ลุงพล-หมอปลา เคลียร์ใจกันทุกประเด็น หลังเกิดดราม่า (คลิป)
ทั้งนี้ ตนรู้จักกับพระอาจารย์พลจริง เพราะท่านเป็นพระนักปฏิบัติ มีลูกศิษย์ลูกหาทั้งประเทศ แต่ตนยืนยันได้ตนไม่เคยมีเหล็กไหลจริง ๆ และตนก็ไม่ได้ถูกผีเข้าสิง ไม่มีอะไรเข้าสิงทั้งนั้น วันที่ไปแย่งไมค์น้องฟ้าจึงเป็นแค่อารมณ์เท่านั้น นอกจากนี้ตนเคยพูดแล้วว่า การอาบน้ำมนต์เป็นประเพณีของคนโบราณทางอีสาน ไม่เกี่ยวกับการทำของใส่ตน หรือเกี่ยวข้องกับหมอปลา
อย่างไรก็ตาม ถ้าหมายจับมาออกที่ตน ก็คงจะใช้สิทธิ์ต่อสู้ตามขั้นตอนและกระบวนการยุติธรรม เช่น การประกันตัวออกมาสู้คดี ทั้งนี้ตนยังได้ติดต่อไปที่ "ทนายตั้ม" หรือ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เพราะเชื่อว่าทนายตั้ม มีความสามารถ และคงจะเข้ามาดูแลคดีน้องชมพู่ เพราะเป็นคดีใหญ่ แต่ถ้าเป็นคดีเล็กๆ เช่น กรณีหมอปลาไปแจ้งความหมิ่นประมาทตน ทนายตั้มแจ้งว่าจะไม่ขอข้องเกี่ยว
นอกจากนี้ ลุงพล ยังกล่าวถึงประเด็นการสร้างศาลาสำนักสงฆ์ภูหลวงว่า ขณะนั้นหมอปลาแนะนำตนว่าไม่อยากให้เปิดบัญชีรับบริจาคส่วนตัว ตนก็ได้ทำตาม และขอให้ตนปิดบัญชีบริจาค แต่บังเอิญว่าช่วงนั้นเป็นวันเสาร์-อาทิตย์ ธนาคารปิด ทำให้ปิดบัญชีล่าช้าไป 3 วัน แต่เมื่อถึงวันทำการวันจันทร์ ตนก็รีบอายัดบัญชีทันที แต่ก็พบว่ามีเงินเข้ามาในบัญชีจำนวน 886,914.82 บาทแล้ว ส่วนเรื่องความโปร่งใส ตนยืนยันได้ว่าโปร่งใส 100% แต่เรื่องการนำรูปคนอื่น ๆ ที่ไม่ได้รับอนุญาตมาตัดต่อชักชวนให้เปิดบัญชีนั้น ตนขอให้พี่น้ำฟ้าช่วยสืบให้ตนได้หรือไม่ เพราะตนไม่ทราบและไม่มีความรู้เรื่องไอที แต่ตนก็มั่นใจว่า พี่น้ำฟ้ามีความรู้เรื่องไอที สามารถหาต้นตอของภาพตัดต่อได้อย่างแน่นอน
"ผมกล้าพูดว่าตอนที่ลุงพลไม่มีใคร ผมคือคนไทยคนเดียวที่เป็นห่วงลุงพลมาก ลุงก็น่าจะรู้ แต่หลังจากที่ลุงพลมียูทูเบอร์ข้างกาย ลุงก็ไม่ได้สนใจผมเลย ไม่ฟังผมเลย" หมอปลา กล่าว
หมอปลา กล่าวต่อว่า ลุงพลสามารถแจ้งความและอธิบายกับเจ้าหน้าที่ได้เรื่องความไม่ปลอดภัยได้ อีกทั้งลุงพลน่าจะรู้หมายเลขโทรศัพท์ในซิมที่ติดกับเครื่องดักฟังหรือเครื่อง GPS นั้น ตนอยากถามว่าแล้วลุงพลจะไม่รู้หมายเลขโทรศัพท์ได้อย่างไร ในเมื่อตรวจสอบได้จากการเช็กยอดเงินในซิมนั้น ส่วนที่ลุงพลขอให้ตนพาไปแจ้งความ ตนอยากให้ทราบเรื่องบรรยากาศที่เปลี่ยนไปแล้ว ทุกอย่างไม่เหมือนเดิม
ดังนั้นวันนี้ตนอยากบอกว่า ทั้งเรื่องเครื่องดักฟัง หรือไสยศาสตร์ ตนไม่ได้ทำ ถ้าตนทำได้จริง คงจะทำใส่คนร้ายที่ทำร้ายน้องชมพู่แล้ว และที่ผ่านมาตนเตือนลุงพลมาตลอดว่า ไม่ให้แสดงพฤติกรรมไม่น่ารัก และพูดคุยกับสื่อหลักอย่างตรงไปตรงมาที่นำเสนอข่าวทุกทาง ไม่ใช่ยูทูเบอร์ที่นำเสนอเพียงด้านเดียว ทั้งนี้ ที่ตนไม่อยากยุ่งเกี่ยวข้องกับคดีน้องชมพู่แล้ว เพราะลุงพลระแวงตนจึงต้องถอยห่าง ตนปากกับใจตรงกัน วันนี้ตนไม่เหมือนเดิม ถ้าตนบอกว่าเหมือนเดิม ก็คงเป็นการโกหกคนทั้งประเทศ ตนเคยเตือนว่าลุงพลว่าไม่ควรใช้ความรุนแรง ให้ทำตัวเหมือนลุงพลคนเดิมตอนแรกที่คุยกัน ส่วนที่ทำรุนแรงกับนักข่าวอมรินทร์ พระอาจารย์พลก็ควรตักเตือนลูกศิษย์ ไม่ใช่ถือหางลูกศิษย์อ้างว่าเพราะผีเข้า ตนมองว่าคำว่าขอโทษและยอมรับผิดก็จะทำให้ดีขึ้น
นอกจากนี้ คนคิดว่าเรื่องการเปิดรับบริจาค ไม่มีความโปร่งใส อีกทั้งมีการตั้งยูทูเบอร์ที่ไม่ใช่คนในหมู่บ้านกกกอกมาเกี่ยวข้องกับบัญชีอีกด้วย ส่วนที่มีการอ้างว่าภรรยาตนเป็นเจ้าของเพจเฟซบุ๊ก "อย่าหาทำ" ที่โจมตีลุงพล อยากถามว่าเอาอะไรคิด ทั้งที่ตนกับภรรยาก็ปกป้องลุงพล "วันนี้ลุงพลมีแฟนคลับมากมาย ผมไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับคดี เพราะไม่อยากเกาะกระแส ส่วนความสัมพันธ์จะกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้หรือไม่นั้น ผมขอให้ลุงพลเปิดใจก่อน เพราะเคยเตือนอะไรไป ลุงพลก็รับปากว่าจะทำ แต่ไม่เคยตามทำเลย" หมอปลา กล่าวทิ้งท้าย
VVVV
VV
V