ล่าสุด (11 ส.ค.) คุณนที เอกวิจิตร หรือ อุ๋ย บุดดาเบลส ได้มาพูดคุยในรายการ Apop บันเทิง 34 โดยบอกว่า ตนเป็นคนสนใจธรรมะมาตั้งแต่เมื่อ 10 กว่าปีก่อน เพราะเป็นคนอยากรู้ว่าแก่นของศาสนาพุทธสอนอะไรตน เพราะเมื่อวัยเด็กเราจำได้แค่ไปไหว้พระ ปิดทอง เสี่ยงเสียมซี อยากรู้ว่าต้นกำนิดศาสนาพุทธเป็นอย่างไร
คุณอุ๋ย เล่าว่า มีเหตุการณ์ที่ทำให้ครอบครัวเราทุกข์จนต้องหันหาธรรมะ คือ เหตุการณ์บ้านไฟไหม้ ตอนนั้นอายุ 23 ปี เราไปปฏิบัติธรรมะเพื่อหาทางดับทุกข์ พอหลังจากกลับมาจากปฏิบัติธรรม ณ ขณะนั้นก็ชอบ จึงไปศึกษาเรื่อยๆ เพื่อที่อยากรู้คำตอบของชีวิต ตลอดช่วงชีวิตของตนก็มีเดินทางผิดไปบ้าง ทางดับทุกข์ของชีวิต คือ ตนไปคิดว่า "อยากให้เป็นอย่างใจตน" อย่าไปยึดกับสิ่งนั้น แต่กฎของธรรมชาติคือ ทุกอย่างต้องหายไป ขาดออกจากกัน ถามว่าคนเราจะทำได้อย่างไร คุณอุ๋ยเล่าว่า "เพียงเราทำบ่อยๆ เข้าใจมัน ต้องฝึกรู้ตัวบ่อยๆ ว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ เตือนตัวเองเรื่อยๆ ทุกสิ่งเกิดจากความคิด ตนก็ไม่ทำตัวไหลไปกับความคิด ฝึกจนเป็นนิสัย" การไปฝึกปฏิบัติธรรมก็เพื่อที่เราจะได้เตือนตัวเองว่าเราจะไม่หลงไปกับความคิด กลับมาอยู่กับปัจจุบันก่อน
ในช่วงที่คุณอุ๋ย ออกมาดีเบตเกี่ยวกับเรื่องศาสนา ในรายการต่างคนต่างคิด ทำให้คนมองตนเปลี่ยนไป เหมือนตนเป็นตัวแทนคนรุ่นใหม่ ที่สนใจในเรื่องศาสนา คุณอุ๋ย ตอบว่า ก็มีทั้งคอมเม้นท์ที่ดี และก็ไม่ดี พอเวลามีคอมเม้นท์ไม่ดีบ้างมันก็ทำให้เตือนเราได้เหมือนกันว่าเราจะไม่ลอย หรือหลงตัวเอง แต่จะดูก่อนว่าสิ่งที่เขาว่ามันถูกหรือไม่ ถ้าเป็นความจริงตนต้องขอบคุณด้วยซ้ำที่ช่วยมาเตือน แต่สิ่งที่โกรธหรือไม่ชอบนั่นก็คือ มาใช้คำพูดหยาบคาย หรือพยายามบิดเบือนในสิ่งที่สื่อสารออกไป ตนก็พยายามอธิบายให้เขาเข้าใจ หากเขาไม่เข้าใจจริงๆก็ต้องปล่อยไป ตอนนี้โตขึ้นใช้ชีวิตไม่ประมาทแล้ว หากเป็นตอนวัยรุ่นก็อาจจะเกิดมีการทะเลาะวิวาทหรือทำร้ายร่างกายกันบ้าง แต่ตอนนี้ไม่แล้ว น้อยลงไปเยอะแล้ว นั่นก็เป็นเหตุการณ์ที่ทำให้ตนอยากเขียนหนังสือธรรมะแบบเข้าใจง่ายสักหนึ่งเล่ม เล่าเรื่องธรรมะในมุมมองของตน ที่จะได้ทำให้คนอื่นไม่เสียเวลา เป็นคนขี้โมโม ขี้หงุดหงิด ไม่ต้องเป็นคนอาฆาตแค้นหรือต้องการปะทะ หรือไปเข้าใจศาสนาพุทธแบบศรัทธามากเกินปัญญาไป ทำให้เข้าใจชีวิตง่ายขึ้น
