อาจารย์ ม.ดัง ชี้ ‘เพื่อไทย’ ใช้กลยุทธ์ยืมปากตัดสัมพันธ์ ‘ก้าวไกล’

ตกลงวันนี้ประชุม 8 พรรคยกเลิก?

กัณวีร์ : ตอนแรกบ่ายสอง เลื่อนเป็นบ่ายสาม แต่สุดท้ายก็ยกเลิกไปก่อน

เครียดมั้ย?

กัณวีร์ : ประชาชนเครียดกว่า 8 พรรคร่วมด้วยซ้ำไป เพราะ 8 พรรคก็มีความมุ่งหมายแหละครับว่าจะตั้งรัฐบาลของประชาชนให้ได้ แต่เมื่อเราเลือกนายกฯ ยังไม่ได้ อันนี้ก็เป็นความเครียดอันแรกที่เกิดขึ้น เพราะเรามีความมุ่งหมายว่าพรรคที่ได้ลำดับ 1 มี 14.5 ล้านเสียง มีฉันทามติของมหาชนมาให้แล้ว ว่าสมควรและมีความชอบธรรมทุกอย่างในการจัดตั้งรัฐบาล ในการเป็นประธานสภาเริ่มต้น เป็นนายกฯ และจัดตั้งรัฐบาล แต่ยังไม่สามารถเป็นไปได้ตามครรลองของประชาธิปไตย ความเครียดไม่ใช่เกิดขึ้นแค่ 8 พรรคนี้ แต่พี่น้องประชาชนจะมีความเครียดเกิดขึ้น

การที่เพื่อไทยจะมีการคุยกับภูมิใจไทย พลังประชารัฐ เขาได้มีการแจ้งเราก่อนมั้ย?

กัณวีร์ : วันศุกร์ที่ผ่านมา มีการคุยกันของ 8 พรรคร่วมก่อนว่าการที่ก้าวไกลไม่สามารถเป็นนายกรัฐมนตรี ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้แล้ว ทางคุณพิธาเองก็เปิดทางสื่อว่าจะเปิดทางให้เพื่อไทย มีการจัดตั้งรัฐบาล โหวตนายกฯ จากเพื่อไทย มีการพูดคุยว่าจะมีสูตร 3 สมการ อันแรกต้องได้เสียง ส.ว.เพิ่มมากขึ้นเพื่อจะได้มีโอกาสโหวตนายกฯ จากฝั่ง 8 พรรค สองต้องมีเสียงโหวตของ ส.ส.มากขึ้นจากพรรคอื่นๆ สามคืออื่นๆ แต่ความคิดของเรา คือ ถ้าได้เสียง ส.ว.และ ส.ส.ร่วมกัน มันต้องการอีก 50-60 กว่าเสียงก็จะได้เป็น 736 เลือกนายกฯ ได้ จริงๆ ข้อหนึ่งข้อสองก็มีโอกาส ถ้ามีการพูดกับ ส.ส. สว.บางพรรคการเมือง ก็สามารถมีการโหวตเพื่อไทยขึ้นเป็นนายกฯ แคนดิเดตได้ แต่ว่าเพื่อไทยผมเข้าใจ แต่ผมต้องเรียนว่าผมเข้าใจดีว่าระยะเวลาในการหารือมันสั้นจริงๆ จากวันศุกร์ที่ผ่านมาจนถึงวันที่ 27 ก.ค. ที่จะถึงนี้มันมีเวลาแค่ 6 วัน ดังนั้น 6 วันนี้คงไม่สามารถค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปได้ ดังนั้นเพื่อไทยจำเป็นต้องคุยกับ ส.ส. และ ส.ว.โดยเร็ว เพราะมีฉันทามติของ 8 พรรคร่วมแล้วว่าเพื่อไทยต้องเป็นผู้รับผิดชอบในการพูดคุย

แสดงว่ารู้อยู่แล้วว่าเพื่อไทยต้องมีการไปเจรจากับพรรคอื่นๆ?

