5 ชีวิตหายตัวไปจากบ้านร่วม 2 เดือน จู่ๆ วงจรปิดโผล่อยู่ที่นี่!?
ผู้ที่หายตัวไป ประกอบด้วย 1.อุษา ผู้เป็นแม่ 2.บีม ลูกสาวของอุษา 3.ฟ้าใส น้องสาวคนละพ่อของบีม 4. รุ้ง เพื่อนของบีม 5. น้องฟอร์ด หลานชายของอุษา
คุณเพ็ญศรี พี่สาวของอุษา เล่าว่า นายแบงค์เข้ามารู้จักกับครอบครัว ในฐานะแฟนของบีม ลูกสาวของอุษา นายแบงค์เป็นคนพูดจากร่าง วางท่าใหญ่โต บอกว่าเป็นคนร่ำรวย รู้จักกับคนใหญ่คนโตมีอิทธิพลมากมาย เขาเข้ามาอยู่ที่บ้าน บอกว่าจะมาแต่งงานกับบีม และจะมาทำบ้านให้ใหม่หมดเลย แต่ตนก็เคยถามอุษาว่า เขาจะมาแ่งงานกับลูก อุษารู้จักประวัติของเขาดีแล้วหรือ เขาจะมาแต่งงานก็ต้องเอาพ่อแม่เขามาขอเป็นกิจลักษณะ ไม่อย่างนั้นเราก็ไม่รู้เลยว่าหัวนอนปลายเท้า พื้นฐานเขาเป็นอย่างไร แต่อุษาบอกว่าเขาจะมาเป็นเขยเรา เขาจะมาหลอกเราได้อย่างไร เรามีอะไรให้หลอก
ทุกครั้งที่ไปเที่ยวกัน คนที่ควักเงินจ่ายทุกอย่างคืออุษา นายแบงค์ไม่เคยควักเงินอะไรเลย โดยอุษาบอกว่า นายแบงค์ชวนอุษาไปลงทุนทำธุรกิจด้วยกัน ไม่รู้ธุรกิจอะไร
ขณะที่ป้าเกสร ป้าของน้องรุ้ง เพื่อนของบีม ซึ่งรุ้งเป็นหนึ่งในคนที่หายตัวไปพร้อมกัน แต่ไม่ได้เป็นสมาชิกในครอบครัว ป้าเกสรรู้แค่ว่า รุ้งบอกว่าจะไปทำงานกับแฟนของบีม แต่ทำงานอะไรป้าไม่รู้ หลานบอกว่า ป้ารู้แค่เท่าที่เขาอยากให้รู้ก็พอ
ต่อมามีภาพวงจรปิดเปิดเผยออกมาว่า 5 ชีวิต ไปอยู่อาศัยที่แมนชั่นแห่งหนึ่ง ในซอยลาดพร้าว 130 ซึ่งพ่อค้าแม่ค้าบอกว่า เด็กๆ ในภาพ ใช้ชีวิตกันปกติ พูดคุย วิ่งเล่นกัน ตามปกติ ไม่ได้เหมือนถูกบังคับมา แต่พอมีภาพ มีข่าวเผยแพร่ออกไป นายแบงค์ก็ขับรถกระบะสีดำ มารับทุกคนย้ายออกจากห้องพักดังกล่าวไปเลย
ขณะที่นายสุพจน์ สามีของอุษา บอกว่า เมื่อวันที่ 8 พ.ค. ได้คุยกันล่าสุดกับภรรยา เขาโทรมาหา มาขอเงิน เป็นวันเดียวกับที่รุ้งโทรหาป้าของเขา ตนไม่ได้ให้เงินไป แต่ถามเขาว่าทำไมไม่พาลูกกลับมาเรียนหนังสือ แต่พอขอเงินตนไม่ได้เขาก็วางสายไป ไม่ติดต่อกลับมาอีก ตนมองว่าเขาอาจจะไม่ได้ถูกบังคับไป เขาน่าจะมีปัญหาเรื่องหนี้สินที่หยิบยืมชาวบ้านเอาไปให้นายแบงค์ แล้วต้องหนีหนี้ แต่ไม่รู้ว่าจะเอาเด็กๆ ไปด้วยทำไม
โดยส่วนตัว ตนเคยเจอกับนายแบงค์ 2 ครั้ง เขาสนิทสนมกับภรรยา และลูกเลี้ยง ตนเห็นแล้วก็ไม่ถูกชะตา ดูก็รู้ว่าเขาไม่น่าจะมาดี บอกว่าตัวเองรวยอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ดูก็รู้ว่ากำมะลอ แต่พอเขารู้ว่าตนไม่ชอบ ภรรยาก็กันตนออกไม่ให้ยุ่ง ทำให้ตนไม่ได้สนิทสนมกับเขา