คุณอุ๋ย ยังเล่าต่อว่า เคยฝึก "ตาย" มาแล้ว หากในศาสนาพุทธนั่นก็คือ มรณานุสติ ให้ระลึกว่า คนเรามีโอกาสตายได้ตลอดเวลา และคุณอุ๋ยจะระลึกว่า เวลามีความทุกข์ หรือเวลาที่เราผิดหวังไม่ได้สิ่งนั้นมา ตนจะคิดว่าหากพรุ่งนี้ตาย ทุกอย่างก็หายไปหมด ตนจะมานั่งโกรธแค้นหรืออยากได้สิ่งนั้นทำไม หากคนเรารู้ว่าวันตายวันไหน เช่น อีก 5 วันจะตาย เราคงไม่มานั่งนึกถึงคนที่เราเกลียด คงใช้เวลากับคนที่ดีกับเรา หรือบอกลากันแต่สิ่งดีๆ และในเล่มนี้จะบอกเล่าถึงเรื่องราวที่เป็นเรื่องส่วนตัวที่คุณอุ๋ยได้ประสบมามากมาย และยังเป็นการเขียนหนังสือเล่มแรกอีกด้วย
สำหรับมุมมองความรักสไตล์ "อุ๋ย Buddha Bless" บอกว่า ตอนนี้ก็มีความรักอยู่กับสาวนอกวงการที่มีสไตล์การชอบธรรมะเหมือนกัน มีมุมมองการใช้ชีวิตคล้ายๆกัน จากสมัยก่อนเป็นคนจริงจังเรื่องความรักมาก คบกับใครก็จะคิดว่าจะอยู่จนแก่ตายกับเขาไปทุกคน แต่ตอนนี้เราเข้าใจมากขึ้นแล้วว่า การมีรักก็หมดรักได้ เป็นการรักอย่างเข้าใจ และเชื่อในการปรับตัว หากหมดในช่วงหลง เสน่หา ก็ต้องอาศัยการปรับตัวความเข้าใจคอยดูแลกัน
คุณอุ๋ย ยังเปิดใจเคลียร์ข่าวดราม่า ที่คุณ อุ๋ย บุดด้า เบลส ที่ออกมาทวีตข้อความว่า "RIP CHESTER ชื่อเสียง เงินทอง ก็ไม่สามารถเติมเต็มจิตใจมนุษย์ได้อย่างแท้จริง" คุณอุ๋ยบอกว่า ตัวเราเองเป็นคนที่โพสต์เกี่ยวกับสัจธรรมของชีวิตอยู่บ่อยๆ แต่ยอมรับว่าเป็นความผิดของตนเองจริงๆที่ทราบว่าเขาเป็นโรคซึมเศร้า และเป็นการโพสต์ที่ผิดกาลเทศะที่มาพูดเรื่องสัจธรรมเวลานี้
สุดท้ายคุณอุ๋ย ยังขอฝากหนังสือ "เรื่องของกู" หนังสือธรรมะแบบย่อยง่ายสไตล์ "อุ๋ย Buddha Bless" ไว้ว่า เป็นหนทางการเข้าใจธรรมะแบบง่าย ทำให้เตือนใจเราทุกข์น้อยลง สามารถหาซื้อได้ที่ร้านหนังสือชั้นนำทั่วประเทศ และสั่งหนังสือได้ที่ www.amarinbooks.com