พูดที่แรก! พิธา เผย อุ๊งอิ๊ง พูดอะไรในวันขอโทษที่ฉีกสัญญา MOU

วันนี้ 16 ส.ค. 66 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้เข้ามาพูดคุยและเปิดใจในรายการ คนดังนั่งเคลียร์ โดยในวันนี้เป็นการพูดถึงประเด็นทางการเมืองว่า หลังจากที่ มติการประชุมของ สส. ในพรรคก้าวไกล ได้ยืนยันแล้วว่า จะไม่โหวตแคนดิเดตนายกจากพรรคเพื่อไทย นายพิธา มีความรู้สึกอย่างไรบ้าง และในวันที่ พรรคเพื่อไทย เดินทางมาขอโทษเรื่องที่ ฉีกสัญญา MOU นั้น มีการพูดคุยกันเรื่องอะไรบ้าง อีกทั้งยังพูดถึงกรณีที่ตนเองนั้นถูกสั่งยุติบทบาท สส. ชั่วคราว

โดยนายพิธานั้นเปิดเผยว่า

เรื่องที่เกิดขึ้นกับผมมันไม่ใช่เรื่องเก่า มันเป็นแค่บทละครที่เคยเกิดขึ้นแล้วตั้งแต่สมัยก่อนพรรคนาคตใหม่ ผมไม่โกรธ ไม่เกลียด และไม่กลัว แต่ทำให้ผมกล้าขึ้น กล้าที่จะฟังคนอื่น กล้าที่จะมีความหวังในการแก้ปัญหาแต่ละข้อ เรื่องนี้ไม่ได้เป็นเรื่องของบุคคล แต่เป็นเรื่องของประเทศกับประชาชน เอาระบบมาก่อนตัวบุคคลมันจะดีที่สุด

อนาคตของประเทศที่นำโดยคนของผม มีทุกๆคนอยู่ในนั้น การนำของผมต้องมีฉันทามติของประชาชน ผมจะฟังให้มากกว่าพูด ไม่ต้องให้ผมเป็นฮีโร่ ประเทศนี้ต้องการระบบมากกว่าฮีโร่คนใดคนหนึ่ง การเมืองในแบบของเรา คือเกรงใจประชาชน แต่บางคน เกรงใจทุกอย่างยกเว้นประชาชน

เราพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า บ้านใหญ่ก็บ้านใหญ่ เรามาได้ครึ่งทางแล้ว เมื่อวาน (15 ส.ค. 66) มีมติพรรคออกมาให้ สส. ได้มีการโหวต เห็นว่ามีการตั้งรัฐบาลข้ามขั้ว ก็คงเป็นไปไม่ได้ที่จะโหวตให้แคนดิเดตพรรคเพื่อไทย ข้อที่สอง มันมีสัจจะที่ผมเคยให้ไว้กับประชาชน ซึ่งถ้าเอาพรรคและประชาชนเป็นหลัก ก็แน่นอนว่าเราจะไม่โหวต

เมื่อถามว่า แล้วถ้าสมมุติว่าไม่ได้อะไรเลย

นายพิธา ก็ได้ตอบว่า ต่อให้ไม่ได้อะไรเลย ก็ไม่เป็นไร สมัยที่แล้ว ก้าวไกลมี สส. แค่ 50 คน สมัยนี้เพิ่มขึ้นมา 3 เท่า มีตั้ง 150 คน เรายังตื่นเต้นที่จะทำงานให้ประชาชนอยู่ เรายังมี สส. ที่ทำงานแก้ปัญหาให้ประชาชนได้อยู่

เมื่อถามถึงวันที่ฉีก MOU

คุณพิธา ก็ตอบว่า เค้าไม่ได้แจ้งกับผมโดยตรง เป็นการแจ้งกับคณะเจรจาทีมผม ว่าดูแล้วไปต่อไม่ได้ ขอฉีก MOU ทั้ง 2 ฉบับ ถ้าจะให้ตอบความรู้สึกสั้นๆ "ก็น่าเสียดายครับ"

คุณอุ๊งอิ๊ง ก็ได้มาบอกเหตุผลว่าทำไมถึงไปต่อไม่ได้ เล่าให้ฟังถึงเหตุและผล พอไปจับกับพรรคอื่นมา เขาก็บอกว่าไม่อยากจับมือกับก้าวไกลอย่างเดียว ทางเราก็รับฟัง ซึ่งเราก็แจ้งกลับไปว่าการโหวตต้องฟังเสียง สส. ซึ่ง สส. ตัดสินใจไม่ได้ เขาก็ลงไปถามเจ้าของเสียงคือประชาชน และจึงได้มติเหมือนเมื่อวานที่บอกไป

และเมื่อถามถึงประเด็นของ การลดเบี้ยผู้สูงอายุ

นายพิธา ตอบว่า ฝนตกไม่ทั่วฟ้า เยียวยาไม่ทั่วถึง ตอนนั้นที่ผมได้ลงพื้นที่เห็นพ่อแก่แม่เฒ่าเขาลำบากขนาดไหน เดือนละ 600 ตกวันละ 20 บาท การช่วยคนชรา คือช่วยรุ่นผมด้วย ไม่ใช่ต้องมากังวลว่าต้องให้เงินคุณพ่อคุณแม่อย่างเดียว คนรุ่นผมจะได้มีกำลังที่จะกล้าเสี่ยงการทำธุรกิจต่างๆ เพราะพ่อแม่ของเราจะมีคนดูแลแล้ว ตอนเก็บภาษีเก็บทุกคน แต่เวลาช่วยจงใจเลือกช่วย

เครดิตแหล่งข้อมูล : รายการ คนดังนั่งเคลียร์