบว่าปัจจุบันเป็นยังไง ก็ให้สายตรวจ ทำทีว่าไปตรวจหมู่บ้าน ระหว่างตรวจ ถ้าเจอเฮียโตก็ให้แอบถ่ายคลิปมา พูดคุยกัน ปรากฏว่าสายตรวจถ่ายคลิปมาเฮียโตก็พูดจาปกติ ก็เอามาดูเสร็จเห็นว่าปกติ เราก็จัดการใช้ไปรษณีย์เป็นตัวเชื่อม
ทนายแนน : แล้วเราก็นัดวันที่ออกมาเป๊ะๆ ให้ทางฝั่งลูกชายไปทำงานก่อน ตัวเฮียถึงออกมาได้ เราก็นัดพบที่จุดนัดพบ
พอเจอเสร็จทำยังไง?
ทนายแนน : ให้หลานสะใภ้แกไปเจอที่โรงพักเลยค่ะ
ทนายโป้ง : ทีมพนักงานสอบสวนก็ลงมาคุยกัน ลงบันทึกประจำวันว่ามีความประสงค์จะหนีออกมา เนื่องจากถูกลูกชายควบคุมตัว แล้วจะไปดำเนินการร้องต่อศาลเพิกถอนคำสั่งเป็นบุคคลเสมือน ไม่ได้ถูกใครบังคับขู่เข็น ล่อลวงมา
ได้ตัวเฮียโตมาปุ๊บ ทางโน้นไปร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกแม่ที่เสียชีวิตไป?
ทนายโป้ง : หลังจากนั้นครับ เราทราบว่าเขาไปร้องเป็นผู้จัดการมรดก เราค้านไม่ได้เพราะยังเป็นบุคคลเสมือนอยู่ เราจึงเอาคำสั่งศาลเพิกถอนเป็นบุคคลเสมือนแล้วเราถึงไปร้องตอนนี้ศาลมีคำสั่งถอนเราแล้ว ตอนนี้เป็นคนปกติแล้ว เราค้านแล้ว ตอนแรกเราบอกศาลตรงๆ ว่ายังค้านไม่ได้ ท่านก็ให้เลื่อนออกไป ให้เราไปเอาคำสั่งศาลเยาวชนมา พอได้คำสั่งศาลเยาวชนมา ก็เป็นผู้จัดการมรดกร่วมกันระหว่างพ่อลูก
กำนัน ทำไมถึงออกมาเปิดเรื่องนี้?
กำนัน : เฮียโตไปตรงบ้านผม ก็ถามว่าเฮียโตมาทำอะไร เขาบอกว่าอยากย้ายทะเบียนบ้านมาในพื้นที่ เขาเอามาให้ดูเรื่องการย้ายเข้า ผมก็บอกว่าเรื่องย้ายไม่มีปัญหา ผมก็เลยถามเรื่องส่วนตัว ว่าเรื่องราวเป็นยังไง เรื่องเฮียโตที่โดนกักขัง เขาก็บอกว่าไปไหนก็ไม่มีใครช่วยได้ ขาดพยานหลักฐาน ผมก็เลยโทรหาสื่อ สื่อก็ลงไปแล้วช่วยกัน ถึงได้มีเหตุขึ้นมา
เฮียโต : จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ลูกชายด้วย ทำกันขนาดนี้ มันไม่สำนึกเลย ถ้าสำนึกก็แล้วแต่ศาลตัดสิน
ถ้าเขาบอกว่าเขาเป็นพยานให้?
เฮียโต : อาจให้อภัยให้มั่ง แต่เงินขอคืน มันใช้สุร่ยสุร่าย ใช้ไม่คิดเลย ก็ไม่คิดว่าจะเหลือเท่าไหร่
ตอนนี้อยู่กับใคร?
เฮียโต : อยู่กับพี่ชายคนโต อาศัยเขาอยู่ วันนี้ไม่เหลืออะไรเลย
เฮียมีเงินร้อยล้านได้มาจากไหนบ้าง?