ต่อมาช่วงปลายเดือนเมษายน ตนกลับบ้านเพราะแม่เสียชีวิต วันที่ 30 เมษายน นายแบงค์โทรมาบอกว่ามีธุระต้องไปเชียงราย เขามาขอเอารถตู้ไปจากบ้านที่พะเยา โดยบอกว่าจะขับไปเอง ซึ่งรถคันนี้เป็นรถของพี่ชายของนพดล ตอนนั้นคิดว่าไม่มีอะไรก็เลยเอารถให้เขาใช้
จนกระทั่งวันที่ 10 พฤษภาคม นายแบงค์ขับรถมารับตนที่บ้านที่พะเยา โดยมี ทั้ง 5 ชีวิตอยู่บนรถด้วย เขาบอกว่าจะให้ตนขับรถไปส่งกลุ่มนี้ที่นครศรีธรรมราช แต่หลังจากออกมาไม่นานก็มีตำรวจที่ติดตามรถตู้มา มาจับกุมตน ซึ่งตำรวจตามมาจากกรณีที่น้องรุ้ง เก็บมือถือนักท่องเที่ยวจีนได้ที่ปั๊มน้ำมันในแม่สรวย เชียงราย ตั้งแต่วันที่ 8 พ.ค. แล้วไม่คืนเจ้าของ
ซึ่งเรื่องนี้ขัดแย้งกับที่รุ้งโทรหาป้าเกสร วันที่เก็บมือถือได้ ซึ่งรุ้งบอกว่าอยู่ที่กาญจนบุรี และกำลังจะกลับบ้าน ซึ่งป้าเกสรบอกว่า ถ้านายนพดลไม่โกหก ก็ต้องเป็นหลานของตนที่โกหก
ส่วนโทรศัพท์ของทุกคน ที่นายแบงค์เอาไปเก็บไว้ ตอนนี้นายแบงด้วยกันก็ดูปกติดี ไม่เคยเห็นเขาทะเลาะกัน
ป้าเพ็ญศรี เล่าว่า เมื่อช่วงเช้าตี 5 ที่ผ่านมา อุษาเพิ่งจะโทรมค์เอาไปจำนำหมดแล้ว โดยเจ้าของโทรศัพท์ทุกเครื่องยินยอม ส่วนบรรยากาศที่เขาอยู่าหาตน บอกว่าอย่าไปแจ้งความ ให้ไปถอนแจ้งความซะ เขาโตแล้ว เขาจะไปไหนก็ได้ เขาไม่ได้ทำอะไรผิด แล้วเขาก็ตัดสายไปเลย
ขณะที่ทนายรณณรงค์ ฟังเรื่องนี้แล้วมองว่า ถ้าจะบอกว่าเป็นการลักพาตัว ต้องดูว่าผู้ที่หายไป ถูกบังคับไปหรือไม่ ดูจากกล้องวงจรปิดแล้วคิดว่าไม่ได้ถูกบังคับ เด็กๆ ก็ดูเป็นอิสระ จะหนีกลับบ้าน หรือจะใช้โทรศัพท์ติดต่อคนที่บ้านก็ย่อมทำได้ ซึ่งทางผู้ปกครองสามารถไปแจ้งความได้เพียงแค่การตามหาตัว
ถ้าคนที่ 5 สมัครใจไปเอง ถือว่าเป็นสิทธิ์ของเขาที่เขาย่อมทำได้ แต่ก็เข้าใจในมุมของครอบครัว ว่าการที่สมาชิกในครอบครัวหายไปจากบ้าน ไปกับใครก็ไม่รู้ จะไปทำงานผิดกฎหมายหรือไม่ก็ไม่รู้ อันนี้ก็เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง
ป้าเพ็ญศรี และป้าเกสร พูดตรงกันว่า ไม่ว่าอุษาจะไปไหน ไปกับใคร ถ้าสมัครใจไป ก็ตามแต่ใจเขา แต่ขออย่างเดียว พาเด็กกลับมา ให้น้องรุ้ง ฟ้าใส กับ ฟอร์ด กลับมา เพราะเขายังต้องเรียนหนังสือ
VV
V