กัณวีร์ : ใช่ครับ แต่เราก็ไม่ได้สุดโต่งไปทางรวมไทยสร้างชาติ พลังประชารัฐ ไม่มีการเอ่ยชื่อ

ไม่ได้พูดว่าจะไปรวมกับพลังประชารัฐนะ แต่รู้ในทีว่าเขาต้องไป?

อาจารย์มาวันนั้นกลายเป็นไวรัล เรื่องราวก้อนเนื้อ?

นันทนา : กลายเป็นมะเร็งไปแล้วเพราะไม่ได้ทำตามกลไกของร่างกาย ก็มีแฟนๆ ฝากถามว่าวันนี้จะมี ส.ว.คนไหนโทรเข้ามาอีกมั้ย อยากคุยค่ะ (หัวเราะ)

สูตรทั้งหมดที่เกิดขึ้น มองไปทิศทางไหนบ้างของพรรคเพื่อไทย?

นันทนา : ก่อนไปถึงสูตรอะไรยังไง ขอย้อนกลับไปเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทยก็ขยันขันแข็งมากนะคะ เชิญพรรคโน้นพรรคนี้เข้ามาคุยที่พรรค ดื่มช็อกมินต์กันชื่นมื่นมาก ประชาชนช็อกไปทั้งประเทศเลย เพราะอะไรคะ ไปเชิญแต่ละพรรคมา พูดเหมือนกันหมด เหมือนถูกสะกดจิตหมู่ ไม่ร่วมกับก้าวไกล พูดเหมือนกัน ภูมิใจไทย พลังประชารัฐ รวมไทยสร้างชาติ พูดเหมือนกันเลย แล้วตกลงพรรคเพื่อไทยเชิญมาทำไม เชิญมาหารือว่าจะช่วยกันในการโหวตยังไง หรือเชิญมาให้แต่ละพรรคพูดว่าไม่เอาก้าวไกล อันนี้เรียกว่ากลยุทธ์ยืมปากตัดสัมพันธ์ คือไม่พูดเอง แต่เป็นภูมิใจไทยพูด รวมไทยสร้างชาติพูด พลังประชารัฐพูด แต่ท่าทีที่ร่วมดื่มช็อกมินต์ ถึงไม่ได้บอกว่าเอาด้วย แต่มันชื่นมื่นจนกระทั่งยิ่งกว่าเห็นด้วยซะอีกนะคะ หมายถึงหัวหน้าพรรคที่ไปร่วมประชุมกันวันนั้น ประชาชนไม่ทราบเลยนะ ว่าที่เชิญแต่ละพรรคมา เขาได้ตกลงมีการสนับสนุนโหวตนายกฯ อย่างไร ก็โดนสะกดจิตหมู่ว่ามีก้าวไกลไม่มีเรา

เขาบอกว่า ถ้าเกิดพรรคที่แก้หรือปรับเปลี่ยน 112 เขาไม่เอาด้วย?

นันทนา : ไม่ค่ะ วันนี้เขาไม่ได้พูด 112 แล้วค่ะ วันนั้นเขาพูดว่าก้าวไกลเลย และจะพูดมากไปกว่านั้นอีกสำหรับบางพรรคการเมือง เขาพูดว่าเราปล่อยให้พรรคก้าวไกลทำหน้าที่มากไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว กลับไปดูเองนะคะว่าใครเป็นคนพูด อันนี้คือกลยุทธ์ยืมปากเพื่อนมาตัดสัมพันธ์ เพื่อที่จะบอกว่าเดี๋ยวพอเราประชุมกันแล้ว ก็รู้แล้วใช่มั้ย คนไม่โหวตให้เขาไม่เอาก้าวไกล ก้าวไกลควรรู้ตัวนะว่าต้องทำอย่างไร อันนี้ก็จะเข้าที่คุณชูวิทย์พูด ว่าพยายามที่จะเอาเมียน้อยเข้ามา แต่ไม่กล้าบอกเลิกเมียหลวง ให้เมียน้อยออกมาพูดเองว่าไม่อยากได้เธอแล้ว แล้วให้เมียหลวงเก็บกระเป๋าออกไป แต่เมียหลวงเขาไม่ยอม เพราะเขาไม่ได้ผิดอะไร พรรคก้าวไกลก็ถือว่าเป็นสิทธิของเขาที่จะอยู่ พรรคอื่นแค่ออกมาพูดเพื่อทำให้รูปการเปลี่ยนแปลงไป