เฮียโต : ก็ทำทุกอาชีพ กับเมียเก็บหอมรอมริบ ไม่ได้กินได้ใช้หรอก เก็บทีละบาทสองบาท อดทนมาเรื่อยๆ แล้วมาช่วยกงสีเลี้ยงไก่ 5 ปี ไม่ได้อะไรหรอก กุ้งมันดีช่วงนั้นเราก็ทำฟาร์มกุ้ง กำไรดี กำไรฟาร์มเป็นล้าน ได้เดือนสองล้านสามล้าน เมียเก็บอย่างเดียว ไม่เคยไปเที่ยวไหน แล้วได้อาชีพทำไฟ ผมจบไฟฟ้า
ถ้าเป็นเรื่องจริง เฮียคิดว่าลูกชายเฮียถูกชักจูงไปหรือเป็นตัวต้นคิดด้วย?
เฮียโต : มันใจอ่อน ใจเสาะ ขี้กลัวเหมือนแม่มัน เขาหลงทางโน้นมาก พ่อตาแม่ยาย ลูกสะใภ้ชักจูงยังไงก็ทำทุกอย่าง ทำตายไม่เหลือ
วันนึงตร.บุกไปบ้านเฮียโตหลังที่สอง เจอชาย 3 คน หญิง 1 คน ชายสามคนบอกว่าเป็นมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ถูกจ้างมา ห้ามสื่อและทุกคนเข้าบ้าน ผู้หญิงอีกคนตอนแรกคิดว่าเป็นแม่บ้าน แต่จริงๆ เป็นน้องสาวแม่ยาย?
เฮียโต : เขาเคยทอดไข่มาให้ เขาก็หวังดีนะ แต่แม่ยายบอกว่าอย่ามายุ่งเรื่องนี้ คนนี้ไม่เคยทำร้ายผมหรอก มีแต่ทอดไข่ให้ผมกิน ไม่ใส่อะไร รถสี่คันของผมก็โดนยึดไปหมด เขายึดทุกอย่างจากบ้านผมไปใช้บ้านเขา แจ๋วมั้ย ขนาดแป๊บน้ำ เครื่องตัดหญ้ายังแบกไปเลย มันไม่คิดว่าเขาจะสะสมแต่ละบาทมาได้ มันเอาไปเกลี้ยงเลย
ทนายสมาร์ท : ถ้าไม่มีช่องที่เราไปได้เราจะไม่ทำ เราจะบอกตัวลูกความเลย แต่ตรงนี้มันไปได้ มันมีช่อง แต่ ณ วันนี้ข้อเท็จจริงอยู่ในสื่อหมด แต่ศาลเอามาพิจารณาไม่ได้ ศาลเอามาพิจารณาได้แค่ข้อเท็จจริงที่ปรากฏในสำนวน ต้องมาดูการสืบพยานอีกทีถึงจะจบตรงนั้น
ทนายโป้ง : ก่อนฟ้อง ผมเชิญลูกชายกับทนายมาที่สำนักงาน แล้วบอกว่าคืนเงินมามั้ย ใครร่วมมือทำบ้าง ถ้าให้ข้อมูล ให้รายละเอียดมาเราจะไม่ฟ้อง เขาไม่ให้ เขาไม่พูด เฮียโตก็บอกว่าฟ้องเลย
ทนายแนน : ไม่มั่นใจเราไม่ทำ
กำนันช่วยเต็มที่?
เฮียโต : เขาช่วยทุกบ้าน ทุกคน หาไม่มีนะ คนแบบนี้ ที่อื่นไม่ช่วยแบบนี้
ถ้าลูกสะใภ้ พ่อตาแม่ยาย ดูอยู่ อยากบอกอะไร?
เฮียโต : ออกมาคุยกันเลยว่าความจริงเป็นยังไง แล้วมาตัดสินกันอีกที ผมบอกให้พ่อตาแม่ยายสอนลูกผมทำไมไม่สอน เขาอาจหลงผิดไป แต่ผมสะอึกบางคำที่เขาพูด
จานข้าวให้กินอะไร?
เฮียโต : ปลากระป๋อง 10 บาทเลี้ยงหมา กับสลิงค์ยา แม่ยายเป็นคนทับ พ่อตาเป็นคนฉีดชำนาญมาก
มีภาพตัดเล็บเท้านะ?
เฮียโต : อาทิตย์นึงมาทีนึง ลูกชายจะพาผมไปอาบน้ำ เอามานั่งตัดเล็บ แล้วลงเฟซหมด รักพ่อ ผมรู้ทุกอย่างแต่ผมไม่มีแรง ตอนนั้นผอมมาก ตอนหลังยิ่งกว่านี้อีก ตอนนี้พร้อมเจอ ทุกเมื่อ ไม่กลัวตายแล้ว ผ่านการตายมาแล้ว
VV
V