อาจารย์มองเหมือนกันมั้ย?

ยุทธพร : วันนี้มีเรื่องพรรคเดียวกันแต่คนละพวก กับพวกเดียวกันแต่คนละพรรค ปรากฎการณ์ที่เราเห็นในพรรคเพื่อไทย รวมไทยสร้างชาติ พลังประชารัฐ ภูมิใจไทย รากเหง้าเขาก็มาจากเพื่อไทยทั้งนั้นนะ สมัยไทยรักไทยก็ดี สมัยพลังประชาชนก็ดี ฉะนั้นการมีสายในการพูดคุยกันไม่ยาก แล้วหลายคนที่ไปเพื่อไทยก็บอกว่ากลับบ้านเก่า หลายคนก็คุ้นเคยกับคนในนี้ต่างๆ แต่มีอยู่พรรคนึงที่เพื่อไทยประกาศว่าไม่เชิญคือประชาธิปัตย์ สิ่งนี้ก็สะท้อนให้เห็นว่าพวกเดียวกันแต่คนละพรรค มันเป็นการเมืองแบบไทยๆ ที่อาจทำให้เกิดการรวมกันง่ายกว่าโดยใช้ความสัมพันธ์ที่ไม่เป็นทางการ แต่อย่าลืมนะครับ ปัจจัยในการจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้ อาจไม่เหมือนในอดีต เพราะมีเรื่องผลการเลือกตั้ง เจตจำนงประชาชนที่สะท้อนมาจากการเลือกตั้ง มันไม่เหมือนอดีตที่เลือกไปแล้วก็ปล่อยให้เป็นเรื่องส.ส. ก็ว่ากันไป แต่รอบนี้พวกเดียวกันแต่คนละพรรค เดี๋ยวมาเป็นพรรคเดียวกันแต่คนละพวก มันอาจไม่ได้แล้ว สองปัจจัยที่เกี่ยวข้องการการเมืองที่อยู่ในสภา เช่นการวางมือของพลเอกประยุทธ์ ก็มีนายกฯ ในดวงใจของพลเอกประยุทธ์หรือยัง การวางเกมต่างๆ ของฝ่ายขั้วอำนาจเดิมเป็นยังไง หรือการกลับบ้านของคุณทักษิณก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่ง นอกจากนี้การเมืองแบบมวลชนที่อยู่นอกสภาด้วย วันนี้ปัจจัยหลายอย่างมันก็ไม่ง่ายเลยที่จะโหวตนายกฯ ในรอบที่สามให้สำเร็จ เพราะมีเงื่อนไขหลายๆ อย่าง เช่นมติของรัฐสภา เมื่อวันที่ 19 ก.ค.ที่ผ่านมา บอกว่าโหวตซ้ำไม่ได้ ตอนนี้มีการยื่นผ่านผู้ตรวจการแผ่นดินไปศาลรัฐธรรมนูญ ก็ต้องรอดูว่าศาลทำยังไง จะรับมั้ย

อดีตศาลรัฐธรรมนูญพูดกันหลายคนเลยว่าโอ้ย เลอะเทอะมาก ส่งไปศาลรัฐธรรมนูญได้ยังไง?

อาจารย์ยุทธพร?

ยุทธพร : อย่างที่เรียนว่าทำได้ เพราะรัฐธรรมนูญไม่ได้ห้ามอะไร และไม่ได้กำหนดจำนวนครั้ง และไม่ได้กำหนดด้วยว่าต้องระยะเวลาเท่าไหร่ แต่ถ้า 10 เดือนจริงต้องสร้างความเชื่อมั่นให้สังคมเห็นว่าใน 10 เดือนนี้จะมีกระบวนการทำอะไรได้บ้าง ปัจจัยที่จะแทรกซ้อนในช่วง 10 เดือนจะมีอะไรบ้าง ถ้าเราปล่อยให้กลไกรัฐสภามันเดินไปอย่างบิดเบี้ยวแบบนี้ มันยังมีกลไกอื่นๆ ที่เกิดขึ้นได้ อย่างวันนี้ทำไมหลายคน ป๋าเสรีถึงออกมาพลิกสิ่งที่เคยพูดไว้ เพราะมันมีมติเมื่อ 19 ก.ค.ที่บีบ 8 พรรคอยู่พอสมควร ที่บอกว่าห้ามโหวตซ้ำ มันบีบ 8 พรรคและเพื่อไทย ถ้าเกินหนึ่งครั้งถูกตัดชื่อไปเรื่อยๆ มันไม่ใช่แค่เกมตัดก้าวไกลออกจากสมการ แต่เป็นการบีบ 8 พรรคด้วยเช่นเดียวกัน ดังนั้นเมื่อเป็นแบบนี้ ทำให้ท้ายสุดหลายคนมีจุดยืนอีกแบบก็ต้องปรับเปลี่ยนเพราะมันไปต่อไม่ได้ ถ้าเรารอ 10 เดือนจะมีโอกาสไปสู่เดตล็อกมั้ย ท้ายสุดจะกลายเป็นนายกฯ นอกบัญชีมั้ย นั่นยิ่งแล้วใหญ่เลยนะ ซึ่งประชาชนไม่ได้ต้องการแบบนั้นด้วย สิ่งสำคัญคือต้องให้ประชาชนมั่นใจพอสมควร

ผมอึดอัดหัวใจ สมมุติเอามุมนี้มาออก ก็โดนอีกมุมบอกว่าเอียง พอผมเอาอีกฝั่งมาออก ผมก็โดนคำว่าไปให้แอร์ไทม์กับคนประเภทนี้ทำไม โดนทั้งขึ้นทั้งล่อง?

นันทนา : จริงๆ ก็จะเป็นแบบนั้น แต่สุดท้ายแล้วถ้าเรายืนอยู่บนหลักการ ถ้าเรายืนอยู่บนหลักการ ซึ่งหลักการคือประชาชน เราอยู่ข้างประชาชน แค่นี้ก็จบ

ยุทธพร : นี่คือภาวะของการแบ่งขั้วที่เกิดขึ้นในสังคมไทย 18-20 ปีอยู่กับสิ่งนี้และยิ่งร้าวลึกไปเรื่อยๆ ไม่ใช่แค่พี่หนุ่ม ประกวดนางงามยังแบ่งขั้ว ดาราแบ่งขั้ว คอลเอาต์แบ่งขั้ว เลือกตั้งแบ่งขั้ว ทุกอย่างเป็นแบบนี้หมดในสังคม แล้วเราจะเดินยังไง

312 เสียงของ 8 พรรค ถ้าจับมือกันแล้วโดไปเป็นฝ่ายค้าน ดัน 188 เป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย แล้วสุดท้ายมีการเลือกตั้งใหม่เกิดขึ้น เป็นไปได้มั้ย?

ยุทธพร : ผมว่ายากครับ เพราะคะแนนเสียง 188 ห่างจาก 312 เสียงค่อนข้างเยอะ ประมาณ 70 เสียง ถึงแม้ใช้เสียง ส.ว.โหวตได้ในเชิงเทคนิค แต่เมื่อเลือกได้แล้ว จะเดินต่อ ต้องมีการคลายปมตรงนี้ว่าจะคลายปมยังไง เช่น อยู่ไปสักเล็กน้อยแล้วยุบสภา ซึ่งอาจไม่ได้แก้ปัญหาทางการเมืองได้ เพราะเลือกตั้งกลับมาอาจหนักกว่าเดิม หรือใช้วิธีการดึงงูเห่า เป็นพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ในรัฐสภา แล้วจะเป็นงูเห่ายังไงตั้ง 70 เสียง มันก็ไม่ง่าย ฉะนั้นตรงนี้โอกาสเกิดน้อย แต่เราประมาทไม่ได้ว่ามันจะไม่มี

มีทางไหนที่ก้าวไกลกับเพื่อไทยจะจับมือกันแล้วเป็นรัฐบาลด้วยกัน?

ยุทธพร : ผมว่ายากนะ

ยกเว้นรอ 10 เดือน

ยุทธพร : ไม่มั่นใจด้วยว่า 10 เดือนจะเกิดขึ้นได้มั้ย สำหรับรัฐบาล 8 พรรค วันนี้พรรคก้าวไกลไม่ได้มีภาระหนักในการจัดตั้งรัฐบาลด้วยนะ ผมบอกแต่ต้น ภาระหนักอยู่ที่พรรคเพื่อไทยที่ต้องแบกรับทุกสิ่งทุกอย่าง เนื่องจากด้วยสมการการเมืองเป็นแบบนี้ โครงสร้างรัฐบาล 8 พรรคเป็นโครงสร้างรัฐบาลที่ขาดความสมดุล สองพรรคนี้ต้องอาศัยซึ่งกันและกัน ถ้าถอดปลั๊กจากกันรัฐบาลไปต่อไม่ได้ แต่เผอิญเพื่อไทยพออยู่ในสนามการเมืองมายาวนานกว่า เขามีสายสัมพันธ์ทางการเมือง และมีโอกาสทางการเมืองที่มากกว่า แต่นั่นก็เป็นประเด็นที่ไปมองว่าเป็นการเล่นเกมของพรรคเพื่อไทย เขาก็แบกรับภาระตรงนี้ ถ้าเกิดล็อกมีนายกฯ นอกบัญชี ดีไม่ดีต้องยุบสภา เลือกตั้งใหม่ เพราะรวมแล้วไม่ถึง 376 ซะที

นันทนา : ถ้าพูดถึงนายกฯ คนนอก นายกฯ คนนอกก็ต้องเข้ามาทำงานในสภา 500 เสียง 312 ยังจับกันแน่นก็ไปเป็นนายกฯ ของ 188 ก็เป็นนายกฯ ของเสียงข้างน้อยในที่สุด มันก็สุดทางแล้วไปไม่ได้อยู่ดี แต่สิ่งที่จะเกิดขึ้นในระหว่างสิบเดือนนี้ คือการแก้รัฐธรรมนูญ ซึ่งพฤหัสบดีนี้จะเข้าสภา แก้มาตรา 272 ถ้า ส.ว.เขาบอกว่าจะปิดสวิตซ์ตัวเองเหมือนที่กล่าวกับสังคม เขามาร่วมแก้ได้ เพราะอันนี้ไม่ให้มาตรา 272 ทำงาน คือส.ว.ไม่มีสิทธิโหวตนายกฯ ถ้าแก้ตอนนี้มันก็จะเดินต่อได้ทันที ส.ว.ก็จะไม่ได้กลายเป็นมะเร็ง

สมมุติว่าฝั่งเพื่อไทยเขาตั้งรัฐบาลโดยมีก้าวไกลอยู่ด้วย แล้วมีการเจรจากัน ก้าวไกลยอมถอย 112 หลายคนก็พูดไม่เอาพรรคที่แก้ 122 ถ้าวันนี้ก้าวไกลบอกว่าถอย 112 คิดว่าพรรคอื่นจะเข้ามั้ย?

ยุทธพร : ไม่เชื่อ (หัวเราะ)